เปิดปมมรณะ กิ๊กซ้อน4!!! คดีทอมสาว ตีแผ่ด้านมืดสังคมไทย.......ติดอันดับนอกใจตัวแม่ของโลก!! (รายละเอียด)

ความคืบหน้า ล่าสุด 13 มกราคา 2560 นางสมคิด พงษ์สวัสดิ์ ภรรยาพ.ต.อ.อำนวย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 81 ตารางวา ราคาประเมิน 1.9 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีเป็นความผิดร้ายแรง ประกอบกับยังมีกลุ่มผู้ต้องหาอื่นที่เกี่ยวข้องยังหลบหนี เกรงว่าจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หรืออาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อันเป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนสอบสวนของเจ้าพนักงาน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัว พ.ต.อ.อำนวย ไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี

ย้อนกลับไป 12 มกราคม 2560 ช่วงกลางดึกที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่คุมตัวน.ส.กรรณิกาและนายภูมิทัศน์ มาสอบสวนที่ สน.หนองค้างพลู โดยทราบว่านายภูมิทัศน์ถูกจ้างวานให้มาอุ้มน.ส.สุภัคสรณ์ ด้วยค่าจ้าง 3,000 บาท เนื่องจากน.ส.กรรณิกาโกรธแค้นที่ผู้ตายแอบปันใจและนำเงินไปให้สาวคนอื่น จากนั้นในช่วงเช้าพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย พร้อมกล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การภาคเสธแบ่งรับแบ่งสู้ ซึ่งตอนนี้ยังยืนยัน ไม่ได้ว่าพ.ต.อ.อำนวยร่วมก่อเหตุเองหรือไม่ ต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติม แต่ทราบได้แน่ชัดแล้วว่าพ.ต.อ. อำนวยเป็นผู้จ้างวานอุ้มน.ส.สุภัคสรณ์จริง

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนพบกลุ่มผู้ต้องหาวางแผนอุ้มตัวน้องหญิงมาหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ กระทั่งวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมาก่อเหตุได้สำเร็จ โดยตั้งปมก่อเหตุหลักๆมาจากเรื่องชู้สาวและทรัพย์สิน ส่วนการตามล่าตัวผู้ต้องหาอีก 3 คนนั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าปัจจุบันรับราชการทหารหรือไม่ หรือเป็นอดีตทหาร ซึ่งคาดว่าจะได้ตัวในไม่ช้า ต่อมาเวลา 13.00 น. พล.ต.ท.ศานิตย์พร้อมชุดสืบสวนคุมตัวนายนิวัฒน์ และนายภูมิทัศน์ มาทำแผนฯ บริเวณแมนชั่นภายในซอยเพชร เกษม 116 แยก 8 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. ซึ่งเป็นห้องพักที่น้องหญิงพักอยู่กับน.ส.กรรณิกา เริ่มจากจุดแรกที่กลุ่มผู้ต้องหาวนรถกระบะสีดำ นิสสัน รุ่นนาวาร่า ทะเบียน ฒษ 4515 กทม. ซึ่งเป็นรถของนายนิวัฒน์ ขับมาดูลาดเลา 3 ครั้ง ตั้งแต่เวลา 19.51 น. เวลา 22.13 น.และเวลา 22.23 น.ของวันที่ 13 ธ.ค. ก่อนพบน้องหญิงขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา จุดที่ 2 คือบริเวณหน้าแมนชั่น ขณะน้องหญิงขึ้นห้องไปประมาณ 5 นาที ก่อนลงมาด้านล่างอีกครั้ง โดยนายภูมิทัศน์ลงจากรถมาประกบ จุดที่ 3 นายนิวัฒน์ขับรถกระบะปาดหน้ารถจักรยานยนต์จนล้ม ก่อนร.ท.ชัยยุทธ หรือจบ เบ็ญจชาติ นายภาณุเมศวร์ หรือจิ๋ว มีลา ทหารหน่วยหนึ่งและทั้งสองเป็นผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี เป็นคนลงจากรถมาอุ้มน้องหญิงขึ้นรถกระบะ และนำรถจักรยานยนต์จอดทิ้งไว้ข้างทาง โดยมีนายนิวัฒน์เป็นคนขับ ร.ท.ชัยยุทธนั่งด้านหน้า นายภูมิทัศน์และนายภาณุเมศวร์นั่งประกบน้องหญิงและกดหัวลง ก่อนหลบหนีไปตามถนนหมายเลย 116 มุ่งหน้า จ.กาญจนบุรี

