ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

เปิดใจให้อยู่เหนืออคติ!! "อ.อ้อย" เจ้าสำนักเตโชฯ ขอแจงบ้าง..ไม่อยากให้ติดกรรมปรามาสครูอาจารย์ หากยังจาบจ้วงต้องรับกรรมสาหัส #ฆราวาสบรรลุธรรม

            จากกรณีของอาจารย์อ้อย อัจฉราวดี วงศ์สกล เจ้าสำนักเตโชวิปัสสนา กับประเด็นที่เธอออกมาบอกว่า ไม่ได้ออกบวชก็สามารถบรรลุธรรมได้ และได้อ้างตัวว่า เป็น "ฆราวาสบรรลุธรรม" ที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ จากการเปิดประเด็นของเว็บไซต์ alittlebuddha ที่ออกมาเปิดประเด็นถึงเรื่องนี้เป็นรายแรก 

 

เปิดใจให้อยู่เหนืออคติ!! "อ.อ้อย" เจ้าสำนักเตโชฯ ขอแจงบ้าง..ไม่อยากให้ติดกรรมปรามาสครูอาจารย์ หากยังจาบจ้วงต้องรับกรรมสาหัส #ฆราวาสบรรลุธรรม

            หลังจากที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก ทางด้านผู้ชำนาญในศาสตร์ด้านพัฒนาและยกระดับจิตใจ อาจารย์สุวินัย ภรณวลัย ได้ออกมาแสดงคิดเห็นถึงกรณีแนวทางคำสอนของอัจฉราวดีเรื่องเตโชวิปัสสนาผ่านเฟสบุ๊ค

 

อ่านข่าวเพิ่มเติม อริยะพันธุ์พิเศษ?! เว็บดังเปิดประเด็น อ.อ้อย เจ้าสำนัก "เตโชวิปัสสนา" อ้างเป็น "ฆราวาสบรรลุธรรม" โดยไม่ต้องบวช สื่อจิตกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้

เปิดใจให้อยู่เหนืออคติ!! "อ.อ้อย" เจ้าสำนักเตโชฯ ขอแจงบ้าง..ไม่อยากให้ติดกรรมปรามาสครูอาจารย์ หากยังจาบจ้วงต้องรับกรรมสาหัส #ฆราวาสบรรลุธรรม

           ล่าสุดเมื่อวานนี้ (23 มกราคม 2561) อาจารย์อ้อย อัจฉราวดี ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ผ่าน เพจ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ กับอ.อัจฉราวดี วงศ์สกล โดยระบุข้อความว่า

"เปิดใจให้อยู่เหนืออคติ"

อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
 

เมื่อรณรงค์ “หยุดอลัชชี” ก็มีแรงกระเพื่อมมาจากผู้ที่ไม่พิจารณาและมีอคติต่อความเป็นฆราวาสของอาจารย์ แล้วก็หยิบเอาสิ่งที่เขียน รวมถึงคำสอนไปบิดเบือนประเด็น บางคนวิพากษ์ราวกับรู้จักหรือทำงานด้วยกันมา ทั้งๆ ที่เห็นเพียงรูปภาพและอ่านบทความแค่ไม่กี่ประโยค

เพื่อประโยชน์ของบุคคลนั้นเอง เพื่อไม่ให้ติดกรรมปรามาส อาจารย์ ขอแยกเป็นประเด็นอธิบายในสิ่งที่เหมือนต้องการคำตอบ เพื่อเปิดปัญญาดังนี้

