อรหันต์ผิดคิว!! อุตส่าห์เตี๊ยมกันมาซะดิบดี ... เมื่อหลวงพ่อจวนต้องรับเสด็จ แต่รองผู้ว่าฯ เจ้ากรรมดันลืมกระซิบบอกว่าคนไหนคือ "ในหลวง"!!

รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th

พระป่ากรรมฐานมักจะมีเรื่องราวขำขันเกี่ยวกับตัวท่านเองอยู่เสมอ  เนื่องจากท่านใช้ชีวิตทั้งชีวิตหมดไปกับการต่อสู้กับกิเลสในใจของตนเอง ซึ่งการต่อสู้กับกิเลสนี้จะให้ได้ผลดีก็ต้องต่อสู้อยู่ในป่าเขาถิ่นทุรกันดาร เพราะจะได้มีอุบายธรรมสำหรับทรมานกิเลสได้ดีกว่าการคลุกคลีอยู่กับความวุ่นวายในเมือง  ด้วยเหตุที่อยู่แต่ในป่าในเขานี่เอง ท่านจึงไม่ได้รู้เรื่องราวทางโลกเลย ...

และนั่นก็เป็นที่มาของเรื่องที่จะเล่าดังต่อไปนี้

 

อรหันต์ผิดคิว!! อุตส่าห์เตี๊ยมกันมาซะดิบดี ... เมื่อหลวงพ่อจวนต้องรับเสด็จ แต่รองผู้ว่าฯ เจ้ากรรมดันลืมกระซิบบอกว่าคนไหนคือ "ในหลวง"!!

หลวงพ่อจวน กุลเชฏโฐ

ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระราชกรณียกิจพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านนาต้อง ซึ่งอ่างเก็บน้ำแห่งนี้อยู่ใกล้กับภูทอกหรือวัดเจติยาคิรีวิหารภูทอก อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นวัดหลวงที่ "หลวงพ่อจวน กุลเชฏโฐ" สร้างและจำพรรษาอยู่

ตามหมายกำหนดการของสำนักพระราชวังนั้นยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าในหลวงจะเสด็จมาที่วัดภูทอกด้วยหรือไม่  แต่ทางเจ้าหน้าที่ของจังหวัดก็เตรียมนิมนต์เชิญหลวงพ่อจวนไปนั่งในปะรำพิธีรับเสด็จด้วย ซึ่งในเรื่องนี้หลวงพ่อเห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะท่านทราบมาว่าในหลวงจะเสด็จมาทอดพระเนตรอ่างเก็บน้ำเป็นการเฉพาะ การที่ท่านจะไปนั่งอยู่ในที่เช่นนั้นอาจเกิดการเข้าใจผิดได้  ท่านจึงบอกกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ทางจังหวัดได้ส่งมานิมนต์ท่านว่า

"พระเจ้าอยู่หัวท่านไม่ทราบเรื่อง  ถ้าเสด็จมา...ผ่านไป...ไม่ทราบว่าพระอะไร มานั่งทำไม อาตมาก็เสีย  พระวินัยก็มี...ไม่ให้ประจบพระราชา ท่านก็จะเสียว่าไม่เคารพพระ ... ไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น"

แต่รองผู้ว่าราชการจังหวัดก็ยืนยันกับหลวงพ่อจวนว่า

"เรื่องนี้ทางกรุงเทพฯ แจ้งยืนยันมาแล้วครับหลวงพ่อ...ว่าทรงมีพระราชประสงค์จะขอพบกับหลวงพ่อ  แต่เหตุที่ไม่สามารถเสด็จมาที่วัดภูทอกได้เพราะต้องเสด็จไปทอดพระเนตรโครงการชลประทานอีกถึงสองตำบล

เมื่อตะกี้นี้ยังมีวิทยุมาแจ้งว่า...ยังทรงถามเรื่องเครื่องไทยทานที่จะถวายหลวงพ่อว่าเรียบร้อยดีไหม"

หลวงพ่อจวนได้ฟังคำยืนยันจากรองผู้ว่าฯ ก็สบายใจขึ้นที่ไม่ผิดพระวินัย  แต่สิ่งที่หลวงพ่อพูดต่อไปก็ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างหัวเราะกันถ้วนหน้า ...

"แต่ว่า...อาตมาจะทราบได้อย่างไรล่ะ...ว่าคนไหนคือ ‘ในหลวง’?"

