คำยืนยันจากหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ!! "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ที่ใช้ "ความเพียร" เป็นคุณธรรมนำ ... จึงยอมเหน็ดเหนื่อยและพยายามอย่างหนักเพื่อรื้อขนสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์!!

รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th

จากบทสนทนาธรรมระหว่างหลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำได้กล่าวไว้ว่า  ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงปรารถนา "พุทธภูมิ" มานานแล้ว และเวลานี้ก็สั่งสมบารมีถึงขั้น "ปรมัตถบารมี"  แต่เนื่องจากการปรารถนาพุทธภูมิเพื่อเป็นพระพุทธเจ้านั้นต้องบำเพ็ญกันมาก และการที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเป็น "วิริยาธิกะ" ซึ่งต้องบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขย กับแสนกัปนั้น แม้จะทรงบำเพ็ญมาเกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว แต่แสนกัปอาจยังไม่ครบ จึงต้องทรงเกิดอีก ๕ ชาติ

 

คำยืนยันจากหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ!! "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ที่ใช้ "ความเพียร" เป็นคุณธรรมนำ ... จึงยอมเหน็ดเหนื่อยและพยายามอย่างหนักเพื่อรื้อขนสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์!!

 

ระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมีที่ยาวนานเช่นนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิต้องเป็นผู้ที่มีความเสียสละและความพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์

ความเสียสละและความพยายามนั้นมีมากมายขนาดไหน อาจพิจารณาได้จากคำกล่าวของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำดังต่อไปนี้ ...

"ปรารถนาพุทธภูมินี่เหนื่อย!

ฉันเคยเป็นพุทธภูมิมาก่อน ฉันรู้ว่าพุทธภูมิสู้ทุกอย่าง งานทุกอย่าง  ถ้าลาพุทธภูมิปั๊บ อารมณ์ตัด  ถ้าตัดก็ไม่ได้ทิ้งงานนะ  แต่อารมณ์ต่างกัน คือเสริมขึ้น อารมณ์มุ่งตรงเข้าตัดกิเลส  เพราะพุทธภูมิไม่ตัดกิเลส พุทธภูมิทรงฌานมากกว่า หนักไปในเรื่องฌาน  พอใช้วิปัสสนาญาณมากเข้า อารมณ์มันเบาลง ... มันต่างกัน

พระโพธิสัตว์นี่...พระอรหันต์ไม่ยอมนั่งหน้านะ...ถ้ารู้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์จริง ๆ  ถ้าอารมณ์เข้มปั๊บ พระอรหันต์ไม่นั่งหน้า แม้พวกนั้นบวชหนึ่งวัน พระอรหันต์บวชร้อยวัน  เขาไม่นั่งหน้าพระโพธิสัตว์ เขารู้ค่า

คนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ต้องปฏิบัติเลยอรหันต์  พระสาวกปกติบำเพ็ญบารมี ๑ อสงไขย กับแสนกัปเท่านั้น  พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ (ใช้ปัญญาเป็นตัวนำ) ๔ อสงไขย กับแสนกัป  ถ้าจิตของเขาถึงปรมัตถบารมี เขาเลยอสงไขย-สองอสงไขยมาแล้ว ต้องเป็นอสงไขยที่ ๔ จึงจะเป็นปรมัตถบารมี

พระโพธิสัตว์เหมือนพวกเรียนวิชาครู เรียนมาเพื่อเป็นครู จะต้องเข้มแข็ง  ถ้าไปโดนสัทธาธิกะ (ใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ) ต้องหวด ๘ อสงไขย  ถ้าวิริยาธิกะ (ใช้ความเพียรเป็นตัวนำ) ๑๖ อสงไขย

ฉันนี่วิริยาธิกะ ทำงานทุกอย่าง สบายไม่มี  สาวกภูมิก็พุ่งจริตอย่างเดียว  แต่สาวกภูมิสำหรับพวกฉันนี่เป็นวิริยาธิกะหมด  พวกตามเป็นวิริยาธิกะ  เฉพาะลูกแปดหมื่นกว่าแล้ว  พวกไม่คิดเป็นกองทัพใหญ่เลย  ถ้ายกมารวมกันนี่หลายแสนกองทัพนะ

พระโพธิสัตว์จริง ๆ เวลานี้มีเกือบแสนที่เต็มอัตรา เต็มอย่างพระศรีอาริย์น่ะ เต็มคอยคิว นั่งอยู่ชั้นดุสิต ปรารถนาพุทธภูมิ  ยังไม่พบพระพุทธเจ้าพยากรณ์ ยังไม่ถือว่ามีคติแน่นอน  ต้องพบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์น่ะ มีคติแน่นอน  ถ้าเป็นปัญญาธิกะต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป ๔ อสงไขย กับแสนกัป  สัทธาธิกะ ๘ อสงไขย กับแสนกัป  วิริยาธิกะ ๑๖ อสงไขย กับแสนกัป

สบายมาก... อยากเป็นไหม...?

เป็นสาวกภูมิก็พอแล้ว... รีบไปดีกว่า  แต่อย่าไปขัดคอกันนะ  ถ้าคนที่เขามีวิสัยพุทธภูมิอยู่ก็พูดกันไม่รู้เรื่องเหมือนกัน!

 

คำยืนยันจากหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ!! "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ที่ใช้ "ความเพียร" เป็นคุณธรรมนำ ... จึงยอมเหน็ดเหนื่อยและพยายามอย่างหนักเพื่อรื้อขนสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์!!

รูปปั้นพระโพธิสัตว์

 

ผู้ปรารถนาพุทธภูมิไม่มีความเป็นพระอริยะ  มีแต่ฌานโลกีย์เพื่อคุ้มครอง  จะเป็นพระพุทธเจ้าต้องพิสูจน์ทุกอย่าง ตั้งแต่อเวจีขึ้นมาต้องรู้หมด  หมายความว่า  ถ้าบารมียังต่ำขั้นฌานโลกีย์ ยังคุมไม่ถึงฌานขั้นต้น ฌานก็ไม่มั่นคง ยังมีโอกาสพลาดลงอบายภูมิ  ถ้ามีบารมีเป็นอุปบารมีก็ปลอดบ้าง-ไม่ปลอดบ้าง  ถ้าเป็นปรมัตถบารมีนี่ปลอดหมด

กว่าจะเลื้อยแต่ละบารมีนี่...โอ้โฮ! ฉันลองดูแล้ว

สำหรับท่านที่บำเพ็ญตน ปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องสร้างกำลังใจให้ถูกต้อง  มิฉะนั้น การก้าวเข้าสู่ฐานะพุทธภูมิจะไม่มีผล

การปรารถนาพุทธภูมิเป็นของดี  แต่จะต้องทำความรู้สึกไว้เสมอว่า เราปฏิบัตินี้เพื่อประโยชน์แก่ชาวโลก  เราต้องการรื้อสัตว์ขนสัตว์ที่มีความทุกข์ให้มีความสุข  จิตจะต้องคิดอยู่เสมอว่า ทุกข์ของตนไม่มีความหมาย แต่ทุกข์ของชาวประชาทั้งหลายเป็นภาระของเรา

เขาทำกำลังใจกันแบบนี้ ..."

 

คำยืนยันจากหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ!! "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ที่ใช้ "ความเพียร" เป็นคุณธรรมนำ ... จึงยอมเหน็ดเหนื่อยและพยายามอย่างหนักเพื่อรื้อขนสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์!!

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

ที่มา : "พุทธภูมิและพระโพธิสัตว์" โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (จาก "พ่อสอนลูก") ใน http://board.palungjit.org