1. ประเด็นบิดเบือนคำสอน ไม่มีชื่อคำว่า "เตโชวิปัสสนา" ไม่ใช่วิปัสสนาตามหลักคำสอน

ตอบ เตโชวิปัสสนา คือชื่อเทคนิควิธีปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามหลักแม่บทสติปัฏฐานสี่ ที่ตั้งสติดูกาย เวทนา จิต ธรรม โดยมีสัมปชัญญะ คือการรู้ชัดกำกับ ซึ่งสมาธิไม่มีสัมปชัญญะ โดยตีตรงมาที่ อาตาปี สัมปชาโณ สติมา มีความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน เราไม่ได้เพ่งดูภายนอก เพ่งดูกายด้วยขันติ วิริยะ ทำให้เกิดธาตุไฟจากในกายมาเผากิเลส เป็นหลักเทคนิควิธีที่ทรงอานุภาพมาก ภาวนาแล้วจิตจึงเปลี่ยนได้ใน 7 วัน จิตมีความบริสุทธิ์จากกิเลส เกิดปัญญาจักษุ เกิดสำนึกผิดชอบชั่วดี และมีความกตัญญูอย่างยิ่ง เพราะจิตที่หยาบกระด้างที่เป็นผลมาจากกิเลสถูกเผาตรงตัว จิตจึงเปลี่ยนและอยากทำแต่ความดี คำว่าเทคนิค ก็เหมือนคำว่า พุทโธ ยุบหนอพองหนอ คำเหล่านี้ไม่มีในพระไตรปิฎก แต่เป็นเทคนิควิธีให้เข้าถึงการปฏิบัติสมาธิ

2. ที่คุณสุวินัย ภรณวลัย วิพากษ์อาจารย์ว่า ไม่ดูจิตตัวเอง 

ตอบข้อ 1. ก็ชัดเจนแล้ว ว่าดูจริง ดูแบบเอาจริงเอาจัง ดูด้วยการภาวนามา 20,000 ชั่วโมง เมื่อเผากิเลส จิตบริสุทธิ์มากขึ้น สิ่งที่เกิดเด่นขึ้นมาชัดมากคือมีความกตัญญูอย่างท่วมท้น เปลี่ยนหมด จิตใจก็หาญกล้าขึ้น กล้าออกมาแก้ไขความมืดบอดในที่โลก คือการที่คนย่ำยีสัญลักษณ์พระบรมศาสดา ขนาดเอาภาพไปพิมพ์บนฝาส้วม เป็นพื้นรองเท้า แล้วทำไปทั่วโลก แต่ไม่มีองค์กรไหนออกมาแก้ไข ภาครัฐก็ไม่ทำ อาจารย์จึงก่อตั้งมูลนิธิ โนอิ้ง บุดด้า เพื่อแก้จิตสำนึกของคน โดยใช้หลัก ให้ความรู้ ยับยั้ง และปกป้อง นี่คือผลจากการเพ่งดูจิต ทำให้กระจ่างในธรรมไม่แปลคำว่า “ปล่อยวางไปเป็นปล่อยปละละเลย” และไม่ทอดธุระเช่นคนอื่น ๆ เราทำงานจริงจังจนส่งผลมากมาย โดยเฉพาะกับคนต่างชาติที่มาเมืองไทย เวลาเขาเหยียบย่ำลบหลู่สัญลักษณ์เช่นพระพุทธรูป รูปปั้น เขาไม่ได้เหยียบอิฐหินปูนทราย จิตเขาคิดถึงใคร ก็คือการเหยียบย่ำบุคคลนั้น เหมือนที่คนเผาธงชาติ เขาไม่ได้เผาเพียงผ้า แต่เขาหมายอยากเผาทำลายชาตินั้น นี่คือสะพานเชื่อมถึงกัน เราจึงหยุดยั้งการกระทำเหล่านี้ ต้องปกป้องพระเกียรติพระบรมศาสดา

3. กล่าวว่า “บอกคนไม่ต้องไปวัด ได้สร้างกระแส ลดคุณค่าพระและวัด”

