- 18 ก.ค. 2566
ชาวเน็ตคอมเมนต์ มิ้นท์ I Roam Alone เล่าประสบการณ์ "ความหวังในความสิ้นหวัง" เจอซัดเดือด เพราะรวยเลยไม่ได้มองว่าเป็นปัญหา
โซเชียลเห็นต่าง มิ้นท์ I Roam Alone เล่าประสบการณ์ "ความหวังในความสิ้นหวัง" : กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ขณะนี้ หลังจากที่ มิ้นท์ มณฑล กสานติกุล หรือที่หลายๆ คนอาจจะคุ้นหูในชื่อ มิ้นท์ I Roam Alone ยูทูปเบอร์สาวสวยสายเที่ยวแหลก ซึ่งเจ้าตัวมักจะไปท่องเที่ยวต่างประเทศในที่ที่แปลกตา กระทั่งได้พบเจอความงามที่หลายคนอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน
ทว่าล่าสุด "มิ้นท์ I Roam Alone" กำลังเจอดราม่าอย่างหนัก หลังจากที่ มิ้นท์ ได้โพสต์เกี่ยวกับทริปเที่ยวล่าสุดที่ โดมินิกัน ซึ่งเธอถ่ายทอดประสบการณ์ท่องเที่ยวในครั้งนี้ว่า "ท่ามกลางความสิ้นหวัง แล้วเราจะมีความหวังได้ยังไง…"
ก่อนจะอ้างอิงคำพูด ไกด์ท้องถิ่น ประเด็นบ่อน้ำธรรมชาติที่อยู่ติดกองขยะกลางชุมชนแออัด ทำให้ชุมชนดูสวยขึ้น ตลอดจนสะท้อนประเด็น "ความหวังในความสิ้นหวัง" ได้เกิดกระแสโต้กลับกับความ Romanticize ความลำบาก หรือความสิ้นหวังของคนอื่น
โดย มิ้นท์ เล่าว่า "เพื่อนคนนึงบอกว่าถ้าเรามองโลกใบนี้ทั้งใบ หรือประเทศทั้งประเทศ เห็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ข่าวสงคราม มีแต่ปัญหาเต็มไปหมด จะกดดูข่าวผ่านกี่แอพพ์ก็มีแต่เรื่องร้ายๆ ก็ไม่แปลกที่จะมองว่าโลกนี้มันน่าสิ้นหวังมากเลย เพราะเราเห็นความไม่ยุติธรรม แต่ในวันที่โลกดูสิ้นหวัง ประเทศดูไม่มีทางออก อยากให้ลองมองสิ่งเล็กๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว และมองให้เห็นสิ่งที่เรามี
"เธอเห็นบ่อน้ำธรรมชาติจากน้ำผุดนี้ไหม ที่ตั้งติดกองขยะกลางชุมชนแออัด บางคนอาจจะบอกว่าอยู่ผิดที่ มันเลยไม่ค่อยสวย แต่ฉันมองว่ามันอยู่ถูกที่แล้ว เพราะนอกจากมันจะทำให้ชุมชนแออัดนี้สวยขึ้น มันยังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคนที่นี่ด้วย เป็นความหวังว่าเรายังพอมีสิ่งดีๆ บ้าง ถ้าบ่อน้ำสวยๆ แห่งนี้ไปอยู่ที่อื่นมันอาจจะไม่มีความหมายเท่านี้…" คุณกลอเรียไกด์ท้องถิ่นพูดยิ้มๆ
"เธอเห็นเด็กๆ ในชุมชนที่ออกมาทักทายเธอไหม พวกเขาก็เป็นความหวังของฉันที่อยากเห็นเขาเติบโต"
แต่ทางตรงกันข้ามในวันที่สิ่งรอบตัวพังทลาย ความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว การงาน ชีวิตในแต่ละวันที่มันยาก ก็ให้ลองมองภาพให้ใหญ่ขึ้น หันสายตาจากตัวเองไปข้างนอก มองให้เห็นคนอื่นบ้าง เพราะทุกข์ของเรามันจะเล็กลงเมื่อโลกเราใหญ่ขึ้น
