ไม่เคยติดคุก...ไม่เข้าใจ!! "ชูวิทย์" เตือนสติชาวเน็ต เม้นต์เหตุวิศวกรยิงโจ๋17 ชี้ทุกอย่างต้องพิสูจน์ที่ศาล ฟังแง่มุมกม.อย่าเอาแต่สะใจ??

 

 

จากกรณี นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ วิศวกรวัย 50 ปี ได้ใช้อาวุธปืนยิง นายนวพล ผึ่งผาย หรือ ปอน อายุ 17 ปี หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นจนเสียชีวิต หลังมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของนายนวพล จากสาเหตุการจอดรถขวางทางกันขณะซื้ออาหารทะเล ที่บริเวณสะพานปลาอ่างศิลา จ.ชลบุรี ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น โดยต่อมาทั้งสองฝ่ายได้ให้การแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ตรงกัน จึงทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้ถึงพฤติกรรมของเยาวชนกลุ่มดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
(คลิกอ่าน :  เพื่อนเด็กม.4 ลั่น  แค้นนี้ต้องชำระเอาชีวิต "ลุงวิศวกร" เลือดล้างเลือด ชาวเน็ตจวกยับตำรวจทำอะไรอยู่)

 

 

ล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์ความคิดเห็นของตนเองผ่านเฟซบุ๊ก "ชูวิทย์ I'm Back" ถึงกรณีนายสุเทพและกลุ่มเยาวชนเกิดทะเลาะวิวาทจนเป็นเหตุทำให้นายนวพล หรือปอน อายุ 17 ปี เสียชีวิตเนื่องจากถูกวิถีกระสุนปืนยิงที่ใต้ราวนม จากนั้นมารดาของนายนวพลได้ออกมาตอบโต้อย่างดุเดือดเผ็ดมันส์ โดยนายชูวิทย์กล่าวว่า ตนอยากให้มองเหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ ตนเคยผ่านการจำคุกมาแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีเพียงดาบเป็นอาวุธ แต่ถ้าคุณใช้ปืนยิงเมื่อไปที่ศาลคุณอาจจะถูกตัดสินว่าทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งตนเคยพบเห็นคนทะเลาะกันแล้วฝ่ายตรงข้ามได้ถือดาบเข้ามา อีกฝ่ายจึงได้ใช้ปืนยิงสวนทำให้ได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายแล้วศาลก็ตัดสินว่าเขาผู้นั้นกระทำการอุกอาจเกินกว่าเหตุ

 

 

 

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ตนต้องการอธิบายให้สังคมเข้าใจว่า การตัดสินทางกฎหมาย ไม่เหมือนกับการตัดสินทางสังคม คุณต้องไปพิสูจน์ที่ศาลถึงการยิงปืนเป็นเหตุทำให้อีกฝ่ายเสียชีวิตนั้นเกินกว่าเหตุหรือไม่ พร้อมถามกลุ่มชาวโซเชียลที่เสพข่าวนี้กลับว่า "คุณอยากจะฟังเหตุผลจากความเป็นจริง หรือคุณต้องการแค่ความสะใจ? สังคมย่อมเห็นใจวิศวกรที่ถูกรุมทำร้าย แต่ที่น่าเห็นใจยิ่งกว่าคือหากต่อสู้แล้วแพ้คดี ใครจะอยู่คอยปกป้อง แม่ และ ลูก เมีย เขา?"

ใจความสำคัญที่นายชูวิทย์ได้แสดงความคิดเห็นนั้น ระบุข้อความทั้งหมดดังนี้...