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพเป็นผู้ร่วมกระบวนการอุ้มน้องหญิงจริง จึงคุมตัวมาทำแผนฯ โดยผู้ต้องหามาดูลาดเลามากกว่า 1 อาทิตย์ เมื่ออุ้มเสร็จแล้วได้พาน้องหญิงไปไว้ที่บ้านพัก 1 ใน 7 ผู้ต้องหาที่ จ.กาญจนบุรี เป็นเวลา 2 วัน โดยจากการสืบสวนเชื่อว่าตอนนี้มีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 7 คน ซึ่งกำลังรวบรวมหลักฐานออกหมายจับอีกอย่างน้อย 1 ราย

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวอีกว่า ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพ.ต.อ.อำนวย กับน.ส.กรรณิกา พบว่าทั้งคู่แอบคบหาในลักษณะของภรรยาน้อยมาประมาณ 3 ปี ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่าน มาพ.ต.อ.อำนวยส่งเสียเลี้ยงดูน.ส. กรรณิกาตลอดมา ด้วยการโอนเงินครั้งละ 1-2 แสนบาท ทำให้น.ส.กรรณิกามีเงินเก็บจำนวนมาก ก่อนมาแอบคบหากับน้องหญิงและให้ยืมเงินหลายครั้ง แต่ช่วงก่อนเกิดเหตุน.ส. กรรณิกาจับได้ว่าน้องหญิงแอบนอกใจไปสนิทสนมคบหากับหญิงสาวคนอื่น จึงทำให้มีปากเสียงกันประจำ โดยเชื่อว่าน.ส.กรรณิกาน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสาเหตุฆาตกรรมครั้งนี้อย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผู้ทำหน้าที่บอกข้อมูลของน้องหญิงและเป็นคนชี้เป้าให้ทีมสังหาร

จากนั้นพ.ต.อ.ธนะสิทธิ์ ปานศรี ผกก.สน.หนองค้างพลู พร้อมพนักงานสอบสวน คุมตัวพ.ต.อ.อำนวย และนายนิวัฒน์ ไปฝากขังศาลจังหวัดตลิ่งชัน พร้อมคัดค้านประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและหลบหนี โดยภรรยาพ.ต.อ. อำนวยนำโฉนดที่ดินมูลค่า 1.9 ล้านบาทมายื่นประกัน แต่ศาลไม่อนุญาต ก่อนส่งฝากขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรี

สำหรับบรรยากาศรับศพน้องหญิง ช่วงกลางดึกที่สถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ นายบุญชู พลไธสง อายุ 49 ปี นางสมพิศ ตรัยจันทร์แดง อายุ 46 ปี พ่อแม่ของน้องหญิง พร้อมนางสมคิด พลข่า น้าสาวและญาติ มารอรับศพที่ขุดพบถูกฝังใน จ.กาญจนบุรี โดยทุกคนอยู่ในอาการเศร้าโศกถึงขั้นเป็นลมล้มฟุบและในระหว่างรอรับศพจู่ๆ นางสมพิศเกิดชักเกร็งก่อนโวยวายเสียงดังว่า “ใครทำกู ฆ่ากูทำไม หญิงไปทำอะไรให้มัน อยากฝากสื่อให้ช่วยเสนอข่าวจับคนร้ายมาให้ได้ทุกคน” ทำให้ญาติต้องจุดธูป 1 ดอกและพูดปลอบใจ ก่อนนำพระมาแขวนคอนางสมพิศ จนอาการดีขึ้น ซึ่งนายบุญชูเชื่อเป็นวิญญาณน้องหญิงที่เข้ามาสิงร่างแม่จริง เนื่องจากเป็นคนพูดจาเสียงดังซึ่งต่างจากนางสมพิศ ต่อมาศพของน้องหญิงถูกส่งมาถึงสถาบันนิติเวชวิทยา ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของครอบครัว

จากนั้นในช่วงเช้า นายบุญชูพร้อมญาติมารอรับศพน้องหญิง โดยนายบุญชูเผยว่า ตนกับแม่น้องหญิงเลิกรากันตั้งแต่น้องหญิงเรียน ม.3 ซึ่งหลังจากน้องหญิงหายตัวไปแม่น้องหญิงก็ฝันเห็นและมาบอกว่า “ลูกเจ็บทรมาน มาช่วยหนูด้วย มาเอาขึ้นจากหลุมด้วย” โดยฝันแบบนี้หลายครั้ง เช่นเดียวกับเพื่อนน้องหญิงก็ฝันแบบเดียวกันกระทั่งพบศพ หลังจากนี้เตรียมนำศพน้องหญิงไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านคลองอีแตก ต.โคกปี่ฆ้อง อ.เมืองสระแก้ว

