ร้อยเรียงละเอียดยิบ เปิดไทม์ไลน์ปมแค้นสายเลือด สังหาร "หน็อต-อลัน" หมกสวน

    จากการหายตัวไปอย่างลึกลับของนายอลันด์ สก็อต ฮ็อก ชาวอังกฤษ กับ นางหน็อต สุดแดน ภรรยาชาวไทย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2561 ล่าสุดตำรวจพบศพทั้ง 2 คนถูกฝังไว้ในบริเวณคฤหาสน์ พร้อมจับกุมตัวผู้ต้องหา 3 คน เพื่อมาทำแผนประกอบคำสารภาพเรียบร้อยแล้ว

 

    เรื่องสะเทือนขวัญในครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า นายอลันด์ และ นางหน็อต สามีภรรยา ได้หายตัวไปอย่างลึกลับไร้ร่องรอย จากคฤหาสน์ใน จ.แพร่ เนื่องจากสองสามีภรรยาไม่ได้เดินทางไปเชียงใหม่ ตามนัดแพทย์ นายธนันพัชร์ ภู่วิมลรัตน์ หลานของเพื่อนนายอลันได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อทั้งสองตลอดทั้งวัน แต่ไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด จึงเร่งเข้าแจ้งความกับตำรวจ 

 

 

 

    เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลงจากหลายหน่วยงานเข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ และพื้นที่รอบๆ กว่า 100 ไร่ เพราะจากรูปการณ์คาดว่าสามีภรรยาคู่นี้อาจถูกฆาตกรรมอำพราง ต่อมาจึงได้ทำการแกะรอยจากเบาะแสที่มีอยู่ ปรากฏว่ามีทรัพย์สินที่หายไปจากบ้านคือ รถกระบะฟอร์ดสีขาว ทะเบียน กต 3181 แพร่ และยังพบรอยเลือดบริเวณลานจอดรถ เจ้าหน้าที่จึงทำการเก็บตัวอย่างเลือดไปตรวจดีเอ็นเอ ภายหลังเรื่องได้รับความสนใจได้มีการเปิดเผยเพิ่มเติมว่า นายอลันด์และนางหน็อต พบรักกันที่ กรุงเทพฯ แต่ตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตลงหลักปักฐานที่บ้านเกิดของ ภรรยา ใน จ.แพร่ พร้อมซื้อที่ดินกว่า 100 ไร่ ดำเนินกิจการรีสอร์ทและร้านอาหาร
 

    วันที่ 20 ก.ย. ตำรวจได้เชิญตัว นายวารุต รัตนสัจจะกิจ หรือหนัด พี่ชายนางหน็อต ไปสอบปากคำที่ สภ.พระธาตุช่อแฮ เพราะปรากฏหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบริเวณสี่แยกแห่งหนึ่งในจังหวัดสุโขทัย พบภาพรถคันที่หายวิ่งผ่าน เมื่อสอบถามจากพยานเผยว่านายวารุต เป็นผู้ติดต่อนายหน้าขายรถ เท่ากับว่า นายวารุต เป็นคนสุดท้ายที่ครอบครองรถคนดังกล่าว ตำรวจจึงตั้งข้อกล่าวหานายวารุต ในคดีร่วมกันลักทรัพย์ แต่เนื่องจากยังไม่พบศพสองสามีภรรยา และยังไม่มีหลักฐานว่านายวารุตเป็นผู้กระทำจึงยังไม่สามารถแจ้งข้อหาฆ่าคนตายได้

 

 

 

    ตำรวจจึงนำตัวนายวารุต ไปฝากขังต่อศาลจังหวัดแพร่ พร้อมคัดค้านการประกันตัวทว่าในเย็นวันเดียวกัน ศาลได้มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายวารุต ด้วยวงเงินประกัน 2 แสนบาท ฝั่งของคนใกล้ชิดสองสามีภรรยาได้เล่าว่า ได้นำชื่อของทั้งสองไปตรวจดวงชะตากับพระซึ่งได้บอกว่าทั้งคู่ถูกฆ่าฝังอยู่ริมลำห้วยแม่แคมในสวน ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้รถแบ็คโฮขุดดิน ตามจุดต้องสงสัยแต่กลับไม่พบร่องรอยอย่างใด

    ต่อมาวันที่ 24 ก.ย. ได้มีชาวลาวนำรถกระบะมาคืนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.พระนครศรีอยุธยา และเผยว่าซื้อรถคันนี้มาจากคนไทยใน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ตำรวจจึงนำรถกระบะไปตรวจสอบจนพบคราบเลือดในรถ ชุดสืบสวนได้ขยายผลต่อไป จนทราบว่าผู้ที่ขับรถกระบะมาส่งให้ชาวลาวคือ นายธีรพล โดยมี นายธีรสิทธิ์ เป็นคนจ้างนายธีรพล เป็นเงิน 3,000 บาท ให้ขับรถกระบะคันนี้มาจากจังหวัดแพร่อีกทีหนึ่ง และมีการซัดทอดไปจนถึงนายวารุตจนกลายเป็นหลักฐานมัดตัวในเวลาต่อมา
 