ในโพสต์นั้นเขียนชัดว่า “พระสงฆ์ค่อนประเทศ” ไม่ได้เหมาทั้งประเทศ และเขียนด้วยว่า “เราอัญชลีเฉพาะสงฆ์แท้” หากผู้ที่ไม่พอใจเป็นพระ ท่านก็ต้องเพ่งตนก่อนว่า ท่านอยู่ค่อนไหน ค่อนดี หรือค่อนร้าย หากค่อนดี ท่านก็น่าจะมีกำลังใจว่า มีคนเห็นคุณค่าและญาติโยมหวังพึ่งพระแท้ หากค่อนร้ายท่านก็พึงจะพิจารณาว่า ท่านได้ทำความเสื่อมเสียหรือประพฤติผิดพระธรรมวินัยไปอย่างไร โดยเฉพาะกรณีการมอมเมา อันนี้ตีตรงที่สุด อ้อมไม่ได้แล้ว เพราะเราเสื่อมกันมาไกลเหลือเกิน พระค่อนประเทศ ให้พรเอาใจญาติโยม ปั่นให้กิเลสเขากำเริบ วัดมีสภาพไม่ต่างกับตลาดสด ร้องขายบุญกันทุกรูปแบบ เวลาให้พรก็ยกโลกียะสาระขนมาหมด ทั้งร่ำรวย เงินทองไหลมาเทมา ได้รถ ได้บ้าน ได้ยศ ได้วิมาน มีแต่ความโลภเข้าสิงจิต โพสต์นั้นมีคนแชร์ถึง 5,000 กว่าแชร์ เข้าถึงคนหลายแสนมาก เพราะฆราวาสเขาบอกว่า โดนใจมาก ท่านพึงฟังเสียงสะท้อน ไม่ใช่ต้าน พึงรู้ว่า ฆราวาสผู้มีปัญญาผู้ปรารถนาธรรมแท้นั้นมี เขารู้ว่ามันไม่ใช่ ทำไมพระให้พรแบบนี้ และไม่ใช่การให้กำลังใจด้วย แต่เป็นปั่นกิเลสให้มัวเมาโลกียวิสัย เพื่อแสวงหาลาภสรรญเสริญ แทนที่เข้ามาแล้วจะรู้สึกละ มีแต่รอว่าเมื่อไหร่จะได้ สมเด็จพระสังฆราช ทรงให้พรปีใหม่ไว้ว่า
“คนผู้มีสติ มีความเจริญทุกเมื่อ”  นี่คือพรอันบริสุทธิ์บริบูรณ์ขององค์พระประมุขแห่งสงฆ์ ที่บรรพชิตพึงถือเป็นแบบอย่าง

          สมัยหลวงตามหาบัวท่านมีสังขารอยู่ อาจารย์ก็ไปกราบท่าน เอาอาหารเช้าไปถวาย ไปชมบารมีท่าน ในนิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ ก็มีเรื่องราวของพระผู้มีปฏิปทาน่าเคารพนบไหว้ ทั้งที่มีสังขารอยู่และละสังขารไปแล้ว เราเคารพอัญชลีและส่งเสริมพระแท้ อาจารย์ไม่ได้บอกว่าไม่ให้เข้าวัด แต่บอกว่า ไม่ให้เข้าวัดพวกอลัชชี
อลัชชี แปลว่า ไม่อาย, ไม่ละอาย, นอกจารีต.. ประพฤติละเมิดพุทธบัญญัติ. หากท่านไม่ใช่อลัชชีก็ไม่ต้องเดือดร้อน เราต้องหยุดยั้งอลัชชี ไม่ให้ทำให้ศาสนาหมองไปกว่านี้ ถ้าท่านบริสุทธิ์สมควรแก่การอัญชลี ญาติโยมเขาก็เคารพท่านเอง หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุสอนไว้ว่า 
“บางทีเราเกรงใจพระ เห็นพระทำอะไรไม่เหมาะ กลัวจะเป็นบาป การไปบอกนั้นแหละ ไม่เป็นบาป แต่จะเป็นบุญกุศลเพราะว่า เราเตือนให้สติพระ”

           และเมื่อวัดไม่สอนภาวนา มีแต่ปั่นโหมให้โลภในบุญ ฆราวาสก็ที่เขาปรารถนาหลุดพ้นก็ต้องพึ่งที่อื่น เดี๋ยวนี้ฆราวาสเอาจริงจังในนิพพานมากกว่าพระ 
ผู้ที่จะลดคุณค่าของพระกับวัดได้ คือพระสงฆ์ ไม่ใช่อาจารย์ เราเป็นผู้สะท้อนความจริง และเราสร้างกระแสจริง กระแสหยุดอลัชชี 
 

4. อาจารย์มีจริยวัตรที่ไม่งามเอาไปเปรียบกับคุณแม่จันดี โลหิตดี น้องสาวของหลวงตามหาบัว 