ขณะที่นางสมพิศ แม่น้องหญิง และญาติเดินทางมายังรีสอร์ตร้าง อ.เมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นจุดฝังศพ เพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณลูกสาวกลับบ้าน พร้อมนิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพิธี เมื่อทุกคนเห็นหลุมฝังศพน้องหญิงต่างรู้สึกสลดใจอย่างมาก โดยเฉพาะนางสมพิศถึงกับเข่าอ่อนและพูดไม่ออก ซึ่งขณะประกอบพิธีสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ นางสมพิศเกิดอาการขึงขังและพูดถึงกลุ่มคนร้ายว่า “พวกมึงทำกูทำไม และอีดาว มึงทำกูทำไม” พร้อมเตะต้นไม้จนล้ม ก่อนพูดถึงความทุกข์ทรมานขณะกลุ่มคนร้ายนำตัวมาขังไว้ โดยไม่ยอมให้กินอาหารและน้ำ จากนั้นพูดว่า “อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วขอให้พากลับบ้านด้วย” ทำให้ญาติต่างตกตะลึงและเชื่อว่าเป็นวิญญาณของน้องหญิงมาเข้าสิงแม่อีกครั้ง จากนั้นญาติต่างร่ำไห้และขอให้ดวงวิญญาณน้องหญิงออกจากร่างแม่ เพื่อเดินทางกลับบ้าน ก่อนนางสมพิศจะล้มฟุบไปและสะบัดหน้าไปมา ระหว่างนั้นมีกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ ทุกคนจึงรีบขึ้นรถแล้วเดินทางกลับ

นางสมพิศกล่าวว่า ไม่เชื่อสาเหตุของเรื่องนี้มาจากน้องหญิงไปยืมเงินนักร้องสาวถึง 4 ล้านบาท เพราะถ้ายืมเงินไปจริงคงไม่ต้องให้ตนกู้เงินธ.ก.ส.มาให้ โดยเชื่อสาเหตุมาจากหึงหวงเป็นหลัก เนื่องจากน้องหญิงพยายามเลิกกับนักร้องสาว แต่นักร้องสาวไม่ยอมเลิกและมีปัญหากันเรื่อยมา

ด้านพล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา เผยผลการชันสูตรศพน้องหญิงว่า แม้การตรวจสภาพภายนอก ทั้งรอยสัก ตำหนิอื่นตามร่างกายจะยืนยันว่าศพเป็นน.ส.สุภัคสรณ์จริง แต่เพื่อความชัดเจนและถูกต้องจึงต้องเก็บดีเอ็นเอของพ่อแม่มาเปรียบเทียบยืนยันกับศพ โดยขณะนี้รอเพียงแม่มาตรวจเก็บดีเอ็นเอเท่านั้น คาดใช้เวลา 1 วันเพื่อยืนยัน โดยในวันที่ 13 ม.ค.จะคืนศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลได้
พล.ต.ต.นพ.พรชัยกล่าวว่า ส่วนการชันสูตรเบื้องต้นระบุได้เพียงว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ แต่ยังไม่สามารถชี้ได้ในตอนนี้ว่าเพราะเหตุใดหรืออะไรทำให้ขาดอากาศหายใจ ต้องรอการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากสภาพศพเปลี่ยนแปลงไปมาก อีกทั้งถูกฝังดินจนเปลี่ยนสภาพ ทำให้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งนี้ ใบหน้าศพที่บิดเบี้ยวและเปลี่ยนรูปนั้นเพราะถูกฝังดินคว่ำหน้า แต่เมื่อแพทย์ชำระล้างศพก็พบว่าสภาพใบหน้าเป็นปกติคืนรูปแล้ว ร่างกายไม่พบบาดแผลฉกรรจ์จากของมีคมหรือกระสุน มีเพียงรอยฟกช้ำตามร่างกายไม่มาก เช่น บริวณหน้าผาก ซึ่งเป็นรอยช้ำไม่ใหญ่ ผลเอกซเรย์ไม่พบกะโหลกหรือกระดูกข้อต่อแตกหัก จึงชี้ได้ว่าเสียชีวิตก่อนถูกฝังกลบ เนื่องจากในหลอดลมไม่พบทรายหรือดิน เพราะหากยังไม่เสียชีวิตก่อนถูกฝังโดยธรรมชาติจะต้องหายใจมีดินหรือทรายเข้าไปในหลอดลม จากการดูสภาพศพคาดเสียชีวิตมามากกว่า 1 สัปดาห์เล็กน้อย

