สรุปข่าวเด่นรอบวัน 25 ก.ย. 2561

กลับมาพบกับการสรุปข่าวเด่นรอบวัน ประจำวันจันทร์ ที่ 24 ก.ย. 2561 กันอีกแล้ว ในวันนี้ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจเช่นเคยซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์ได้รวบรวมมา 5 ประเด็นหลักใหญ่ด้วยกันดังนี้

กลับมาพบกับการสรุปข่าวเด่นรอบวัน ประจำวันจันทร์ ที่ 24 ก.ย. 2561 กันอีกแล้ว ในวันนี้ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจเช่นเคยซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์ได้รวบรวมมา 5 ประเด็นหลักใหญ่ด้วยกันดังนี้

 

      มาเริ่มกันที่ข่าวแรก จากกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ร้องขอให้มีการตรวจสอบคดีค้ายาเสพติดที่ น.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือ เอมี่ หลุดจากข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดกับแฟนหนุ่ม นอกจากนี้ในเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยังได้มีการโพสต์คลิปเสียงสนทนาระหว่างหญิงชายคู่หนึ่ง จำนวน 2 คลิป ที่ฝ่ายหญิงพยายามทวงเงินจากทนายรายหนึ่ง เป็นเงิน 500,000 บาท หลังวิ่งเต้นอัยการไม่สำเร็จ

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 25 ก.ย. 2561

 

      ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2561 นายอัจฉริยะ ได้เดินทางไปพบ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้ ตนได้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม และมอบหลักฐานเรื่องขบวนการวิ่งเต้นคดีของ "เอมี่ อาเมเรีย จาคอป" อดีตดารานักแสดงชื่อดัง ให้กับ ผบช.น. โดยภายใน 3 วันตนเองจะมีการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการวิ่งเต้นคดี ซึ่ง 1 ในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนจะเป็นข้อหาอะไร อยู่ระหว่างพิจารณา แต่มั่นใจว่าจะเป็นข้อหาหนัก ทั้งนี้เชื่อว่าตำรวจคนนี้เป็น 1 ในผู้ร่วมขบวนการ เป็นพยานที่ผู้ต้องหาใช้ต่อสู้คดี ซึ่งปรากฎหลักฐานในชั้นการเบิกความของศาล ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี แต่สามารถทำให้มีผลกับคดีความได้

 

     ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า จากกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง คดีของ เอมี่ อาเมเรีย เรียกให้ตนเองมาสอบปากคำในวันที่ 26 ก.ย. นั้น ตนจะไม่เดินทางไปพบ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนชุดคณะกรรมการตามที่ได้ร้องขอไปก่อนหน้านี้

 

     อย่างไรก็ตามในวันนี้ที่จะเดินทางไปร้องต่ออัยการสูงสุดขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมในการพิจารณาคดีนั้น เพื่อมอบหลักฐานที่ตนเองมี ซึ่งเชื่อมโยงถึงอัยการด้วย รวมถึงขบวนการนี้ มีทั้งข้าราชการและพลเรือน รวมถึงบุคคลที่แอบอ้างตัวเป็นอัยการ ให้อธิบดีอัยการพิจารณา นอกจากนี้ตนยังมีพยานบุคคล คือ "กุ้งมังกรตัวละ 5 หมื่นบาท" ซึ่งเป็นพยานบุคคลสำคัญ ที่กุมความลับเรื่องนี้รวมถึงความลับของทนายคนดังด้วย ซึ่งจะเก็บไว้เปิดเผยในภายหลัง

 

 

          มาต่อกันกับข่าวที่สอง จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระธาตุช่อแฮ ได้รับแจ้งจากญาติว่า มีชาวต่างชาติและภรรยาชาวไทย ได้หายตัวออกจากบ้านไปอย่างลึกลับ และไม่สามารถติดต่อได้ ทราบชื่อคือ นายอลันด์ ฮ็อก อายุ 61 ปี เป็นชาวอังกฤษ และ นางหน็อต สุดแดน อายุ 61 ปี ภรรยาสาวเป็นชาวไทย ซึ่งภายหลังตำรวจได้ไปเจอว่า พี่ชายของนางหน็อต คือ นายวารุต ได้ขับรถยนต์ของ นางหน็อต มาโดยทางตำรวจได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์กับ นายวารุต ไว้เบื้องต้น โดยที่ นายวารุต ยังไม่ได้ให้การใดๆ เกี่ยวกับการหายตัวไปของน้องสาว และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้านของ นางหน็อต พบว่า มีรอยเลือดติดอยู่ที่กระจกในห้องน้ำ  