อาจารย์ถือศีลห้าบริสุทธิ์ ไม่ด่างพร้อย ไม่ไปที่อโคจร แต่งกายเรียบร้อยสำรวม มีความเคารพนบนอบผู้ทรงศีลทรงธรรม ทำงานปกป้องพระพุทธศาสนาขจรไปไกลทั้งในและต่างประเทศ ปลุกจิตสำนึกให้คนรักษาศีล สอนธรรมแท้ เปิดจักษุปัญญาให้แก่ผู้ศรัทธาจำนวนมากไม่ให้คนลุ่มหลงในสิ่งที่ไม่ใช่คำสอนของพระองค์ สอนให้ลดละความยึดมั่นถือมั่น ให้รู้จักหน้าที่และฐานะของตน ให้มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณและแผ่นดิน ไม่ให้โกงภาษี สายธรรมนี้ปฏิบัติภาวนาเพื่อแผ่นดิน ทำผ้าป่าช่วยชาวนา บริจาคช่วยโรงพยาบาล ปล่อยชีวิตโคกระบือ สอนธรรมให้เยาวชนนับหมื่นคน ไม่เคยปั่นกิเลสมนุษย์ ไม่ให้หลงเมาบุญ อาจารย์ไม่ได้นุ่งผ้าถุงเพราะเป็นคนเมืองและไม่ถนัด แต่ใส่กระโปรง อีกทั้งมีหน้าที่หลายอย่าง เพราะยังต้องทำหน้าที่ผู้ครองเรือนให้สมดุล หากแค่เห็นแต่รูปที่นั่งเก้าอี้ กับบทความไม่กี่ประโยค กล่าวหาแล้วนี่ถือว่าจิตอคติ โดยไม่มีเหตุผลรองรับ อันไม่ใช่วิสัยของบัณฑิต หากเห็นว่า อาจารย์ไม่มีศีลจริยวัตรอันควรอย่างไร ก็ชี้แนะมาได้ จะได้แก้ไขปรับปรุงตนเอง อาจารย์ไม่ได้คิดว่าตนจะดีหรือเหมือนคุณแม่จันดี ไปเทียบกันไม่ได้ คนละคนกัน วาสนานิสัยก็สะสมมาต่างกัน

 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

จิตที่ว่างเปล่าเป็นแบบนี้นี่เอง!! "คุณแม่จันดี โลหิตดี" น้องสาวหลวงตามหาบัว เล่าเรื่องอัศจรรย์ใน "คืนบรรลุธรรม" กราบสาธุ !!

แตกต่างกันเหลือเกิน!! นักเขียนดังชี้จริยวัตรงดงามไม่ฉาบมายาของ "คุณแม่จันดี" เทียบ "อ.อ้อย อัจฉราวดี" รู้เลยใครกันแน่ ฆราวาสบรรลุธรรมตัวจริง

 

5. ข้อที่ว่า บอกว่าไม่ให้เชื่อพระไตรปิฎก 

ไม่เคยพูด มีแต่บอกว่า อย่าติดตำรา ตราบใดที่ยังไม่ลงมือปฏิบัติ ตำราเป็นเพียงการชี้แนวทาง พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งเห็นจริงด้วยการปฏิบัติสติปัฏฐานสี่ เพ่งลงมาที่จิต ไม่ได้ทรงท่องตำราเอาเป็นเอาตาย พระไตรปิฎกเป็นเพียงแนวทาง เมื่อปฏิบัติลงมาที่จิตแล้วจะรู้แจ้ง และเมื่อเอาความรู้นั้นมาสอบทานกับพระไตรปิฎก จะเห็นว่าไม่ผิดกันเลยหากการบันทึกนั้นไม่บิดเบือน 

