- 07 ก.พ. 2560
รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th
การฝึกอบรมที่พวกพระเหล่าลูกศิษย์ได้รับจากหลวงพ่อชา!!! จนการเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเสมอมาทุกวันนี้คือ?...
อีกวิธีหนึ่งที่หลวงพ่อชาใช้บ่อยในการฝึกลูกศิษย์ก็คือ การให้ขึ้นธรรมาสน์เทศน์โปรดญาติโยม แม้ว่าพระรูปนั้นจะยังอ่อนพรรษาและประสบการณ์ก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นการฝึกให้เกิดความมั่นใจในตัวเองแล้ว ยังเป็นการทดสอบลูกศิษย์อีกทางหนึ่งด้วย ท่านอาจารย์สุเมโธก็เช่นกัน แม้จะเป็นพระฝรั่งพูดไทยยังไม่คล่อง หลวงพ่อก็จัดให้ขึ้นธรรมาสน์
อาจารย์สุเมโธ "...ครั้งแรกที่หลวงพ่อนิมนต์ขึ้นธรรมาสน์ เราก็รับปากว่าจะเทศน์ แต่ในที่สุดก็ต้องของด เพราะมีความวิตก กังวล กลัว ประหม่า และเครียดมาก ก็เลยต้องไปขอตัวกับหลวงพ่อ แต่นี้ก็เป็นสิ่งที่เตือนให้เรารู้ว่า ไม่วันใดวันหนึ่งข้างหน้า เราต้องโดนจับขึ้นธรรมาสน์อีกแน่ ต่อมาคณะศรัทธาอำเภอม่วงสามสิบ ได้มาถวายป่าไม้ให้จัดสร้างเป็นวัด (ซึ่งปัจจุบันก็คือวัดป่าวิเวกธรรมชาน์) เขานิมนต์หลวงพ่อไปดูที่ ท่านอาจารย์มหาอมรกับผมก็ได้ติดตามไปด้วย เมื่อไปดูที่เสร็จแล้วก็กลับมาประชุมกันที่วัดบ้านในตัวอำเภอม่วงสามสิบ หลวงพ่อก็ประกาศว่า วันนี้จะให้พระสุเมโธขึ้นธรรมาสน์ เทศน์โปรดญาติโยม คราวนี้หนีไม่ได้แล้วก็เลยต้องขึ้น แม้ว่าจะเทศน์ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ญาติโยมก็ชมว่าพูดเก่ง น่าฟัง ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นบ้าง หลังจากนั้นหลวงพ่อก็เริ่มฝึกให้เทศน์ตามโอกาสต่างๆ เช่น งานกฐิน งานทอดผ้าป่า ให้เทศน์ช่วงตีสอง ตีสาม ผมพยายามพูดให้น้อยที่สุด ๑๐-๒๐ นาที แล้วรีบลงจากธรรมาสน์เลย"
"...