ด่วน!! พยานครูจอมทรัพย์ โผล่อีกราย !! ยกมือท่วมหัว สาบานต่อสิ่งศักดิ์และองค์พระธาตุพนม ทุกถ้อยคำที่ตนพูดและให้การในศาลไปนั้นเป็นความจริง !!

พยานครูจอมทรัพย์ โผล่อีกราย ยกมือท่วมหัว สาบานต่อสิ่งศักดิ์

ที่บ้านเลขที่ 57 บ.นาคู่ หมู่ 2 ต.นาคู่ อ.นาแก จ.นครพนม บ้านของนางทองเรศ วงศ์ศรีชา วัย 51 ปี อาชีพทำนา ซึ่งเป็นเพื่อนของนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถมอเตอร์ไซด์คันดังกล่าว และเป็น 1 ใน 2 พยานปากเอกที่เห็นเหตุการณ์ โดยนางทองนเรศได้ซ้อนท้ายรถนางทัศนีย์ในวันเกิดเหตุ และพบเห็นเหตุการณ์ที่รถกระบะได้พุ่งชนนายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิต หลังจากไปเป็นพยานให้การในชั้นศาลคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 56 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร คดีขับรถชนคนตาย เหตุเกิดเมื่อปี 2548

ด่วน!! พยานครูจอมทรัพย์ โผล่อีกราย !! ยกมือท่วมหัว สาบานต่อสิ่งศักดิ์และองค์พระธาตุพนม ทุกถ้อยคำที่ตนพูดและให้การในศาลไปนั้นเป็นความจริง !!

 

ด่วน!! พยานครูจอมทรัพย์ โผล่อีกราย !! ยกมือท่วมหัว สาบานต่อสิ่งศักดิ์และองค์พระธาตุพนม ทุกถ้อยคำที่ตนพูดและให้การในศาลไปนั้นเป็นความจริง !!

ขณะเดียวกัน ล่าสุดในวันนี้ นางทองเรศ ซึ่งเป็นผู้ซ้อนมอเตอร์ไซด์นางทัศนีย์ ได้ออกมากล่าวว่า วันเกิดเหตุนางทัศนีย์ชักชวนตนไปร่วมงานบุญแจกข้าวที่ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร โดยตนนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าดรีมสีขาว ทะเบียน ฉ 2744 นครพนม กระทั่งได้จะเดินทางกลับที่บ้านนาคู่ ระหว่างที่นางทัศนีย์ขับรถขึ้นถนนทางหลวงหมายเลข 2031 สายธาตุน้อย-นาเหนือ ช่วง บ.สร้างเม็ก ต.ท่าลาด ได้ยินเสียงเร่งเครื่องรถยนต์มาด้วยความเร็วสูง ขับแซงรถที่ตนซ้อนท้ายไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเห็นรถคันดังกล่าวพุ่งชนจักรยานนายเหลือ พ่อบำรุง ร่างปลิวกระเด็นตกลงพื้น จนเสียชีวิต

นอกจากนี้นางทองนเรศยังได้อธิบายถึงภาพเหตุการณ์ในวันนั้นต่อว่า ได้เห็นคนขับรถไม่ทราบว่าเป็นรถกระบะหรือรถเก๋ง เพราะตนนั่งซ้อนท้ายดูอยู่ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตร ซึ่งมีแสงไฟรถจักรยานยนต์ของนางทัศนีย์ส่องเห็นถึง เปิดประตูรถฝั่งคนขับเดินลงมา คนขับมีลักษณะท้วม สวมรองเท้าหนัง เสื้อแขนยาวสีดำ เดินลงมาดูนายเหลือ คนถูกรถชนแล้วจึงเดินขึ้นรถเร่งเครื่องขับหลบหนีไป หลังเกิดเหตุก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะผู้ประสบเหตุถูกรถชนไม่ใช่ญาติพี่น้องตนและนางทัศนีย์เลย เหตุการณ์ผ่านไปสักระยะ นางทัศนีย์ก็มาเล่าให้ฟังว่าหลังที่ตนพบเห็นเหตุการณ์ในวันนั้น ยืนยันและคุยกันกับนางทัศนีย์ว่าคนขับเป็นผู้ชาย มารู้ภายหลังว่าคนที่ต้องโทษจำคุกกลับกลายเป็นผู้หญิง กระทั่งมีหมายศาลเรียกให้ตนไปเป็นพยานชั้นศาลและยังพบเห็นนายสับ วาปี ซึ่งทราบว่าเป็นผู้ออกมารับสารภาพว่าเป็นผู้ขับรถชนตัวจริงแต่ไม่ได้คุยกันเพราะอยู่กันคนละห้องล

 

ด่วน!! พยานครูจอมทรัพย์ โผล่อีกราย !! ยกมือท่วมหัว สาบานต่อสิ่งศักดิ์และองค์พระธาตุพนม ทุกถ้อยคำที่ตนพูดและให้การในศาลไปนั้นเป็นความจริง !!

 

นางทองนเรศได้ระบุทิ้งท้ายว่า
“หลังจากที่ถึงคิวฉันให้การเป็นพยานบนชั้นศาล ศาลได้ถามฉันว่าคนขับรถคันก่อเหตุเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ฉันจึงตอบศาลไปว่าคนขับรถชนเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ซึ่งศาลก็ถามแค่นี้สั้นๆ”

ทั้งนี้นางทองเรศอยู่นั้น ได้ยกพนมมือไหว้เหนือหัว พร้อมกล่าว สาบานต่อสิ่งศักดิ์และองค์พระธาตุพนมว่า ทุกถอยคำที่ตนพูดและให้การในศาลไปนั้น ไม่มีใครมาเสนอเงินหรือให้สินจ้างแต่อย่างใด เพื่อให้พูดช่วยเหลือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น ทั้งนี้ สิ่งที่ตนได้พูดไปนั้นก็พูดตามที่พบเห็นเหตุการณ์เท่านั้น

 

เรียบเรียง : อาทิชา