6. ข้อที่ว่า อวดอุตริ และกล่าวว่า สื่อจิตกับพระอาจารย์สมเด็จพุฒาจารย์โตได้

อวดนั้นไม่ได้อวด เพราะเป็นเรื่องจริง และหากไม่พูดความจริงก็จะกลายเป็นศิษย์อกตัญญู ที่ทำราวกับว่า ตนค้นเทคนิคการเพ่งดูจิตเพื่อจุดธาตุไฟในกายมาประหารกิเลส ขึ้นมาได้เอง ทั้ง ๆ ที่ได้ยินเสียงทิพย์จากพระอาจารย์สมเด็จโตมาสอนตรงตัว เมื่อพิสูจน์แล้ว ธาตุไฟในกายมันลุกโชนจริง ๆ มันร้อนไปหมดมหัศจรรย์มาก 
จิตนั้นเป็นพลังงานละเอียด ที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้เพราะเครื่องมือละเอียดไม่พอ การจะเข้าถึงมิติโลกวิญญาณที่เป็นพลังงานละเอียด ก็ต้องปรับฐานจิตให้มีกระแสนิ่ง อยู่ในแนวระนาบเดียวกัน ให้มีคลื่นความถี่ตรงกัน ก็จะสื่อถึงกันได้ เวลาอธิบายเรื่อง Frequency หรือคลื่นความถี่ให้ศิษย์ที่เป็นฝรั่ง เขาเข้าใจทันที และยังบอกว่า ทำไมคนไทยถึงไม่เข้าใจเรื่องนี้ เข้าใจง่ายนิดเดียว พระพุทธเจ้าทรงจำแนกความจริงไว้ 3 ระดับ สมมติสัจจะ ระดับสภาวสัจจะ ระดับละเอียดคือปรมัตถสัจจะ การจะสื่อหรือรับพลังงานเช่นนี้ได้ ก็ต้องปรับเครื่องรับคือจิตให้นิ่ง ด้วยกำลังสมาธิ และกำกับด้วยสัมปชัญญะ คือความรู้ชัด ซึ่งคือการปฏิบัติวิปัสสนา เพื่อไม่ให้ถูกหลอก หากมุ่งแต่ภาวนาด้วยกำลังฌานอย่างเดียวถูกหลอกด้วยนิมิตง่าย คนที่มีคุณภาพจิตมีความละเอียดต่ำ เพราะสะสมด้วยกิเลสย่อมเข้าไม่ถึง สิ่งที่ตนเข้าไม่ถึง เห็นไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่า มันไม่มี เมื่อก่อนมีอินเทอร์เน็ทหรือไม่ แต่ตอนนี้ทำไมมีขึ้นมาได้ ก็เพราะเราพัฒนาเครื่องรับขึ้นมาไง 

7. เรื่องเชิญชวนสร้างหอประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ 

เป็นสิ่งที่ชอบแล้ว พระบรมศาสดาทรงประทาน พระบรมสารีริกธาตุนี้มาให้โดยตรง ถึงสามวาระ เพราะทรงรู้ว่า ในกาลข้างหน้าจะมีคนไม่เชื่อบารมีธรรม และจะมีแรงต้านจากการลุกขึ้นมาแก้ไขความมืดบอดอย่างองอาจ และพิสูจน์ให้เห็นว่าฆราวาสบรรลุธรรมได้ด้วยการรักษาเพียงศีลห้า แต่ต้องภาวนา มีแต่งานหนัก ๆ ทั้งนั้น ก็จะมีคนปรามาสเพราะเหตุแห่งการเป็นฆราวาสหญิง เมื่อทรงมีพระมหากรุณาธิคุณถึงเพียงนี้ ก็ยิ่งต้องทำให้สมพระเกียรติ และหอประดิษฐานจะเป็นที่สอนธรรมด้วย ไม่ใช่ให้มาสักการะขอพรกัน

8. เรื่องขายเสื้อยืด หาทุนให้มูลนิธิ ถูกต้องหรือไม่

มูลนิธิอยู่ได้ด้วยเงินบริจาค แต่เมื่อคนมุ่งแต่การบริจาคไปที่วัด มองไม่เห็นความสำคัญของการตีแก้ลงมาที่รากของปัญหาทุกอย่าง คือจิตสำนึก เขาติดกับการสร้างโบสถ์วิหาร ก็ต้องหาทุน แต่หากวัดใดอยากบริจาคเงินสนับสนุนงานมูลนิธิ ก็จะสาธุอย่างยิ่ง จะได้ไม่ต้องมานั่งขายเสื้อยืด 
 

9. เรื่องการพยากรณ์ภูมิธรรม 

ไม่เคยไปชี้วัดคนนั้นเป็นขั้นนั้นขั้นนี้ คนไหนเขาถึงแล้วเขาเห็นความเปลี่ยนแปลงของเขาเองตามหลักโพชฌงค์ 7 เมื่อจิตโลกุตระสัมผัสได้ ก็แสดงความยินดีในความสำเร็จของเขาตามลำดับขั้นที่รู้ด้วยโพธิจิต เขาภาวนากันเป็นร้อยเป็นพันชั่วโมง ไม่ใช่หลับตาแป๊บแล้วปิดอบายได้ บุคคลผู้จิตถูกครอบด้วยมารเสียแล้ว อะไรก็เห็นผิดเป็นชอบและบิดเบือนคำสอนได้ทั้งสิ้น อยากนิมนต์ และเชิญท่านมาปฏิบัติด้วยกัน จะได้รู้ว่า การปฏิบัติเตโชวิปัสสนานั้นจริงจังและ โหดเพียงใด 7 วันเท่านั้น รู้เรื่อง