"หากคุณไม่เคยติดคุก คุณคงไม่เข้าใจ
 

ผู้คนสะใจ ที่วัยรุ่นเข้าไปรุมทำร้ายวิศวกร แล้วถูกยิงตาย เพราะวิศวกรต้องปกป้องตัวเองและครอบครัว
ผมต้องการให้เรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์ หากพูดด้วยความสะใจก็อาจบอกได้ว่า "เป็นผมจะยิงให้หมดแม็ก" แต่ผมเคยผ่านคุกผ่านตะราง
มา ถึงแม้ว่าอีกฝั่งหนึ่งจะมีดาบเป็นอาวุธ (ซึ่งจริงๆแล้วยังไม่มีอาวุธ) แต่หากคุณใช้ปืนยิง เมื่อไปที่ศาลคุณอาจถูกตัดสินว่า "ทำเกินกว่าเหตุ"

 

 

 

 

ผมเคยพบเห็นคนทะเลาะกัน แล้วฝั่งตรงข้ามบุกเข้ามาในบ้านโดยถือดาบ เจ้าของบ้านใช้ปืนยิงสวนบาดเจ็บอยู่ที่ลานจอดรถภายในบ้าน ท้ายสุดถูกตัดสินว่าทำเกินกว่าเหตุ ถามว่าเห็นใจวิศวกรหรือไม่? ที่จำเป็นต้องปกป้อง แม่ และ ลูกเมีย แน่นอนว่าน่าเห็นใจ ทุกคนย่อมปกป้องครอบครัวของตัวเอง แต่เมื่อไปพิสูจน์ที่ศาล ก็จะมีคำถามว่า เมียและแม่ได้รับบาดเจ็บหรือยัง? ถูกทำร้ายหรือเปล่า?
ในคอมเม้นต์อาจถามว่า "จะต้องรอให้พวกเขาบาดเจ็บก่อนใช่ไหม?"
 

ขอโทษนะครับ นี่มันเป็นกฎหมาย เราไม่ได้อยู่ในสมัยคาวบอยที่ใช้ปืนตัดสิน เมื่อมีคนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ เมื่อเขายิงคนตาย ก็ต้องถูกดำเนินคดี ยิ่งถ้าคุณยิงโดยเจตนาเอาปืนจ่อเพื่อเล็งเห็นผล ก็จะกลายเป็นเจตนาฆ่าโดยทันที วิศวกรจะต้องต่อสู้ว่า ไม่เจตนาจะยิงเพื่อจะเอาถึงชีวิต ตั้งใจยิงขู่ พอดีกระสุนปืนมันดันไปถูกเข้า

 

 

 

 

ผมอธิบายให้สังคมฟังก็เพื่อให้เข้าใจว่า "การตัดสินทางกฎหมาย ไม่เหมือนกับการตัดสินทางสังคม" คุณต้องไปพิสูจน์กันที่ศาล ว่า
การที่ฝั่งตรงข้ามเสียชีวิตเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่? นี่ยังดีที่วิศวกรยิงไปแค่นัดเดียว หากยิงหมดแม็กแบบที่คนคอยเชียร์กันเพื่อความสะใจ นั่นหมายความว่าเขาจะไม่รอดพ้นจากการติดคุก และโทษอย่างต่ำต้องมี 15 ปี จำนวนปีจะเพิ่มขึ้นไปตามกระสุนที่คุณยิง
 

คุณอยากจะฟังเหตุผลจากความเป็นจริง หรือคุณต้องการแค่ความสะใจ?
สังคมย่อมเห็นใจวิศวกรที่ถูกรุมทำร้าย แต่ที่น่าเห็นใจยิ่งกว่าคือ หากต่อสู้แล้วแพ้คดี ใครจะอยู่คอยปกป้อง แม่ และ ลูก เมีย เขา?"

 

 

 

ทั้งนี้ หลังจากนายชูวิทย์ ได้โพสต์ความคิดเห็นดังกล่าว มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปและกล่าวเห็นใจชายวิศวกรดังกล่าว พร้อมทั้งเห็นด้วยกับความคิดเห็นของนายชูวิทย์ และได้ตั้งข้อสงสัยว่ากฏหมายไทย ณ ตอนนี้ถือว่าอ่อนแอลงแล้วหรือไม่.

 

 

 

 

 

 

(คลิกอ่าน : ซึ้ง น้ำตาไหล ...เปิดตัว ภรรยาลุงวิศวะ เจ้าของเสียง "พี่เอาปืนมาให้อ้อย")

 

เรียบเรียงโดย กำพลาภร สำนักข่าวทีนิวส์

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm Back