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 25 ก.ย. 2561

 

      ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 25 ก.ย. 2561 ของคดีดังกล่าว ขณะนี้ทางตำรวจได้พบรถกระบะฟอร์ด สีขาว ของผู้เสียชีวิตทั้งสองคน ได้ถูกนำไปขายให้พ่อค้าวัว เป็นชาวสปป.ลาว โดยระบุว่า นายวารุต พี่ชายนางหน็อต เป็นคนว่าจ้างให้ขับรถไปส่งขาย ตำรวจจึงจับกุมและแจ้งข้อหาลักทรัพย์ ก่อนจะนำตัวส่งฝากขัง และได้ประกันตัวออกไปแล้ว จากการตรวจสอบกล้องติดหน้ารถยนต์คันดังกล่าว พบว่าถูกคนร้ายตัดสายกล้องทิ้งไป  และในเวลาต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 3 คน จากอ.วังชิ้น จ.แพร่ มาสอบปากคำเป็นเวลานานหลายชั่วโมง 

 

       โดยทั้งหมดก็ได้ยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันลงมือฆ่า นางหน็อต และสามีชาวอังกฤษจริง ซึ่ง นายวารุต พี่ชายของนางหน็อต ได้เป็นผู้ว่าจ้างให้ทำการนี้ โดยมีค่าจ้างให้ในราคา 5 หมื่นบาท โดยใช้อาวุธปืนยิง นายอลันด์ สามีของนางหน็อตเสียชีวิตบริเวณหน้าเล้าเป็ด ก่อนจะใช้ค้อนทุบนางหน็อต เสียชีวิตอีกราย บริเวณหน้าโรงรถ และนำศพไปฝังไว้ในสวน โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถแบคโฮขุดหาร่างของสามีฝรั่งและภรรยาไทย ซึ่งได้เจอทั้ง 2 ศพ ถูกฝังอยู่บริเวณริมคลองท้ายบ้านของทั้งคู่ หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะนำศพทั้งสองสามีภรรยาไปชันสูตรต่อไป เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 25 ก.ย. 2561

 

       ถัดมากับข่าวที่สาม จากกรณีของนักมวยชื่อดังสมรักษ์ คำสิงห์ หรือบาส อดีตนักชกฮีโร่เหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ และภรรยาถูกฟ้องล้มละลาย  โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2561 ต่อมาทาง พล.ร.ท.บรรพต เกิดภู่ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ได้ออกมาเผยถึงกรณีของสมรักษ์ ว่าให้ออกมาชี้แจงต่อเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นเช่นไร โดยจะรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบตามลำดับ ให้พิจารณาดำเนินการ เบื้องต้นได้พูดคุยกับสมรักษ์ แล้วคิดว่าไม่เป็นอะไร โดยยืนยันว่าสมรักษ์ นั้นยังไม่ใช้บุคคลล้มละลาย เพราะยังไม่ได้ถูกฟ้อง เรื่องยังอยู่ในขั้นตอนของกรมบังคับคดี ซึ่งตอนนี้เป็นเพียงการพิทักษ์ทรัพย์สินเท่านั้น ในตอนนี้ทางกระทรวงยุติธรรมได้ออกมากล่าวขอโทษที่ให้ออกข่าวไปเช่นนั้น และยอมรับว่าสื่อสารผิดพลาด

 

 

      โดยลูกสาวคนโต น้องเบสท์ รักษ์วนีย์ คำสิงห์ ได้ออกมาเปิดใจว่า ตอนเเรกที่รู้ข่าวยอมรับว่าตกใจ เเต่ก็ยืนยันว่าทุกอย่างในครอบครัวก็ยังเหมือนเดิม สำหรับน้องเบสท์ก็พร้อมเป็นเสาหลักให้ครอบครัว ในฐานะลูกก็รับงาน ทำงาน รีวิวบ้างเดินแบบบ้าง ถ้าช่วยได้ก็อยากรับช่วยเยอะๆ หนูอายุ 18 เเล้ว เริ่มเป็นเสาหลักก็ดีในภายหน้า ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามต่อไปว่าในที่สุดแล้วเรื่องราวการยื่นฟ้อง สมรักษ์ ของบริษัท บริหารสินทรัพย์ มหานคร จำกัด จะเป็นเช่นไร

