นี่หรือนารีขี่ม้าขาว!!?? ดูชัดๆข้อมูลความเสียหาย 35,000 ล้านบาท คดีจำนำข้าว...""ยิ่งลักษณ์"ถึงเวลาแล้วที่ต้องรับกรรม!!(รายละเอียด)

กลับมาเป็นที่อยู่ในความสนใจอีกครั้งสำหรับการดำเนินคดีโครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะกรณีของการเรียกค่าเสียหายทางละเมิดต่อทางเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามกระบวนการ
และเมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมานั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางขึ้นศาลปกครอง พร้อมทั้งกล่าวทั้งน้ำตาว่าถ้าตนชดใช้นี้ก้อนโตมหาศาลที่ชั่วชีวิตก็ไม่สามารถชดใช้ได้หมด และก็จะเหมือนกับคนที่สิ้นเนื้อประดาตัว
 

โดยเมื่อวันที่ 26 ม.ค. 60 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางขึ้นศาลปกครอง ในคดีที่อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองเรียกค่าสินไหมทดแทนกว่า 3 หมื่น 5 พันล้านบาท จากความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าว ต่อนายกรัฐมนตรี พร้อมพวกรวม 4 ราย  โดยการไต่สวนดังกล่าวเป็นการไต่สวนตามคำขอของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้ตามคำสั่งดังกล่าวหรือระงับคำสั่งให้ชดใช้เงินดังกล่าวไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด

ซึ่งภายหลังจากการไต่สวนนานกว่า 1ชั่วโมง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า  วันนี้ตนได้ชี้แจงถึงความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้น หากมีการบังคับคดีว่าในช่วงระหว่างการพิจารณาคดีอยู่และยังไม่เป็นที่สิ้นสุด หากทรัพย์ต่างๆ ถูกยึดอายัด จะมีความเดือนร้อน ทุกข์ใจ อย่างมากและเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองในครั้งนี้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวอีกว่า ไม่ใช่ลำพังแค่ตัวดิฉันเท่านั้นที่เดือดร้อน แต่จะเดือดร้อนถึงครอบครัวด้วย โดยดิฉันมีหลายประเด็นที่ยังทุกข์ใจ ถ้าศาลจะให้โอกาสก็ต้องบอกว่าเป็นความลำบากใจที่ยากจะพรรณนาและบรรยายไม่ออก เพราะเป็นหนี้ก้อนโตมหาศาลที่ชั่วชีวิตก็ไม่สามารถชดใช้ได้หมด และยังต้องมาเจอเรื่องของทรัพย์สินถ้าเกิดไม่ได้ชำระ จะถูกยึดอายัดและขายทอดตลาด จะเหมือนกับคนที่สิ้นเนื้อประดาตัว มันหนัก พูดสั้น ๆแค่นี้ก็ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรแล้ว

 

ด้านนายนพดล หลาวทอง ทนายความของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขณะนี้เลยกรอบเวลา 30 วันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องชดใช้ตามคำสั่งของกระทรวงการคลัง ที่ออกมาตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 แล้ว แต่ไม่ได้มีการปฏิบัติตาม จนกระทรวงการคลังมีหนังสือเตือนมาวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ในทางปฏิบัติกรมบังคับคดีสามารถดำเนินการเรื่องการยึดทรัพย์ได้เลย แต่เมื่อคดีอยู่ในศาล กระทรวงการคลังได้แจ้งต่อศาลว่าจะรอคำสั่งศาลก่อนจึงยังไม่ได้มีการดำเนินการบังคับคดีแต่อย่างใด
ทั้งนี้คดีโครงการรับจำนำข้าวของนางสาวยิ่งลักษณ์นั้นก็มีจุดเริ่มต้นมาจากการหาเสียงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ชูนโยบายประชานิยม อย่างโครงการรับจำนำข้าวมาเป็นตัวชูโรง

และนอกจากนี้เมื่อมีการแถลงนโยบายนางสาวยิ่งลักษณ์ก็กล่าวว่าจะมีการยกระดับดับราคาสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยดูแลราคาสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพที่เหมาะสม คำนึงถึงกลไกราคาตลาดโลก  และนำระบบรับจำนำสินค้าเกษตรมาใช้ในการสร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้แก่เกษตรกร เริ่มต้นจากการรับจำนำข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกหอมมะลิ

ทั้งนี้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ยังมุ่งหน้าดำเนินโครงการรับจำนำข้าวจนในที่สุดนั้นก็มีนักวิชาการออกมาเตือนมาจะสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศมหาศาล

ไม่เว้นแม้แต่ทาง  สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ได้ส่งหนังสือ จำนวน 4  ฉบับ แจ้งถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เพื่อให้พิจารณาเกี่ยวกับปัญหาและความเสี่ยงสำคัญที่เกิดขึ้นกับโครงการรับจำนำข้าว
ประกอบไปด้วย
1. หนังสือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ด่วนที่สุด เลขที่ ตผ ๐๐๑๒/๔๒๑๖ ลงวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ เรื่องสรุปประเด็นปัญหาและความเสี่ยงสำคัญ ที่พบจากการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือก
2. หนังสือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ด่วนที่สุด เลขที่ ตผ ๐๐๑๒/๐๐๖๗ ลงวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๕ เรื่อง ปัญหาและความเสี่ยงสำคัญที่จะส่งผลกระทบ ให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว
3. หนังสือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ด่วนที่สุด ตผ ๐๐๑๒/๕๒๔๗ ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๕ เรื่อง ปัญหาและความเสี่ยงสำคัญ ที่จะส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก
4. หนังสือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ด่วนที่สุด เลขที่ ตผ ๐๐๑๒/๐๒๘๐ ลงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๗ เรื่อง การตรวจสอบและศึกษาวิเคราะห์โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล และรายงานการตรวจสอบและศึกษาวิเคราะห์โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลฉบับเต็ม
หรือจะเป็นทางด้านของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่เคยมีถ้อยตอนหนึ่งระบุว่า เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ผู้ถูกกล่าวหา (น.ส.ยิ่งลักษณ์) ได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาว่าในระยะเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก

ข้อ 1.3 ว่าจะป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง

และข้อ 1.11 จะยกระดับสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งทุน โดยดูแลราคาสินค้าเกษตรและกลไกตลาดซื้อขายล่วงหน้า

รวมทั้งผลักดันให้เกษตรกรสามารถขายสินค้าเกษตรได้ในราคาสูงเพียงพอเมื่อเทียบกับต้นทุน และนำระบบจำนำสินค้าเกษตรมาใช้ในการสร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้แก่เกษตรกร เริ่มต้นจากการรับจำนำข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้นไม่เกิน 15% ที่เกวียนละ 1.5 หมื่นบาท และ 2 หมื่นบาท ตามลำดับ

สำนักงาน ป.ป.ช.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ถูกกล่าวหาเพื่อให้พิจารณาถึงสองครั้ง คือ ครั้งแรก ตามหนังสือสำนักงาน ป.ป.ช.ด่วนมากที่ ปช 0003/0118 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2554 ยืนยันข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตจากการแทรกแซงตลาดข้าวของรัฐบาลด้วยวิธีการรับจำนำ

และครั้งที่สอง ตามหนังสือสำนักงานป.ป.ช.ที่ ปช 0003/0198 ลงวันที่ 30 เมษายน 2555 ส่งข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตกรณีการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการรับจำนำข้าวเปลือก

อีกทั้งคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบายของรัฐบาลที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติได้ตั้งขึ้น ก็ได้รายงานผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล

และแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติทราบครั้งที่ 1 ว่าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี2554/2555 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2555 มีผลขาดทุนเบื้องต้น 32,301 ล้านบาท

ทั้งนี้ยังแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบครั้งที่สองว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2554/2555 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2555 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2555/2556 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2556 มีผลขาดทุนสะสม 220,968.78 ล้านบาท

และแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบครั้งที่ 3 ว่าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2554/2555 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2555 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2555/2556 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2556 มีผลขาดทุนสะสม 332,372.32 ล้านบาท ซึ่งแม้ผู้ถูกกล่าวหาจะได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งสามครั้งดังกล่าว แต่ก็ยังคงดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในฤดูกาลผลิตต่อมา
และในที่สุดโครงการรับจำนำข้าวนั้นก็ได้สร้างความเสียหายให้กับทางด้านของเกษตรกร รวมถึงประเทศชาติ หลายแสนล้านบาท
จนในที่สุดเมื่อรัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินได้ทันตามกำหนด จนทำให้มีข่าว ชาวนาฆ่าตัวตายรวมกว่า 14 ชีวิต
นางบุญเหลือ ศรีมุข 48 ปี ชาวนา อ.ปากท่อ ราชบุรี เครียดและตรอมใจจนช็อคเสียชีวิตเมื่อปลายเดือน มิ.ย. 56

นายเฉลิม จันแดง 59 ปี ชาวนาพิจิตร ไม่ได้เงินจำนำข้าว หันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบ จนตัดสินใจจบชีวิตตัวเองที่เถียงนา เมื่อต้นมกรา 57
นายทองมา ไกยสวน 60 ปี ชาวนาร้อยเอ็ด ไม่ได้รับเงินจำนำข้าวผูกคอตายในสวน

นายเมือง พันชาติ 46 ปี ชาวนาศรีษะเกษ ผูกคอตายใต้ต้นขี้เหล็กที่บ้าน ปลายมกรา 57

นายเหลา สุวรรณทอง 43 ปี ชาวนาบุรีรัมย์ ใช้ผ้าขนหนูผูกคอตายกับขื่อบ้าน ปลายมกรา 57

นางปราง ปรีจันทร์ 81 ปี ชาวนากำแพงเพชร ไม่ได้รับเงินจำนำข้าว ตรอมใจช็อคเสียชีวิตคาบ้าน

นางเพ็ญศินี ทองช้อย 38 ปี ชาวนาสุโขทัย ผูกคอตายจากความเครียดที่ไม่ได้เงินจำนำข้าว เมื่อต้นกุมภา 57

นางบุญมา สระทองอ้วน 42 ปี ชาวนากำแพงเพชร ใช้ผ้าท่อสูบน้ำ ผูกคอตายที่ต้นมะขามหน้าบ้านด้วยเหตุผลคล้ายกัน .

นายพิเชษ เพชรรัตน์ ชาวนาฉะเชิงเทรา กินยาฆ่าแมลงตายหนี้ความทุกข์จากการที่ไม่ได้รับเงินจำนำข้าว ช่วงกลางกุมภาพันธ์

นายแพง สารวัน 61 ปี ชาวนาศรีษะเกษ ผูกคอตายใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้าน

นายอนันต์ สายประยงค์ 49 ปี ชาวนาปทุม ผูกคอตาย ในเดือนเดียวกัน

นายชินกรณ์ ชัยนาม ชาวนาพิจิตร เข้ามาทวงเงินรัฐบาลที่กรุงเทพ เกิดช็อค หมดสติหน้ากระทรวงมหาดไทย ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
นายศิริ ชูเส้นผม 63 ปี ชาวนาสุรินทร์ ช็อคเสียชีวิต

นายสิงห์ขร เฟื่องสำรวจ 33 ปี ชาวนาปราจีนบุรี เครียดแขวนคอตายที่ขื่อบ้าน เพราะนำข้าวไปขายถูกกดราคา ขาดทุนยับ จึงนำข้าวกลับมาผูกคอตายที่บ้าน
และเมื่อโครงการรับจำนำข้าวเข้าสู่ ป.ป.ช.นั้น ก็อยู่ในช่วงที่ต้องต่อสู้กันในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงการถูกเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากคดีโครงการรับจำนำข้าว
เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องโอดครวญเมื่อโดนเรียกค่าเสียหายกว่า 35,000 ล้านบาท เนื่องจากขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเป็นประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้ปล่อยปะละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้กระทรวงการคลังได้รับความเสียหาย

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม"ยิ่งลักษณ์"แถลงเปิดคดีจำนำข้าวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โอดไม่ได้รับความเป็นธรรม(มีคลิป)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมความหวังเดียวของทักษิณ กลับบ้านโดยไม่ติดคุกหมดแล้ว!!! “ยิ่งลักษณ์”บอกนิรโทษกรรมคือจุดเริ่มต้นปรองดองแต่“นายกฯบิ๊กตู่”ยันชัดปยป.ไม่มีนิรโทษฯ?

Jirasak Tnews