    ซึ่งก่อนหน้านี้ชุดสืบสวนได้ข้อมูลจากญาติสองสามีภรรยาว่า ถูกนายวารุตสั่งห้ามไม่ให้พูดถึงเรื่องรถกระบะฟอร์ด ที่เอามาจากบ้านน้องสาว ทำให้ตำรวจพุ่งเป้าว่านายวารุตมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอย่างแน่นอน จากเบาะแสทั้งหมดที่เริ่มจะเป็นรูปร่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอศาลออกหมายจับ และเร่งลงพื้นที่จนสามารถคุมตัวชายต้องสงสัยซึ่งเป็นชาวจังหวัดแพร่ 3 คน เพื่อนำไปสอบปากคำ 

 

 

 

   

    ทั้งหมดรับสารภาพสิ้นว่า นายวารุต ได้จ้างให้สังหาร นายอลันด์และนางหน็อต ในราคา 50,000 บาท ที่คฤหาสน์ของนายอลัน โดยมี นายเบี้ย คำใส อายุ 40 ปี เป็นผู้ยิงนายฮ๊อกด้วยปืนลูกซอง และนายกิตติพงศ์ คำหวัน อายุ 27 ปี ลงมือฆ่านางหน็อตด้วยการใช้ค้อนทุบศรีษะ จากนั้นได้นำศพทั้ง 2 ไปฝังใกล้กับเล้าเป็ดและเมื่อตำรวจนำรถแบ็คโฮไปขุดตรงจุดดังกล่าวก็พบร่างของสองสามีภรรยา ซึ่งบริเวณนี้เคยทำการค้นหาตั้งแต่ในช่วงแรกแต่ขุดไม่ลึกพอ ส่วนนายวารุตตำรวจสามารถควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา เป็นอันปิดฉากคดีที่ยืดเยื้อมากว่าสัปดาห์

    จากการสอบสวนทราบว่าครอบครัวของนางหน็อต มีพี่น้อง 6 คน โดยมี นายวารุต เป็นพี่ชายคนโต และนางน็อต เป็นลูกคนที่ 2 และลูกคนที่ 6 ได้เสียชีวิตไปแล้ว จากการถูกฆ่าอำพรางศพฝังดิน ที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อ 20 ปีก่อน ส่วนพ่อและแม่ได้เสียชีวิตไปแล้วจึงมี นายถนัด ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตดูแลพี่น้องทั้งหมด

 

 

 

    ส่วนหน็อตได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับนายอลันด์ ซึ่งมีอาชีพเป็นวิศวะกรฐานะค่อนข้างดี ได้ให้กำเนิดลูกสาว 1 คน อยู่ที่ต่างประเทศ เมื่อสะสมเงินทองได้จำนวนหนึ่งจึงตัดสินใจมาลงหลักปักฐานที่ จ.แพร่ โดยการทำปศุสัตว์และสวนอาหาร และมอบหมายให้นายวารุตเป็นหัวหน้าคนงาน ทว่าเกิดความขัดแย้งไม่ลงรอยกันอยู่บ่อยครั้ง จนท้ายที่สุดนางหน็อตได้ทำการไล่พี่ชายของตนออกจากงาน เป็นเหตุให้นายวารุตต้องตกงาน กลายเป็นความแค้นคิดแผนสังหารนายอลันด์ และน้องสาว

 

 

 

    หลังจากนั้นจึงทำการจ้างวาน นายเบี้ย อดีตมือปืนรับจ้างเคยต้องคดีมาแล้วถึง 4 ครั้ง พร้อมกับหลานคือนายกิตติพงศ์ มาก่อเหตุฆาตกรรมดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีการรื้อฟื้นคดี ที่น้องชายคนสุดท้องของครอบครัวสุดแดนเสียชีวิตไปเมื่อ 20 ปีก่อนจากการถูกคนร้ายลวงไปฆ่าและกลบฝังดินโดยมี นายวารุตเป็นผู้ดำเนินการแจ้งความ เช่นเดียวกับคดีนี้อาจเพื่อต้องการเปลี่ยนทิศทางของรูปคดี แต่สุดท้ายกลับต้องจำนนต่อหลักฐานในที่สุด

 

 

 

    เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคดีสะเทือนขวัญที่มีชนวนเหตุมาจากปัญหาในครอบครัว ถึงแม้คดีนี้จะคลี่คลายลงได้ในที่สุดแต่ก็ถือเป็นบทเรียนและอุทาหรณ์อันสำคัญ ที่สะท้อนปัญหาสังคมในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี