เป็นหนี้เขาก็จ่ายเขาซะ อย่ายึกยักให้มาก! สหรัฐยอมจ่ายดอกเบี้ย 1.3 พันล้านเหรียญให้อิหร่านที่เบี้ยวค่าอาวุธตั้งแต่สมัยพระเจ้าชาห์ของเปอร์เซีย

เป็นหนี้เขาก็จ่ายเขาซะ อย่ายึกยักให้มาก: สหรัฐยอมจ่ายดอกเบี้ย 1.3 พันล้านเหรียญให้อิหร่านที่เบี้ยวค่าอาวุธตั้งแต่สมัยพระเจ้าชาห์ของจักรวรรดิเปอร์เซีย สหรัฐบิดไปว่ามันเป็นเงินค่าไถ่จากอิหร่าน

วันที่ 25 ส.ค.59 RT news พาดหัวข่าวว่า "สหรัฐดอกเบี้ยจ่าย 1.3 พันล้านดอลลาร์จากหนี้ที่ค้างอิหร่านในยุคพระเจ้าชาห์ นักวิจารณ์บอกว่ามันเป็นเงินค่าไถ่" (US paid $1.3bn in interest on debt to Iran left over from Shah’s time, critics call it ‘ransom’)
รายงานข่าวบอกว่า สองวันหลังจากที่ได้มีการส่งมอบเงินสด 400 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.42 หมื่นล้านบาท) ให้กับกรุงเตหะรานเพื่อจ่ายหนี้ที่ค้างมาหลายสิบปี สหรัฐก็ได้จ่ายเพิ่มอีก 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเป็นการจ่ายในส่วนของดอกเบี้ย แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อรัฐบาลของนายโอบามาบอกว่ามันเป็นการชำระเงิน "ค่าไถ่" เพื่อให้ปล่อยตัวนักโทษของสหรัฐในเดือนมกราคม ปีนี้
[สหรัฐจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ เมื่อติดหนี้เขาก็ต้องจ่าย ไม่ใช่หาทางอายัดและยึดทรัพย์สินในต่างแดนของเขาไว้ และเมื่ออิหร่านจับนักโทษของสหรัฐได้ อิหร่่านก็ไม่ปล่อย ถ้าอยากให้ปล่อยก็ต้องจ่ายเงินที่ค้างอิหร่านคืนมาซะก่อน สุดท้าย จ่ายครับเพ่
หนี้ก้อนนี้ย้อนหลังไปเมื่อปี 1970 เมื่อรัฐบาลของอิหร่านได้ชำระเงินจำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับสหรัฐเพื่อเป็นค่ายุทโธปกรณ์ทางทหาร (อาวุธ) แต่สหรัฐกลับไม่เคยส่งมอบอาวุธให้อิหร่านเลยเนื่องจากเกิดการปฏิวัติขึ้นในปี 1979 ซึ่งได้ปลดพระเจ้าชาห์ที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐออกจากราชบัลลังก์ ทำให้กรุงเตหะรานและกรุงวอชิงตันกลายเป็นศัตรูต่อกัน ระหว่างการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ ทั้งสองประเทศได้ตกลงร่วมกันว่า สหรัฐจะยอมจ่ายเงินคืนให้อิหร่าน พร้อมกับดอกเบี้ย รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6.03 หมื่นล้านบาท งานนี้อิหร่านได้กินบุญเก่าของพระเจ้าชาห์)
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ของสหรัฐรายงานว่า เงินจำนวน $400 ล้านนั้นได้ถูกจัดส่งไปยังกรุงเตหะรานเป็นเงินสดในวันที่ 17 มกราคมแล้ว - วันเดียวกันกับที่มีการปล่อยตัวนักโทษชาวอเมริกันจำนวน 3 คน (แต่ข่าวเพิ่งจะได้รับการเปิดเผยเมื่อเดือนนี้นี่นะ?) เสียงวิพากษ์วิจารณ์ (ปนความน้อยใจและเสียหน้า) อ้างว่า ทำเนียบขาวได้จ่ายเงินค่าไถ่ให้กับตัวประกันชัดๆ กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐยืนยันการการเชื่อมโยงระหว่างการปล่อยตัวนักโทษและการชำระเงิน แต่ได้ยืนยันว่า สหรัฐเพียงแต่ระงับการชำระเงินจนกว่าพลเมืองสหรัฐจะได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระ เพื่อถ่วงอำนาจเหนือกรุงเตหะรานในกรณีที่อิหร่านพยายามจะเรียกเงินประกันในการปล่อยตัว
นาง Elizabeth Trudeau โฆษกก.ต่างประเทศสหรัฐได้ยืนยันเมื่อวันพุธนี้ว่า ได้มีการจัดส่งเงินสดเป็นค่าดอกเบี้ยหลังจากที่ได้ชาระเงินต้นไปแล้วสองวัน เงินจำนวน 1.3 พันล้านเหรียญได้ถูกแบ่งส่งเป็น 13 งวดจาก $99,999,999.99 โดยการจ่ายครั้งสุดท้ายประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
 