เปิดใจให้อยู่เหนืออคติ!! "อ.อ้อย" เจ้าสำนักเตโชฯ ขอแจงบ้าง..ไม่อยากให้ติดกรรมปรามาสครูอาจารย์ หากยังจาบจ้วงต้องรับกรรมสาหัส #ฆราวาสบรรลุธรรม

           ภาพในโพสต์ที่ท่านเห็นนี้ เป็นพระอาทิตย์ทรงกลดสองชั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่อาจารย์บำเพ็ญกุศลต่ออายุขัย เพราะกรำงานไปมาก หากญาติโยมเห็นปรากฏการณ์ดังนี้ที่วัดที่ไปงานบุญ ก็จะกล่าวสรรเสริญบารมีของพระภิกษุผู้อาวุโสสุดแห่งวัดที่ไปกันยกใหญ่ อาทิตย์ทรงกลด จะปรากฏแก่ผู้มีบาปหนาหรือบุญหนา ท่านทราบดี 
พระอาทิตย์ทรงกลด เกิดจากคลื่นพลังงาน ณ ขณะนั้นบริสุทธิ์มาก เกิดด้วยบุญของผู้ทรงศีลทรงธรรมที่เป็นประมุข ณ แห่งนั้น แต่เมื่อผู้เป็นประมุขที่สุดในธรรมสถานนั้นคือฆราวาสหญิง ในฐานะวิปัสสนาจารย์แห่งสายธรรม คนผู้มีอคติ ย่อมยอมรับได้ยาก เพราะท่านติดสมมติกัน ท่านไม่เข้าใจว่า จิตเดิมนั้นไม่มีหญิงและชาย กายที่อาศัยอยู่เป็นเพียงสถานีให้จิตอยู่อาศัยเท่านั้น 

           รัศมีธรรมที่ถ่ายติดยามกลางวันก็เช่นกัน หากถ่ายภาพแก้วน้ำที่กลางแดด ก็มีโอกาสที่จะถ่ายติดแสงสีรุ้งที่ใกล้แก้วได้ แต่ทำไม ถึงถ่ายภาพอาจารย์แล้วมีวงรัศมีขึ้นมาอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่มีแต่กายเนื้อ เคยถ่ายภาพติดแบบนี้ที่ไหนหรือกับใครหรือไม่ ไม่ว่าใครจะพยายามตรองด้วยปัญญาสมองคิดเรื่องเทคนิควิธีมาวิพากษ์อย่างไร อาจารย์ก็จะขออธิบายว่า จิตที่ใสสะอาดบริสุทธิ์เช่นแก้ว เมื่อจิตตั้งอยู่ในกายและถูกถ่ายภาพด้วยกล้องที่มีเลนส์ที่มีคุณภาพสูง อีกทั้งผู้ถ่ายไม่มีอคติทำไปตามหน้าที่ เขาย่อมสะท้อนเห็นรัศมีของผู้ทรงศีลทรงธรรมได้ ดุจดังภาพถ่ายของแก้วน้ำ มันอาจจะเหลือเชื่อแต่มันเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีใครจัดฉาก จัดไม่ได้ด้วยเพราะเป็นแสงตอนกลางวัน อย่าเริ่มต้นด้วยอคติ พึงใช้กรณีนี้ วิเคราะห์เป็นกรณีศึกษาไปเลย อย่างน้อย หากไม่สามารถจำลองสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นได้กับมนุษย์คนไหน ก็ขอให้เผื่อใจไว้นิดว่า แม้ในยุคกึ่งพุทธกาลนี้ ปาฏิหาริย์มีจริงอยู่ ผู้ทรงธรรมแห่งยุคกึ่งนี้มีจริง โลกไม่มืดบอดจนเกินไป

 

อ่านข่าวเพิ่มเติม รัศมีธรรมหรือมหารัศมีอวิชชา!! ชาวเน็ตแห่วิจารณ์..ภาพออร่าบารมี "อาจารย์อ้อย เจ้าสำนักเตโชฯ" แสงแบบนี้จะเอาร้อยรูปก็ยังได้!! #ฆราวาสบรรลุธรรม
 