 

 

    สำหรับข่าวที่สี่ กับเหตุการณ์เมื่อเวลา 12.00น. วันที่ 25 ก.ย. 2561 หลังศูนย์ข้อมูลสาธารณภัย ปภ. รับแจ้งเหตุเจดีย์วัดพระยาทำ ถล่มทับคนงานขณะคนงานกำลังเข้าไปบูรณะหอระฆัง ภายในวัดพระยาทำแขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ถนนอรุณอมรินทร์  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบว่ามีผู้บาดเจ็บ 9 ราย โดยอาการสาหัส มีอยู่ 4 ราย และคนงานติดอยู่ด้านล่างอีก 3 ราย ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งนำตัวผู้บาดเจ็บส่งยังโรงพยาบาล

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 25 ก.ย. 2561


      
     ส่วนสาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุพบว่าในตอนนี้โครงสร้างของเจดีย์ ยังคงไม่มั่นคงมีโอกาสถล่มลงมาซ้ำได้อีกในเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างค้นหาผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมเพื่อนำส่งโรงพยาบาล 

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 25 ก.ย. 2561

 

     เดินทางมายังข่าวสุดท้าย จากกรณี ด.ญ.ธัญลักษณ์ สลิตกุล หรือน้องตวงข้าว อายุ 4 ขวบ ถูกสุนัขรุมกัดจนถึงแก่ชีวิต ภายในซอยบ้าน อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ที่เกิดเหตุพบกองเลือดจำนวนมากยาวเป็นทางลงไปในกอหญ้า ใกล้กันพบรถจักรยานสีชมพู ล้มอยู่กลางถนน โดยน้องตวงข้าวถูกขย้ำอาการสาหัส มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้า คอ และศีรษะ ชาวบ้านได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลบ้านเขว้า แต่เด็กหญิงเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ น.ส.เสาวรี จุลเขว้า อายุ 33 ปี แม่ของน้องตวงข้าว ได้เดินทางไปแจ้งความกับ พ.ต.ต.ทองสุก รัตน์สีวอ  สว. (สอบสวน) สภ.บ้านเขว้า เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายปิยะณัฐ แดงสร้อย อายุ 27 ปี เจ้าของสุนัขทั้ง 3 ตัว
 
     ความคืบหน้าล่าสุด เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว พ.ต.ท.เอกพล เพชรนอก รองผกก. บ้านเขว้า ได้เชิญ น.ส.เสาวรี จุลเขว้า อายุ 33 ปี แม่ของน้องตวงข้าว พร้อมด้วย นายปิยะนัฐ แดงสร้อย อายุ 27 ปี เจ้าของสุนัข 3 ตัว มาเจรจาไกล่เกลี่ยค่าเสียหายที่เกิดขึ้น หลังจากน้องตวงข้าวถูกขย้ำอาการสาหัส มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้า คอ และศีรษะ ชาวบ้านได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลบ้านเขว้า แต่น้องตวงข้าวได้เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งหลังเจรจาไกล่เกลี่ยกันนานร่วม 1 ชั่วโมง ฝ่ายแม่ของน้องตวงข้าว เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1 ล้านบาท 

 

     โดย นายปิยะณัฐ เปิดเผยหลังจากการเจรจาว่า ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกิดจากความประมาทจริง ตนยินดีชดใช้ค่าเสียหาย และพร้อมรับโทษ ส่วนค่าเสียหายที่เรียกร้องมา 1 ล้านบาท ส่วนตัวไม่มีเงินมากขนาดนั้น จึงขอปรึกษาพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัดเสียก่อน ในตอนนี้พนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันของทั้งสองฝ่ายไว้ก่อนนัดมาไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันที่ 8 ต.ค. 2561 

 

 

สรุปข่าวเด่นประจำวันขอจบไว้เพียงเท่านี้ สำหรับพรุ่งนี้จะมีประเด็นใดน่าสนใจก็ต้องติดตามกันต่อไป