วันหนึ่งที่วัดบึงเขาหลวง หลวงพ่อสั่งให้ผมเทศน์ ๓ ชั่วโมง ห้ามลงก่อนหมดเวลา เลยต้องทำตามที่ท่านสั่ง พูดไปเรื่อยๆ หยุดแล้วตั้งต้นใหม่หลายครั้ง จนไม่รู้จะเอาอะไรมาพูด ภาษาก็ไม่ค่อยคล่อง ผู้ฟังก็นั่งหลับเป็นส่วนใหญ่ อันนี้ถือเป็นความเมตตาของหลวงพ่อ เพราะการทำอย่างนั้นช่วยแก้กิเลสได้ดีทีเดียว เนื่องจากขัดกับนิสัยของชาวอเมริกันเรา ซึ่งมีอัตตาสูง ความเชื่อมั่นในตัวเองมีมาก เวลาขึ้นธรรมาสน์ก็อยากจะเทศน์ให้น่าฟัง อยากจะให้ทุกคนฟังด้วยความตั้งใจ แต่ถ้าเห็นใครง่วงนอนหรือไม่ตั้งใจฟัง ก็อยากจะหยุดพูดทันที เป็นเพราะจิตใจเรายังมีความหวั่นไหวกับโลกธรรมอยู่"
อาจารย์สุเมโธ"...การจัดให้ลูกศิษย์ขึ้นเทศน์นี้ หลวงพ่อมีกติกาอยู่ข้อหนึ่งคือ ห้ามเตรียมตัวเตรียมเนื้อหาของเรื่องที่จะเทศน์ แต่ให้แสดงออกถึงสิ่งที่มีอยู่ในใจขณะนั้น ท่านสอนไม่ให้หวังอะไรจากการเทศน์ ไม่ใช่พูดเพื่อให้คนนับถือ หรือเกิดความชอบใจซาบซึ้ง ทั้งนี้ก็เพื่อมิให้มีอัตตาแอบเข้าไปในการแสดงธรรม
...มีอยู่ครั้งหนึ่งผมดื้อมาก เตรียมคำเทศน์ไว้ก่อนอย่างละเอียด ล้วนแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น เมื่อเทศน์จบผมก็หลงภูมิใจตัวเองว่าเทศน์ได้ดีมาก แต่พอลงจากธรรมาสน์เข้าไปกราบหลวงพ่อ ท่านทำหน้าขรึมแล้วก็ดุว่า ไม่เข้าท่า อย่าทำอย่างนี้อีกต่อไป..."
ดังนั้นการแสดงธรรมของอาตมาก็ตาม สไตล์นี้เหมือนกัน คือ"พูดสิ่งที่รู้สึกสมควรจะพูด เรื่องที่เกิดขึ้นเวลานี้"
ในวันมาฆบูชาซึ่งเป็นวันสำคัญลำดับที่สองทางพระพุทธศาสนาอาตมาอยู่ที่วัดหนองป่าพงของหลวงพ่อชาที่ภาคอีสาน พร้อมกับพระสงฆ์อีกกว่าสองร้อยรูปและญาติโยมหลายพันคน หลวงพ่อท่านเป็นที่นับถือของคนจำนวนมาก ปีนั้นเป็นปีที่ห้าที่อาตมาบวชเป็นพระ หลังจากทำวัตรเย็นแล้ว ก็ถึงเวลาสำหรับการเทศน์กัณฑ์ใหญ่ ปกติหลวงพ่อท่านมักจะเทศน์เองในวันสำคัญเช่นนี้ แต่นั่นก็ไม่แน่เสมอไป บางครั้งท่านจะกวาดตามองที่แถวของพระสงฆ์ที่นั่งอยู่ ถ้าสายตาของท่านหยุดที่ใครล่ะก็ องค์นั้นโดนแน่ หลวงพ่อจะนิมนต์ให้ท่านเทศน์ แม้ว่าอาตมาจะยังเป็นพระที่มีพรรษาน้อยเมื่อเทียบกับองค์อื่นๆ ที่นั่งอยู่หน้าอาตมา ผู้ใดจะประมาทไม่ได้เลยในอะไร ๆ ที่เกี่ยวกับหลวงพ่อ หลวงพ่อกวาดตามองแถวของพระสงฆ์สายตาของท่านมาถึงอาตมาแล้วก็ผ่านเลยไป อาตมาแอบถอนใจเบา ๆ อย่างโล่งอกและแล้วสายตาของท่านก็กวาดกลับมาอีกครั้ง โยมเดาซิว่าสายตาท่านหยุดที่ใคร ?