"ได้มีการชำระเงินจำนวน 1.3 พันล้านเหรียญเรียบร้อยแล้ว กระธุรกรรมผ่านธนาคารกลาง แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ธนาคารกลางของสหรัฐ เพราะว่ามีความเข้มงวดมากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านการเงินระหว่างสหรัฐและอิหร่าน" Josh Earnest เลขาโฆษกทำเนียบข่าวกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ [พวกเลี่ยงบาลีก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ถึงอย่างไรผลก็คือ สหรัฐยอมจ่ายเงินจำนวนมากให้อิหร่าน จะลูกไม้ต่อไปอีกไม่ได้
เจ้าหน้าที่สหรัฐไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ ว่าทำไมกระทรวงการคลังของสหรัฐถึงปกปิดการทำธุรกรรมส่วนบุคคลที่ต่ำกว่า $100 ล้านเหรียญเอาไว้ แต่นางทรูโด้กล่าวว่าได้พิจารณาการชำระหนี้ให้อิหร่านแล้ว แม้ว่าจะขาดไป 3 เซ็นต์ก็ตาม [แล้วอิหร่่านจะตามทวง 13 เซ็นต์คืนจากรัฐบาลสหรัฐอีกหรือเปล่านะ?
สำนักข่าว AP รายงานว่า เงินจำนวนดังกล่าวถูกโอนผ่านธนาคารของประเทศที่สามโดยอ้างความน่าเชื่อถือจากหุ้นส่วนระหว่างประเทศของสหรัฐ แม้ว่านางทรูโด้จะไม่ได้ยืนยันข้อมูลนี้ก็ตาม
สหรัฐไม่มีความสัมพันธ์ใดๆทางธนาคารกับอิหร่าน และไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันทางการเงินของอิหร่านได้โดยตรง ประธานาธิบดีโอบามาได้อ้างถึงอุปสรรคนี้เมื่อพยายามอธิบายถึงการชำระเงินจำนวน 400 ล้านเหรียญ เป็นเงินสด แม้ว่าจะปรากฏว่าไม่มีปัญหาอะไรในตอนที่จ่ายเงินในส่วนของดอกเบี้ย (1.3 พันล้านเหรียญ)
[นี่ขนาดประธานาธิบดีเองยังแหลได้ขนาดนี้ แล้วคำพูดของพวกนักการเมืองอื่นๆของสหรัฐจะเชื่อได้กี่เปอร์เซ็นต์หละนี่? ตอนจะจ่ายก็อ้างว่าติดโน่นติดนี่ แต่ถ้าในทางกลับกันถ้าให้อิหร่านเป็นฝ่ายจ่ายให้สหรัฐบ้าง งานนี้พี่แกก็คงจะบอกว่าทางสะดวก ผ่านฉลุย ไม่มีอุปสรรค หรือกฎระเบียบใดๆ ขวางกั้นเลยแน่นอน

เป็นหนี้เขาก็จ่ายเขาซะ อย่ายึกยักให้มาก! สหรัฐยอมจ่ายดอกเบี้ย 1.3 พันล้านเหรียญให้อิหร่านที่เบี้ยวค่าอาวุธตั้งแต่สมัยพระเจ้าชาห์ของเปอร์เซีย


รายงานข่าวบอกว่าเงินดังกล่าวมาจากกองทุนที่มีชื่อว่า Judgment Fund ซึ่งกระทรวงการคลังของสหรัฐใช้เพื่อชำระจากการฟ้องร้องคดี และไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสโดยตรงเพื่อให้ประธานาธิบดีลงนาม

ไม่ใช่ว่ามีแต่สหรัฐเท่านั้นที่อ้อยอิ่งในการชำระหนี้คืนให้อิหร่านที่ค้างมาตั้งแต่ยุคพระเจ้าชาห์ อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ที่ตกต่ำ เมื่อต้นเดือนนี้ศาลสูงของ Switzerland ก็ได้มีคำสั่งให้อิสราเอลชำระเงินจำนวน 1.1 พันล้านเหรียญบวกดอกเบี้ยให้กับอิหร่านด้วย เพื่อชำระหนี้สินที่เกี่ยวกับบริษัทท่อน้ำมัน (Eilat-Ashkelon Pipeline Co.) ซึ่งทั้งสองประเทศได้ร่วมกันตั้งขึ้นมาในปี 1960s [สื่อฯไม่ได้รายงานต่อว่า อิสราเอลยอมจ่ายหนี้ให้อิหร่านหรือไม่