“ใช้สมองคิดรึปล่าว เข้าไปคนเดียวก็ถูกรุมตายสิ” ประวิตรตบปากพวกพูดมากหาใช้จนท.เยอะจับพระแค่รูปเดียว แฉในวัดมีศิษย์พระธัมมชโยตั้ง6,000-7,000คน

       จากการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย แต่ไม่พบพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย  อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั้น ในวันนี้(17 กพ.) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวด้วยว่า พระธัมมชโย จะอยู่ในวัดหรือไม่ก็ต้องตามจับ เพราะเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ แต่จะหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ ตนไม่ทราบ พร้อมยอมรับว่าประเทศไทยมีทางหนีออกประเทศอยู่หลายทาง อาจจะเป็นไปได้ที่พระธัมมชโย จะหลบหนีด้วยทางธรรมชาติ  ไม่สามารถไปตรวจสอบให้ครอบคลุมได้ ส่วนสาเหตุที่นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปจำนวนมาก เนื่องจากว่ามีลูกศิษย์อยู่ภายในวัดจำนวนมาก  หากพระธัมมชโยมั่นใจว่าตัวเองไม่ผิด ขอให้ออกมาต่อสู้คดีตามกระบวนการของกฎหมาย

       “ เจอไม่เจอไม่ใช่ประเด็นใหญ่ ถ้าเจอก็จับ เหมือนผู้ต้องหาปกติทั่วไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ประเด็นใหญ่คือถ้าเราไม่เข้าไปจัดการตามกฏหมาย เข้าไปในพื้นที่ไม่ได้ ก็โดนพวกคุณก็คิดอีกว่าบ้านเมืองทำอะไรไม่ได้ ฉะนั้นสาระสำคัญคือการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนพวกที่พูดใช้สมองคิดบ้างรึปล่าว ว่าใช้คนเยอะแค่จับพระรูปเดียว รู้บ้างไหมในวัดเขามีลูกศิษย์ตั้ง6000-7000คน เราเข้าไปคนสองคนก็ถูกเขารุมตายสิ ”

       สำหรับกรณีมีกระแสข่าวว่ามีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) 7 คน ขาดการประชุมอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังได้รับเงินเดือน120,000บาททุกเดือน โดย1ใน7คนนั้น มี พลเอกปรีชา จันทร์โอชา  น้องชายนายกรัฐมนตรีด้วย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สอบถามไปที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.แล้ว ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่ผิด เพราะมีการยื่นใบลาตามปกติ แต่ที่บอกว่าขาดการประชุมเป็นจำนวนมากนั้น อาจเป็นเพราะในวันที่ลา เป็นวันที่มีการลงมติกฎหมายหลายฉบับ จึงดูเหมือนขาดการประชุมและการลงมติเป็นจำนวนมาก จึงได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นตรวจสอบจริยธรรมให้ถูกต้องชัดเจนแล้ว เชื่อว่าทุกคนไม่มีเจตนาที่จะหลบเลี่ยง แต่เพราะบุคคลเหล่านี้มีภารกิจที่จะต้องไปปฏิบัติราชการของสภาหรือส่วนราชการที่รับผิดชอบอยู่หลายครั้ง หรือติดงานจริงๆ ยืนยัน ไม่ได้เข้าข้างใคร ทุกคนต่างมีภารกิจหน้าที่ของตนเอง

       “ ให้ตั้งกรรมการสอบตามระเบียบ ซึ่งนายพรเพชรก็ให้ความเห็นว่า สมาชิก สนช. ทั้ง 7 คนทำหน้าที่ของตนได้อย่างดี เพียงแต่ไม่สามารถมาลงมติได้ เนื่องจากหลายคนรับราชการทหารและมีภารกิจมากไม่มีเจตนาขาดการประชุม เช่น พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ หรือ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม  ทั้งนี้ในเวลานี้เป็นช่วงที่ทหารจำเป็นต้องเข้ามายุติความขัดแย้ง ทุกคนจึงจำเป็นต้องทำงานหนักกว่าปกติ แต่ยืนยันว่าการสวมหมวกหลายใบ ไม่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าไม่ครบถ้วน เช่น ตนก็มีหลายหน้าที่ เกือบ 20 ตำแหน่ง บางตำแหน่งก็ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ แต่ก็สามารถทำออกมาได้อย่างดี ”

 

 

 

 

เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์