"บิ๊กตู่" ลั่นไม่กลัวแรงเสียดทาน หลังประกาศจุดยืนการเมือง  ยันยังไม่คิดสังกัดพรรคไหน

"บิ๊กตู่" ลั่นไม่กลัวแรงเสียดทาน หลังประกาศจุดยืนการเมือง  ยันยังไม่คิดสังกัดพรรคไหน

 

"บิ๊กตู่" ลั่นไม่กลัวแรงเสียดทาน หลังประกาศจุดยืนการเมือง ยันไม่ได้หมายความว่าจะไปสืบทอดอำนาจ เพียงแต่เมื่อมี พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติออกมาก็ต้องทำต่อ ระบุยังไม่คิดสังกัดพรรคไหน

 

วันนี้ (25 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคสช.และประธานประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า เช้าวันเดียวกันนี้มีการหารือกันในที่ประชุม คสช. ว่าเราจะทำอย่างไรให้การปฏิรูปประเทศและการปฏิบัติงานตามยุทะศาสตร์ชาติจะได้รับการสืบต่อในการทำงานวันข้างหน้าต่อไปได้ ถือเป็นกลไกของการบริหาร ซึ่งจะต้องพิจารณาต่อไป เพราะในวันข้างหน้าเราจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตนก็ต้องพยายามทำในสิ่งที่ทำวันนี้สามารถที่จะต่อเนื่องได้ 

 

"ไม่ได้หมายความว่าจะไปสืบทอดอำนาจอะไร เพียงแต่เมื่อเรามี พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติออกมาแล้ว เป็นกฎหมายก็ต้องทำ เพราะต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญด้วย" นายกฯ ระบุ

 

เมื่อถามว่า นายกฯ คิดว่าจะทนกับแรงเสียดทาน จากนักการเมืองที่รุมโจมตีอย่างไร และจะควบคุมอารมณ์ตนเองเมื่อเข้าสู่การเมืองอย่างไรนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมยืนยันว่าผมไม่กลัว เพราะผมอยู่กับพวกท่านมา 4 ปีแล้ว ผมก็อดทนและพยายามทำความเข้าใจ แต่บางครั้งก็มีนิดหน่อยหงุดหงิดบ้างอะไรบ้างก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่ผมก็ปรับตัวมาโดยตลอด 4 ปีก็มีการพัฒนามากพอสมควร จะเห็นได้ว่าเสียงของผมวันนี้นุ่มนวลขึ้นใช่หรือไม่ ไม่ดุเดือด ไม่อะไรทั้งนั้น พอแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นหรือไม่เป็นอะไรต่างๆ ผมก็จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องทางการเมือง เพราะไม่เช่นนั้นเดี๋ยวผมตายก่อน ผมเครียดมากๆ ผมก็ตายเอง เพราะก็ไม่มีใครตายสักคน เพราะทุกคนมารุมผมอยู่คนเดียว แต่ผมก็รับได้"

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับคำที่ว่าตนสนใจงานการเมืองนั้น อย่าไปตีความกันให้มากนักเลย คำพูดที่ตนพูดออกไปนั้นหมายความว่า ตนสนใจว่ามันจะเดินหน้าไปอย่างไร มีความคืบหน้าอย่างไร โดยเฉพาะสิ่งที่ตนเป็นห่วงและกังวลก็คือ สิ่งที่ทำมาแล้ว การปฏิรูปขั้นที่ 1 ของเรา กฎระเบียบ กฎหมาย รวมทั้งยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่ที่จะทำ จะได้รับการดำเนินการอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ตนสนใจตรงนี้มากกว่า 

 

"และถ้าผมสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ ผมจะเข้าไปได้อย่างไร จะมาด้วยกลไกอะไร จะต้องดูทั้งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย พ.ร.บ.การเลือกตั้ง และทุกๆ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องที่ออกมาในช่วงนี้ก็ต้องพิจารณาอีกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรที่จะปฏิรูปให้ได้ ทั้งการปฏิรูปยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปการเมืองให้มีธรรมาภิบาล สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถสร้างขึ้นได้ง่ายๆภายใน 1-2 วัน หรือ 1-2 ปี จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างต่อเนื่อง และผมไม่ได้สงวนไว้สำหรับตนเองเพียงอย่างเดียว ทุกคนจะต้องช่วยกัน ผมอยากเห็นการทำงานให้เป็นผลสัมฤทธิ์มากขึ้น 

 

ขณะนี้เราอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน เพราะฉะนั้นบรรดานักการเมือง พรรคการเมือง ต้องเอาสิ่งที่ผมพูดไปคิด แล้วต้องมองว่าเราจะมีส่วนร่วมอย่างไรในการปฏฺรูปที่จำเป็นต้องใช้คนหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ประชาชน ผู้ประกอบการธุรกิจ ขอร้องว่าอย่ามองเพียงการเมืองอย่างเดียว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

เมื่อถามว่าตกลงนายกฯ จะไปสังกัดอยู่กับพรรคการเมืองใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของอนาคต ตนยังไม่ได้ไปตรงไหนสักอันเลย ถ้าจะพิจารณาก็ต้องดูว่า จะต้องไปเป็นสมาชิกพรรคใดหรือไม่ และต้องพิจารณาว่าจะไปร่วมกับเขาได้แค่ไหนอย่างไร และสมมติว่าตนจะไปเป็นนายกรัฐมนตรีจะมาได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องดูใหม่ทั้งหมด ต้องศึกษา เพราะตนไม่ใช่นักการเมืองมาก่อน จำเป็นต้องศึกษาว่ามันเป็นอย่างไร ปัญหาอยู่ที่ว่าใครจะเป็นหรือไม่เป็น จะทำให้บ้านเมืองสงบได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งหมดก็อยู่ที่ประชาชนที่จะต้องไม่ตกเป็นเป็นเครื่องมือของใคร