           หากจะมีอะไรที่ผิด ก็ผิดที่อาจารย์มาเกิดเป็นผู้หญิงผิดที่เป็นผู้ครองเรือน ผิดที่ไม่สามารถห่มผ้ากาสาวพัสตร์ จึงนำมาสู่การปรามาสจาบจ้วงมากมาย เพราะสู้รบกับความมืดบอด ก่อนจะจาบจ้วงปรามาสกัน ขอให้ท่านสำรวจตนว่า ตนนั้นได้เคย ปฏิบัติภาวนาอย่างจริงจังหรือไม่ และรักษาแม้เพียงศีลห้าข้อให้บริสุทธิ์ได้หรือยัง 
ทั้งหมดที่เขียนก็เพราะเมตตา หากยังยืนยันอยากจาบจ้วงล่วงเกิน ก็ต้องรับผลกรรมที่ล่วงเกินโดยเจตนา อันจะเป็นกรรมหนักหนาสาหัสไว้ทุกประการ
บัณฑิต ย่อมตัดสินคนที่ปัญญาและปฏิปทา

           ไม่ว่าผู้ที่ล่วงเกินอาจารย์อย่างไร ทั้งในกาลนี้และกาลหน้า คำตอบนี้ถือว่า ครอบคลุมแล้ว บุคคลหว่านเมล็ดพันธุ์ใดไว้ ย่อมได้รับผลที่ตนหว่าน อย่ามองว่าอาจารย์เป็นศัตรู ความมืดบอดต่างหากที่เป็นศัตรู

             สำหรับพระภิกษุสงฆ์ ถ้าท่านเปิดใจให้อยู่เหนืออคติ ท่านจะพบความจริงที่อยู่เหนือความคาดหวัง อยากนิมนต์ท่านที่มีอำนาจในการปกครองสงฆ์ มาร่วมปฏิรูปพฤติกรรมฝั่งสงฆ์ ไม่ให้มีความประพฤติที่ทำร้ายพระบรมศาสดาและพระศาสนา จะเป็นกุศลใหญ่อันยิ่งแก่ท่าน อาจารย์ก็มุ่งมั่นทำงานไป เมื่อพุทธบริษัททั้งสองฝั่งเข้มแข็งขึ้นมาได้ พระพุทธศาสนาย่อมยั่งยืนถึงห้าพันปี เราต่างเป็นพุทธบุตร ที่มีหน้าที่ในการสืบสานธรรมของพระบรมศาสดา จะมาตีกันไปไย ทำหน้าที่ของเราให้ถึงที่สุดสิ จึงจะชื่อว่า กตัญญู

 

อ่านข่าวเพิ่มเติม ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง!! ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ.. "ประธานสงฆ์คนงาม เจ้าสำนักเตโชฯ" #ฆราวาสบรรลุธรรม !!
 

สัตยาธิษฐาน

หากการทำงานถวายพระศาสนา และตอบแทนคุณชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ของอาจารย์เป็นไปเพื่อการสร้างลัทธิ เป็นไปเพื่อการสร้างฐานอำนาจเยี่ยงคนในโลกโลกียะ ขอให้เมื่ออาจารย์ตายกายแตกแล้ว จิตนี้จงไปจมอยู่ในนรกอเวจีตลอด 1 แสนกัป แต่หากทำไปด้วย จิตอันบริสุทธิ์อันไม่มีประมาณ ทำเพื่อหมายฟื้นฟูและปกป้องพระพุทธศาสนา และเกื้อกูลเวไนยสัตว์ที่มาเกิดในยุคนี้ ขอความมืดบอดที่ปกคลุมพุทธศาสนิกชน และผู้มีวาสนา จงถูกเผาผลาญไปเป็นจำนวนมาก ให้เกิดเป็นความสว่างไสวแห่งยุคกึ่ง ขอให้กิจอันใดที่อาจารย์ทำเพื่อพระศาสนา จงเป็นพละปัจจัยให้พระพุทธศาสนาเจริญและยั่งยืน เป็นที่พึ่งแก่เวไนยสัตว์จวบจนห้าพันพระวรรษา

 

นมัสการด้วยความเคารพ
สวัสดี

อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล
23 มกราคม 2018

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ กับอ.อัจฉราวดี วงศ์สกล