- 10 พ.ย. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
หลังจากปรากฏภาพออกมาว่า ตั้ง อาชีวะ หรือ นายเอกภพ เหลือรา ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง หลบหนีคดีอาญา เผยหนังสือเดินทางเป็นหลักฐาน พร้อมบ้าน รถ เสวยสุขอยู่ที่นิวซีแลนด์
ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ นายเอกภพ เหลือรา หรือ "ตั้ง อาชีวะ" อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/279 หมู่ที่ 2 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กทม. ตามคำร้องของ พ.ต.ท.โกเมน สุภาพ พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีที่นายเอกภพ ปรากฏในคลิปวีดีโอ ขณะปราศรัยบนเวทีเล็กของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ซึ่งจัดขึ้นที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีการปราศรัยในลักษณะหมิ่นสถาบันอย่างรุนแรง
หลังจากที่มีหมายจับแล้ว นายเอกภพก็หลบหนีหายไป โดยไม่รู้ว่าไปซ่อนอยู่ที่ใดจนกระทั่งมีคนถ่ายภาพบุคคลชายหญิงขณะขี่รถมอเตอร์ไซด์ท่องเที่ยวอยู่ในเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา
ซึ่งต่อมาสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของกัมพูชาที่ระบุว่า นายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาที่ถูกทางการไทยออกหมายจับได้ยื่นเรื่องขอลี้ภัยต่อรัฐบาลกัมพูชา หลังจากได้หลบหนีการจับกุมจากทางการไทยเข้ามาหลบซ่อนอยู่ในประเทศกัมพูชาเป็นเวลาหลายเดือนมาแล้วโดยได้รับความคุ้มครองจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) โดยนายเอกภพได้บอกกับเขาว่าถูกทหารไทยเฝ้าติดตามขณะซ่อนตัวอยู่ที่เมืองสีหนุวิลล์
ต่อมาก็ปรากฏว่านายเอกภพ ได้ออกมาเผยแพร่ภาพพร้อมกับแฟนสาว โชว์พาสปอร์ตประเทศนิวซีแลนด์ มีการขับรถยนต์ อยู่สุขสบาย จนเป็นประเด็นอีกครั้งว่า นายเอกภพ นี้ไปได้พาสปอร์ตนิวซีแลนด์ได้อย่างไร
โดยหนังสือพิมพ์ The New Zealand Herald รายงาน ว่า รัฐบาลไทยต้องการให้ทางการนิวซีแลนด์ยกเลิกหนังสือเดินทางของนายเอกภพ เหลือรา หรือที่รู้จักกันในชื่อ ตั้ง อาชีวะ อายุ 23 ปี ซึ่งได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากสหประชาชาติ และไปพำนักอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์เมื่อปีที่แล้ว
รายงานข่าวระบุว่า “ตั้ง อาชีวะ” ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าละเมิดกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ของไทย เมื่อไม่นานมานี้ เขาโพสต์ภาพของตนเองอวดหนังสือเดินทางของนิวซีแลนด์ เพื่อเย้ยหยันความพยายามของรัฐบาลทหารไทย ที่จะนำเขากลับไปดำเนินคดีในประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศของนิวซีแลนด์ ยืนยันข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตได้พบกับเจ้าหน้าที่ไทยในกรุงเทพ เพื่ออธิบายนโยบายให้ที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัยของประเทศนิวซีแลนด์ โดยชี้แจงว่า บุคคลที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ มีสิทธิ์ที่จะพำนักในนิวซีแลนด์ได้ตามระบบโควตาผู้ลี้ภัย
ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศของนิวซีแลนด์ กล่าวถึงกรณีตั้ง อาชีวะ ว่า ไม่ขอออกความเห็นใดๆด้วย “เหตุผลทางกฎหมายและความเป็นส่วนตัว” ขณะรัฐมนตรีต่างประเทศ เมอร์เรย์ แม็กคัลลี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามที่ว่า กรณีนี้จะกระทบความสัมพันธ์กับประเทศไทยหรือไม่ ทั้งนี้ ไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของนิวซีแลนด์
รายงานระบุว่า นายเอกภพได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากยูเอ็นเอชซีอาร์เมื่อปีที่แล้ว เขาหลบหนีผ่านกัมพูชาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีในประเทศบ้านเกิด กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกำหนดโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี
จนทำให้คนไทยส่วนหนึ่ง ไม่พอใจว่า ทำไม UNHCR ต้องให้ความคุ้มครองและที่พำนักต่อ นายเอกภพ ผู้ต้องหาคดีความผิดทางอาญา ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับผลกระทบภัยสงครามตามวัตถุประสงค์ขององค์กร จนเกิดกระแสการรณรงค์ยกเลิกเงินบริจาค
ต่อมา ทางเฟซบุ๊กเพจ UNHCRThailand ได้ออกมาชี้แจงต่อผู้บริจาค รายหนึ่งซึ่งยกเลิกเงินบริจาคว่า “การรับรองสถานะผู้ลี้ภัยรัฐบาลของประเทศนั้นๆ เป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการขอลี้ภัยและพิจารณารับรองสถานะผู้ลี้ภัยของบุคคลนั้นๆ ขอยืนยันอีกครั้งว่าเงินบริจาคทั้งหมด ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่เป็นเด็กที่ไม่มีพ่อแม่ ผู้หญิงที่ถูกกระทำจากสงคราม ผู้พิการจากความรุนแรง และผู้สูงอายุที่พลัดพรากจากครอบครัวในประเทศไทยเท่านั้น และขออนุญาตพิจารณาการบริจาคอีกครั้ง งบประมาณทั้งหมดในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในประเทศไทยดำเนินการได้ด้วยเงินบริจาคพวกเขาไม่มีแม้แต่ประเทศตนเอง และต้องอยู่ในค่ายมานานกว่า 30 ปี”
เมื่อเราตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ยูเอ็นเอชซีอาร์ประจำประเทศไทย ได้ระบุว่า ทุกปีรัฐบาลไทยได้บริจาคเงินจำนวน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 657,000 บาท) เพื่อช่วยเหลือการทำงานของยูเอ็นเอชซีอาร์ ส่วนภาคธุรกิจได้มอบพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานกว่า 125 แห่ง สำหรับบูธระดมทุนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
และในระยะเวลากว่า 4 ปี ยูเอ็นเอชซีอาร์มีผู้บริจาคมากกว่า 24,000 คนในประเทศไทย โดยยูเอ็นเอชซีอาร์ประเทศไทยมอบหมายให้บริษัท แอพพะโก้ ดำเนินการระดมทุนสำหรับบุคคลทั่วไปผ่านบูธระดมทุน ที่จะเดินสายไปตามห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานต่างๆ โดยชำระผ่านบัตรเครดิตแบบต่อเนื่อง ขั้นต่ำ 300 บาทต่อเดือน และสูงสุด 700 บาทต่อเดือน อีกด้วย
จากข้อมูลทั้งหมดเรานำเสนอนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับข้อเสนอของ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ได้ออกมาให้ทบทวนหลักเกณฑ์ การส่งนายเอกภพ ลี้ภัยไปประเทศนั้นถูกต้องหรือไม่ หรือเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการบริจาคเงินเพื่อเพิ่มแรงกดดันนั้น สุดท้ายจะเป็นอย่างไร
เรียบเรียง : อุดร แสงอรุณ สำนักข่าวทีนิวส์