มันไม่ใช่การหนีปัญหา แต่เป็นการดึงตัวเองออกมาพัก ออกมามองภาพกว้าง หรือมองเข้าไปในสิ่งเล็กๆ เพื่ออย่างน้อยให้เราได้พักหายใจ ได้พักสมอง ได้มีเวลาคิดทบทวน รวบรวมพลังก่อนจะกลับไปจัดการเรื่องที่ดูน่าสิ้นหวังใหม่
ไม่มีความสิ้นหวังไหนที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เหมือนคำที่บอกว่า ถ้าไม่เข้าใจความทุกข์ เราจะรู้จักกับความสุขได้ยังไง ถ้าไม่เจอสิ่งที่สิ้นหวัง ก็คงไม่ได้พิสูจน์พลังแห่งความหวัง
ความหวังในความสิ้นหวังมันคงเป็นแบบนี้ละมั้ง…"
ทั้งนี้คอมเมนต์ส่วนใหญ่ได้เข้ามาระบุในมุมมองที่ต่างกัน ซึ่งคอมเมนต์หนึ่งบอกว่า "คุณแค่บังเอิญไปเจอกับความสิ้นหวังแค่ชั่วครู่ คุณเลยมองมันว่าแปลก ว่ามันท้าทาย คุณลองอยู่ใช้ชีวิตอดมื้อกินมื้อตั้งแต่เกิดและมีชีวิตมา ในทุกวันต้องดิ้นรนเพื่อจะเลี้ยงชีวิต ไม่มีแม้เวลาจะคิดเรื่องความฝันและสิ่งที่ต้องการดู"
บ้างก็บอกว่า "บ้านอยู่สลัมค่ะ กองขยะเต็มเลย แต่ข้างบ้านมีบ่อน้ำ ชื่นใจค่ะ คุณภาพชีวิตไม่ต้องสวยก็ได้ มองโลกให้สวยไว้ก่อน 5555555" บ้างก็บอกว่า "แสดงความคิดเห็นได้นะคะ แต่ไม่อยากสนับสนุนให้คิดแบบนี้เท่าไหร่ การให้กำลังใจมองโลกสวยกับ Ignorance มันมีเส้นบางๆ ค่ะ ความลำบากมันต่างกัน มันสิ้นหวังจริงๆ นะคะ
บางคนตื่นมาก็ต้องสู้แล้วอ่ะ จนก็คือจนสุดๆ ค่ะตอนนี้ แค่เรากำลังมีความหวังแล้วความหวังแล้วความหวังมันกำลังจะลอยไปทำไมจะไม่สิ้นหวังละคะ ทำไมเราไม่ชวนกันชี้ให้เห็นความสิ้นหวังนี้แล้วช่วยเพื่อนเราให้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ไม่ได้คะ ทำไมเราไม่สู้ ไม่พูด แทนที่จะมองโลกสวยหรือปล่อยใจให้ยอมรับมันไป??"
ขณะที่บางคอมเมนต์บอกว่า "เพราะว่าคุณมี คุณเลยไม่ได้มองว่าสิ่งเหล่านี้มันคือปัญหา" บ้างก็บอกว่า "ลองจนดูก่อน" บ้างก็บอกว่า "แปลกที่คนรวยชอบบอกคนจนให้อดทน ให้รับสภาพที่เป็นอยู่ แล้วมองว่ามันสวยงาม ให้มองโลกในแง่ดี ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นไม่เคยจนเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยตกอยู่ในสภาพแบบที่คนจนต้องทนทรมานอยู่"
อย่างไรก็ตาม คอมเมนต์ที่มีคนกดไลก์มากอีกอันก็คือ "ไกด์คนนั้น ถ้าเค้าเลือกได้ เค้าก็อยากเลือกให้ประเทศ หรือหมู่บ้านของเค้าดีขึ้นเช่นกัน เค้าแค่ทำใจยอมรับและอยู่กับมันได้ ไม่ได้แปลว่ามันจะดี และไม่ได้แปลว่าเราต้องทนยอมรับไปตลอด ในเมื่อเราเลือกสิ่งที่ทำให้ดีขึ้นได้"
ภาพจาก มิ้นท์ I Roam Alone