“พรหมวงฺโส” เสียงหลวงพ่อสั่ง “นิมนต์เทศน์”
ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น อาตมาต้องเทศน์ภาษาไทยโดยไม่มีการเตรียมตัวมาก่อนเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ต่อหน้าอาจารย์ของอาตมา คณะสงฆ์และญาติโยมหลายพันคน มันไม่สำคัญหรอกว่าการเทศน์ในคืนนั้นจะดีหรือไม่ ความสำคัญมันอยู่ที่ว่าอาตมาจะได้ทำหน้าที่ที่หลวงพ่อมอบหมายให้ต่างหาก
หลวงพ่อไม่เคยบอกว่าที่เราเทศน์นั้นดีหรือไม่ดี เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ครั้งหนึ่งท่านขอให้พระฝรั่งองค์หนึ่งผู้มีความเชี่ยวชาญขึ้นเทศน์ให้พ่อออกแม่ออกที่มาจำศีลที่วัดในวันพระฟัง เมื่อเทศน์ครบหนึ่งชั่วโมง พระท่านเริ่มสรุปเพื่อจะจบกัณฑ์เทศน์ที่เป็นภาษาไทยนั้น หากหลวงพ่อขัดขึ้น และขอให้ท่านเทศน์ต่ออีกหนึ่งชั่วโมง มันยากอยู่นา แต่ท่านก็เทศน์ต่อ พอท่านเตรียมจะสรุปจบหลังจากที่อุตส่าห์กัดฟันเทศน์เป็นภาษาไทยด้วยความยากลำบากในชั่วโมงที่สอง หลวงพ่อก็สั่งให้ท่านเทศน์ต่ออีกหนึ่งชั่วโมง มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ ฝรั่งที่รู้ภาษาไทยอยู่แค่นั้นอย่างท่านก็ต้องลงเอยด้วยการพูดซ้ำไปซ้ำมาจนผู้ฟังเบื่อ แต่ท่านไม่มีทางเลือก เมื่อสิ้นชั่วโมงที่สาม คนส่วนใหญ่ได้หนีกลับไปแล้ว พระฝรั่งองค์นั้นท่านเชื่อฟังอาจารย์ ท่านเล่าว่าหลังจากประสบการณ์ครั้งนั้น(ซึ่งการเทศน์จบลงเมื่อเวลาสี่ชั่วโมงผ่านไป) ที่ท่านได้เจอและเรียนรู้ปฏิกิริยาของผู้ฟังทุกรูปแบบอย่างลึกซึ้ง ท่านไม่เคยกลัวที่จะเทศน์ให้ชุมชนฟังอีกต่อไป
นั่นแหละเป็นวิธีการฝึกอบรมที่พวกพระเราได้รับจากหลวงพ่อชาอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ”
หลวงพ่อชาเคยแสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า
"เรื่องธรรมะนี่จริงๆแล้ว ไม่ใช่เรื่องบอกกัน ไม่ใช่เอาความรู้ของคนอื่นมา ถ้าเอาความรู้ของคนอื่นมาก็เรียกว่าจะต้องเอามาภาวนาให้มันเกิดชัดกับเจ้าของ อีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ว่าคนอื่นพูดให้ฟังเข้าใจแล้วมันจะหมดกิเลส ไม่ใช่อย่างนั้ ได้ความเข้าใจแล้วก็ต้องเอามาขบเคี้ยวมันอีกให้มันแน่นอนเป็นปัจจัตตังจริงๆ"
(ปัจจัตตัง - รู้เห็นได้ด้วยตนเอง,รู้อยู่เฉพาะตน)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ก็ฮอร์โมนคนหนุ่มมันพลุ่งพล่าน!! เมื่อพระฝรั่ง "คิดถึงแฟน" หลวงพ่อชาก็เลยแนะนำให้เขียนจดหมายไปขอ "ของที่ระทึก" จากเธอ ... จะได้หายคิดถึง!!
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : พระอาจารย์โรเบิร์ต สุเมโธ เล่า ความประทับใจใน "หลวงพ่อชา" ครั้งพบความลำบากในการออกบิณฑบาตรที่ กรุงลอนดอน!
ที่มา : https://www.facebook.com/watpah/posts/718709131628183:0
ข่าวโดย : กิตติ ทีนิวส์ / สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ/ ทีมข่าวปัญญาญาณ – ทีนิวส์