ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายที่เกี่ยวพันกับการฟอกเงินได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า จากการทำคดีของดีเอสไอที่ผ่านมาพบว่ามี 4 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินอย่างชัดเจนประกอบด้วย ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายรถหรู และธุรกิจที่ดิน ซึ่งการฟอกเงินใน 4 กลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีมูลค่ารวมสูงถึงแสนล้านบาทต่อปี และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติมหาศาล

ธุรกิจที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้นส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตและจำหน่ายสินค้าที่มีการลอกเลียนเครื่องหมายการค้า หรือที่เรียกกันว่าสินค้าก๊อบปี้ สินค้าเหล่านี้จึงเป็นสินค้าผิดกฎหมาย ดังนั้นเมื่อได้เงินจากการขายสินค้าผู้ที่ทำธุรกิจจึงต้องผ่องถ่ายเงินไปเก็บไว้ในรูปแบบอื่น
       
ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ เป็นการฉ้อโกงในลักษณะของการระดมทุนที่หลอกให้ผู้หลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนเพื่อแลกกับผลตอบแทนสูงๆ เมื่อได้เงินมาแล้วผู้ระดมทุนจะนำเงินส่วนหนึ่งไปจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ร่วมลงทุนรายแรกๆ และผ่องถ่ายเงินอีกส่วนหนึ่งเข้าบัญชีตนเองหรือคนใกล้ชิด เช่น กรณีแชร์ล็อตเตอรี่ แชร์น้ำหอม แชร์น้ำมัน เป็นต้น

ขณะที่ธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายรถหรูนั้นมีจำนวนไม่น้อยที่มีการทำธุรกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี เช่น สวมทะเบียนว่าเป็นรถมือสองก่อนนำเข้ามา หรือแยกชิ้นส่วนแล้วนำเข้ามาประกอบในประเทศไทย ซึ่งทั้ง 2 วิธีทำให้จ่ายภาษีน้อยกว่าภาษีนำเข้ารถหรูถึง 300% ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย หรือผู้ที่ช่วยอำนวยความสะดวก จึงต้องมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินที่ได้มาเพื่อป้องกันการตรวจสอบ
       
ส่วนธุรกิจที่ดินที่เข้าข่ายการฟอกเงินจะมีลักษณะของการลักลอบนำที่ดินของรัฐมาออกโฉนดแล้วนำไปหลอกขาย ซึ่งผู้กระทำผิดในธุรกิจนี้มีทั้งเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐ

สำหรับวิธีการฟอกเงินเพื่อปิดบังอำพรางที่มาของทรัพย์สินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายนั้น รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้ว่ามีหลายวิธีด้วยกัน ได้แก่
       
        1) ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน โดยนำเงินที่ได้โอนเข้าบัญชีผู้ใกล้ชิดหรือบุคคลอื่นก่อนที่จะโอนกลับเข้ามายังบัญชีตัวเอง บางคนอาจโอนเงินสดไปฝากไว้ในธนาคารต่างประเทศที่ไม่มีการควบคุมระบบธนาคารอย่างเข้มงวด แล้วโอนเงินกลับเข้ามา
       
        2) แปรสภาพเป็นสินทรัพย์ เช่น ซื้อที่ดิน ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ ซื้อทอง ซื้อหุ้น ทั้งซื้อในนามตนเองและบุคคลอื่น ซึ่งบางรายอาจตกแต่งตัวเลขการซื้อขายที่ได้กำไรเกินจริงเพื่ออ้างที่มาของรายได้
       
        3) เปิดธุรกิจบังหน้า โดยนำเงินที่ได้จากธุรกิจผิดกฎหมายมาลงทุนเพื่อตกแต่งตัวเลขที่มาของรายได้ว่ามาจากการทำธุรกิจ หรืออาจซื้อกิจการในต่างประเทศซึ่งเป็นเขตปลอดภาษีแล้วให้กิจการของตนเองที่อยู่ในประเทศกู้ยืมเงินหรือสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทในต่างประเทศในราคาที่สูงเกินจริง เพื่อให้เงินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายกลายเป็นเงินที่ถูกกฎหมาย
       
        4) ซุกซ่อนเงินที่ได้ไว้ในห้องหรือสถานที่ลับ แล้วค่อย ๆ ทยอยนำเงินออกมาใช้