ว่ากันไปตามกฎหมาย !!! "บิ๊กตู่" ยืนยันไม่ปกป้องน้องชาย "พล.อ.ปรีชา" หลังถูกแฉขาดประชุมสนช.จนอาจหมดสมาชิกภาพ !!!

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงกรณีที่โครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน(ไอลอว์) เปิดเผยผลสำรวจเกี่ยวกับการเข้าประชุมของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พบว่ามีสมาชิกสนช.อย่างน้อย 7 คนที่ขาดประชุมเป็นประจำ จนอาจเป็นเหตุให้ขาดสมาชิกภาพได้  ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชื่อของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายของนายกรัฐมนตรีด้วย และยังมีข้อสังเกตที่บางคนรับเงินเดือน 2 ทางด้วยว่า ประเด็นอยู่ที่มีชื่อน้องชายตนด้วยซึ่งก็ไม่เป็นไร กติกาเขาว่าอย่างไร ก็เป็นไปตามนั้น ก็ไปตรวจสอบกันมา ถ้าไม่ครบจริงเขาก็ต้องตัดชื่อออกและก็ต้องพ้นหน้าที่ไปก็เท่านั้นเอง

"ที่ผ่านมาไม่ใช่พล.อ.ปรีชา ไม่มาประชุมสนช.เลย ก็ไปตรวจสอบกันมา ซึ่งจะครบหรือไม่ก็เป็นเรื่องของการตรวจสอบอย่าเอามาพันกัน ส่วนที่ติงว่ามีการรับเงิน 2 ทางนั้น ที่จริงเขาก็มีเงินเดือนของเขาอยู่แล้ว  เพราะเขาเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุราชการแล้ว ดังนั้นเขาก็มีบำเหน็จบำนาญของเขาอยู่ ถ้าไม่ได้เป็นสนช. ก็ไม่ได้รับเงินเดือนสนช.ตามกฎหมาย ก็จะเหลือเงินที่เกษียณอายุราชการอย่างเดียว ซึ่งทุกคนก็ต้องอยู่ในกติกานี้ทั้งหมด" นายกฯ กล่าว

ในขณะเดียวกัน นายกฯ ยังได้กล่าวถึงกรณีกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.จังหวัดกระบี่ เตรียมเคลื่อนไหวเข้ากรุงเทพมหานคร ในวันที่ 17 ก.พ.นี้  หลังรัฐบาลพยายามเดินหน้าผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหิน ว่า “ผมขอร้องว่าอย่าเข้ามากรุงเทพฯ เดี๋ยวก็ผิดกฎหมายและถูกดำเนินคดีอีก เพราะเป็นที่ทราบว่าเราห้ามการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ ฉะนั้นมีอะไรให้พูดคุยกันให้รู้เรื่องในพื้นที่ ที่ผ่านมาในพื้นที่มีความต้องการ จึงสั่งการให้กระทรวงพลังงานประชุมในวันที่ 17 ก.พ. นี้ เพื่อตัดสินใจว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ ถ้าหากไม่ทำแล้วจะทำอย่างไรต่อไป ไทยจะมีความมั่นคงทางพลังงานหรือไม่ และหากทำ จะทำในลักษณะใด ยืนยันว่า 17 ก.พ. นี้จะได้คำตอบ จึงขอร้องว่าอย่ามาเดินขบวนกันช่วงเวลานี้ เดี๋ยวจะมีปัญหาทางกฎหมาย ผมขอเตือนไว้ก่อน เพราะการเดินขบวน คุณขออนุญาตกันหรือยัง เพราะมีคำสั่ง คสช. และกฎหมายอยู่แล้ว นี่คือปัญหาประเทศไทย ทั้งที่มีกฎมายก็ยังจะทำ แล้วมาอ้างประชาธิปไตย ที่ผ่านมาคนอื่นเขาเดือดร้อนหรือไม่ ถ้ามันสร้างไม่ได้ แล้วพลังงานภาคใต้ไฟฟ้าไม่พอใช้จะทำอย่างไร ”

                นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การทำโรงไฟฟ้าถ่านหินแต่เดิม เพราะทำตามแผน ทีพีพีเดิม ที่ตั้งไว้อยู่แล้ว รัฐบาลนี้แค่มาปรับแผนให้ดีขึ้นในเรื่องของการใช้พลังงานทดแทน จากสัดส่วน 70 ต่อ 30 เป็น 60 ต่อ 40  แต่ 60 เดิมที่ใช้พลังงานจากฟอสซิล เราต้องคิดว่ามันควรจะมีในระดับไหน ไม่ใช่ลดลงทันทีแล้วไปสร้างพลังงานทดแทน ต้องคำนึงว่าทดแทนกันได้มากน้อยแค่ไหน เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาต่อไป

นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้กล่าวถึงความคาดหวังในการฝึกร่วมทางการทหารค็อบบร้าโกล ว่า เราคาดหวังในเรื่องความร่วมมือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีประเทศร่วมฝึกกว่า 30 ประเทศ การฝึกมีทั้งด้านการทหาร การวางแผนร่วมกัน เรื่องภัยพิบัติ สิ่งสำคัญคือเรื่องการกำกับควบคุม การบังคับบัญชา ขณะนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับสหรัฐก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คงอยู่ที่มุมมองของใครจะเป็นอย่างไร ถ้าไปมองในมุมความขัดแย้ง มองเรื่องความขัดแย้งส่วนบุคคลก็ว่ากันไป ทางเศรษฐกิจก็อีกเรื่องหนึ่ง ทางการเมืองก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งทุกคนก็ทราบดีว่าผมมาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่ถามว่าผมอยู่เพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตนเองแน่นอน แต่ประโยชน์ที่ได้ก็เป็นในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่ได้จากการบริหารประเทศ และก็ต้องมองไปยังอนาคตว่ารัฐบาลต่อไปจะจะทำประโยชน์อะไรให้ประชาชน
                “ความสัมพันธ์เหมือนเดิม ในส่วนการเมืองก็เป็นเรื่องของเรา ที่เราต้องเดินหน้าตามกระบวนการประชาธิปไตยของเรา วันนี้ก็กำลังเดินไปสู่เรื่องความปรองดอง การปฏิรูปตามยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นการมองอนาคต ทั้งสหรัฐฯ และประเทศอื่น ผมก็ได้ให้ข้อมูลไปหมด ว่าเรามีแผนการปฏิรูปประเทศ มีแผนยุทธศาสตร์ชาติอย่างไร เขาก็รับได้ คือขอให้มีการเลือกตั้งที่สุจริตเป็นธรรม ปลอดภัย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

 

เรียบเรียงโดย บุญชัย ธนะไพรินทร์ สำนักข่าวทีนิวส์