เมื่อเห็นทุกคนขำกันอย่างนั้นแล้ว หลวงพ่อจวนก็อายเล็กน้อยก่อนจะรำพึงว่า

"ก็มันไม่ทราบจริงๆ"

รองผู้ว่าฯ จึงรับปากกับหลวงพ่อจวนว่า... เอาไว้ถึงเวลาใกล้ๆ จะเสด็จ จะมากระซิบบอกหลวงพ่อเอง

"... แต่หลวงพ่อก็จำง่ายๆ ว่า คนที่ใส่เครื่องแบบเต็มยศ ในมือถือวิทยุสื่อสาร แล้วเดินนำหน้าสุด คนนั้นนั่นแหละคือ...ในหลวง!!"

 

อรหันต์ผิดคิว!! อุตส่าห์เตี๊ยมกันมาซะดิบดี ... เมื่อหลวงพ่อจวนต้องรับเสด็จ แต่รองผู้ว่าฯ เจ้ากรรมดันลืมกระซิบบอกว่าคนไหนคือ "ในหลวง"!!

เมื่อถึงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จจริงๆ หลวงพ่อจวนก็นั่งเป็นพระประธานในปะรำพิธี  แต่ทั้งๆ ที่มีการตระเตรียมเตี๊ยมกับเจ้าหน้าที่ของจังหวัดเป็นอย่างดี ก็มีรายการ "ผิดคิว" เกิดขึ้นจนได้ ...

นั่นก็คือ  ในขณะรับเสด็จ รองผู้ว่าฯ คนนั้นดันไปวุ่นวายอยู่กับการรับเสด็จ จนลืมบทที่จะต้องมากระซิบบอกหลวงพ่อจวนให้รู้ว่าคนไหนคือในหลวง!!

ในงานตอนนั้น ถ้าใครสังเกตดีๆ จะเห็นว่า หลวงพ่อจวนท่านสะดุ้งโหยง...เมื่อในหลวงทรงกราบนมัสการท่านแทบตัก!! ... และทรงมีพระราชปฏิสันถารสนทนาธรรมกับท่านอยู่เป็นเวลานาน

ต่อมาหลังจากผ่านพ้นการรับเสด็จไปแล้ว ลูกศิษย์ที่สังเกตเห็นหลวงพ่อจวนสะดุ้งโหยงตอนในหลวงทรงกราบนมัสการก็มาถามกับท่านในเรื่องนี้  ท่านจึงเล่าให้ฟังว่า

"ก็รองผู้ว่าฯ ไม่ได้มาบอกเราเลยว่าคนไหนคือในหลวง  เราก็สังเกตตามที่รู้มาว่า ในหลวงคือคนที่แต่งเครื่องแบบ ในมือถือวิทยุสื่อสาร เดินนำหน้าสุด  เราก็มองตามคนคนนั้นไป...เห็นคนคนนั้นเดินผ่านเราไปเลย...ก็เลยประหลาดใจเมื่อมีคนมากราบที่หน้าตัก!!"

ความจริงแล้ว คนที่แต่งเครื่องแบบเต็มยศ มือถือวิทยุสื่อสาร เดินนำหน้าสุด นั้นก็คือ "พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร"!!

เมื่อลูกศิษย์ได้ฟังคำตอบจากหลวงพ่อจวนก็ขำกันใหญ่ ... ท่านจึงพูดอย่างอารมณ์ดีว่า

"ก็เรานึกว่า...ท่านจะแต่งเครื่องแบบ"!!!

 

อรหันต์ผิดคิว!! อุตส่าห์เตี๊ยมกันมาซะดิบดี ... เมื่อหลวงพ่อจวนต้องรับเสด็จ แต่รองผู้ว่าฯ เจ้ากรรมดันลืมกระซิบบอกว่าคนไหนคือ "ในหลวง"!!

อรหันต์ผิดคิว!! อุตส่าห์เตี๊ยมกันมาซะดิบดี ... เมื่อหลวงพ่อจวนต้องรับเสด็จ แต่รองผู้ว่าฯ เจ้ากรรมดันลืมกระซิบบอกว่าคนไหนคือ "ในหลวง"!!

---------------------------------------------------------------------------------------------------

 

ที่มา : หนังสือ "รอยยิ้มพระอรหันต์ อารมณ์ขันพระอริยะ" โดย วีระวัฒน์ ชลสวัสดิ์

ณัฐวุฒิ/สำนักข่าวทีนิวส์ - รายงาน