พล.ต.ต.นพ.พรชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังเก็บเศษอาหารในกระเพาะที่พบเล็กน้อยไปตรวจทางพิษวิทยา พร้อมตรวจหาดีเอ็นเอแฝง เนื้อเยื่อแฝงตามซอกเล็บ ส่วนการตรวจหาร่องรอยการกระทำชำเรานั้น แพทย์ตรวจสอบประเด็นนี้อย่างละเอียด ด้วยการเก็บดีเอ็นเอแฝงทุกอย่าง เพื่อความแม่นยำ แต่ต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสรุปได้ว่ามีสาเหตุมาจาก2สาเหตุหลักคือเรื่องของทรัพย์สิน แต่เรื่องที่ถือเป็นชนวนหลักเลยก็คือเรื่องที่เกิดจากการหึงหวงกันในลักษณะของการชู้สาว คือ ทางพ.ต.อ.อำนวยคบหากับน.ส.กรรณิกาในลักษณะภรรยาน้อย น.ส.กรรณิกาคบหากับน.ส.สุภัคสรณ์ในเชิงชู้ และน.ส.สุภัคสรณ์เองก็นอกใจน.ส.กรรณิกาไปมีผู้หญิงคนอื่นอีกทอดหนึ่ง และนอกจากกรณีที่เกิดขึ้นก็ยังมีอีกหลายคดีที่เกิดขึ้นเพราะการหึงหวงทั้งสิ้น

เรื่องของการนอกใจในประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ซึ่งได้กลายด้านมืดของสังคมไปและเริ่มทวีส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงจากผลการวิจัยจาก "ดูเร็กซ์" ผู้ผลิตถุงยางชื่อดังของโลก ได้เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการนอกใจคู่ครองในทั่วโลก พบว่า ไทยกลายเป็นแชมป์อันดับหนึ่ง เหนือกว่าประเทศแถบยุโรปหลายประเทศ ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจมาก
โดยผลสำรวจระบุว่า 56 เปอร์เซนต์ของคู่สมรสชาวไทย มีพฤติกรรม"มีชู้-นอกใจ"คู่สมรส ท่ามกลางอุตสาหกรรมทางเพศของประเทศนี้ ซึ่งยังถือเป็นอุตสาหกรรมภาคเศรษฐกิจใหญ่ของเมืองไทย โดยเฉพาะในย่านพัฒน์พงศ์ มีการเสนอรูปแบบทางเพศอย่างพิศดารเกือบทุกรูปแบบ และแม้ว่าธุรกิจนี้อาจไม่เกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับพฤติกรรมการนอกใจของคู่สมรสไทย แต่ก็สามารถอธิบายอิทธิพลต่อทัศนคติที่ไม่ยึดมั่นพันธะผูกพันต่อคู่ครองของคนไทย หรือการนิยมเที่ยวผู้หญิงของชายไทย

อย่างไรก็ตาม อันดับนี้ไม่น่าจะทำให้คนไทยปลาบปลื้มนัก เพราะรายงานของดูเร็กซ์ เมื่อปี 2012 เคยพบว่า หญิงไทยมีพฤติกรรมนอกใจสามีมากกว่าผู้ชาย ซึ่งการเปิดเผยนี้เคยสร้างความไม่พอใจให้แก่สื่อในเมืองไทยมาแล้ว นอกจากนี้ รายงานระบุด้วยว่า สังคมไทย ยังมีธรรมเนียมยกย่องพฤติกรรมมากชู้หลายเมีย เช่น การมีเมียน้อย หรือภรรยาที่มีสถานะรองลงมาจากภรรยาหลวง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่นิยมกันมากในหมู่คนไทยที่มีฐานะร่ำรวยด้วย

10 อันดับประเทศที่คนมีชู้มากที่สุดในโลก
1. ไทย 56%
2. เดนมาร์ก 46%
3. เยอรมนี 45%
4. อิตาลี 45%
5. ฝรั่งเศส 43%
6. เบลเยียม 40%
7. นอร์เวย์ 40%
8. สเปน 39%
9. ฟินแลนด์ 36%
10. สหราชอาณาจักร 36%