ฝ่าฝืนโทษหนัก!! ย้อนรอยทุจริตผ่านการแปรงบฯ ของส.ส. - เหตุไฉนจึงต้องมี รธน. ม.139 !?

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

 


หลังจากเมื่อวานนี้สำนักข่าวทีนิวส์ได้นำเสนอร่างรธน. มาตรา 139 เรื่องการพิจารณางบประมาณแผ่นดินโดยรัฐสภา ซึ่งกำหนดหลักการและโทษเอาไว้อย่างเฉียบขาด เพื่อไม่ให้ส.ส.แปรงบประมาณไปใช้ประโยชน์ และถ้าหากว่าฝ่าฝืนมีโทษให้พ้นจากสมาชิกภาพและตัดสิทธิ์ทางการเมือง

 

 

 

 

 


พร้อมกับยกตัวอย่างการแปรฯงบในอดีตที่ส่อไปในทางทุจริต ซึ่งก็คือโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลและซ่อมแซมอาคารเรียน


โดยในวันนี้เราจะมาตามกันต่อว่า การแปรงบดังกล่าว มีการตั้งข้อสังเกตการทุจริตของแต่ส.ส.และบริษัทผู้รับเหมาอย่างไร


การตรวจสอบการทุจริตกรณีก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอล (งบแปรญัตติ)  ปี 2555

งบญัตติ ปี 2555  วงเงิน 690 ล้านบาท
หน่วยงาน  : สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ  (358 โรงเรียน)
เพื่อซ่อมแซมอาคาร        257 โรงเรียน
เพื่อการก่อสร้างสนามฟุตซอล 101 โรงเรียน


ลักษณะมูลความผิด
1.มีเพียงบริษัทเดียวที่ประมูลงานได้ในภาคอีสาน
2.สถานที่ก่อสร้างไม่มีความพร้อม
3.วัสดุที่นำมาติดตั้งไม่เหมาะสม มีราคาสูง
4.วัสดุใช้ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน
5.ชำรุดเสียหาย หมดสภาพการใช้งาน
6.การก่อสร้างไม่เสร็จเรียบร้อย ไม่เป็นไปตามสัญญา

คณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติส่งป.ป.ช.


และทั้งนี้หากจะพูดถึงข้อพิรุธว่ามีส.ส.เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับงบประมาณในเชิงผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ก็ต้องลองพิจารณาข้อมูลดังนี้


จากการตรวจสอบพบ มีผู้รับเหมารายหนึ่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีความเกี่ยวพันกับบริษัท พี อาร์ เอ็น อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด ซึ่งมีน.ส.ปาริชาติ ชาลีเครือ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ก่อตั้ง) คือ


ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็มเอไอ เอ็นเตอร์ไพร์ส จดทะเบียนวันที่ 8 สิงหาคม 2550 ทุน 444,444 บาท ที่ตั้งเลขที่ 52 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 67 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร


บริษัท พี อาร์ เอ็น อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด มี น.ส.ปาริชาติ ชาลีเครือ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้จดทะเบียนก่อตั้งและถือหุ้นใหญ่ ต่อมาได้โอนหุ้นให้คนใกล้ชิด มีผู้ถือหุ้น 7 คนคือ

1.น.ส.ปาริชาติ ชาลีเครือ 4,000 หุ้น
2.น.ส.ณัฐรวี ชาลีเครือ 3,500 หุ้น
3.นายทรงฤทธิ์ สีดา 500 หุ้น
4.น.ส.วัชชา จงเทียมเท่า 500 หุ้น
5.น.ส.สุธาดา เรืองพูน 500 หุ้น
6.น.ส.จุฑาทิพย์ ภิรมย์ 500 หุ้น และ
7.น.ส.พยอม สงวนบุญ 500 หุ้น

รวม 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท มี น.ส.ปาริชาติ ชาลีเครือ เป็นกรรมการ


น.ส.สุธาดา เรืองพูน ผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท พี อาร์ เอ็น อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด แจ้งที่อยู่เลขที่ 5/195 ถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ และเป็นที่อยู่เดียวกับ สำนักงานของ บริษัท พี อาร์ เอ็น อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด ตามที่จดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า


จากการตรวจสอบพบว่า “ที่ตั้ง”เลขที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งเลขที่เดียวกับ “ที่อยู่”ของ น.ส.ปาริชาติ ชาลีเครือ ตามที่ระบุในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 3 ครั้ง
ครั้งแรก กรณีรับตำแหน่ง ส.ส.ชัยภูมิ เมื่อ 22 ม.ค.51
ครั้งที่สอง กรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส.วันที่ 10 พ.ค.54
ครั้งที่สาม กรณีรับตำแหน่ง ส.ส. 2 ส.ค.54


จากการตรวจสอบพบว่า โครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลที่ บริษัท พี อาร์ เอ็น อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด เป็นผู้รับเหมา ได้แก่


1.จ้างเหมาปรับปรุงสนามกีฬา ณ โรงเรียนบ้านปางแก(สภาประชานุกุล) ตำบลเทศบาลปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วงเงิน 4,999,500 บาท

2.จ้างเหมาปรับปรุงสนามกีฬา ณ โรงเรียนเติมแสงไขปากช่อง ต.เทศบาลปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วงเงิน 4,999,500 บาท

3.จ้างเหมาปรับปรุงสนามกีฬา ณ โรงเรียนบ้านป่าไผ่ ตงจันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วงเงิน4,999,500 บาท

4.จ้างเหมาปรับปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์ โรงเรียนศรีเจริญศึกษา อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ วงเงิน 4,987,500 บาท


3 โครงการแรก ทำสัญญาวันที่ 22 ส.ค. 55 ส่วนโครงการที่ 4 ทำสัญญาวันที่ 9 ส.ค. 55


ทั้งนี้ น.ส.ปาริชาติ เป็นน้องสาวของนายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานรัฐสภา


นายสุชน เคยเป็นหัวหน้าพรรคไทยรวมไทย พรรคการเมืองที่แจ้งเปลี่ยนชื่อมาจากพรรครักษ์แผ่นดินไทย เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในปี พ.ศ. 2554


ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 31


ส่วนน.ส.ปาริชาติ ชาลีเครือ เกิดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2499 มีพี่น้อง 9 คน หนึ่งในนั้นคือ นายสุชน จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง และพัฒนศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการจัดการภาครัฐและเอกชน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์


นางสาวปาริชาติลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาหลายสมัย แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง อาทิ พ.ศ. 2544 ลงสมัครในสังกัดพรรคไทยรักไทย พ่ายให้กับนายวุฒิชัย สงวนวงศ์ชัย จากพรรคชาติพัฒนา กระทั่งปี พ.ศ. 2550 ลงสมัครในนามพรรคพลังประชาชน และได้รับการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก และ พ.ศ. 2554 สังกัดพรรคเพื่อไทย ได้รับการเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 2


นอกจากนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 นางสาวปาริชาติยังเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ กระทรวงมหาดไทย (นายวัฒนา อัศวเหม) กระทรวงอุตสาหกรรม (นายไพฑูรย์ แก้วทอง)


และจากข้อมูลที่สำนักข่าวทีนิวส์ได้ไล่เรียงออกมานี้ ก็พอที่จะสะท้อนภาพข้อเท็จจริงของการแปรงบในอดีตจากส.ส.ลงไปใช้ในพื้นที่ ซึ่งพบข้อพิรุธว่าจะเป็นไปในลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน หรือการทุจริตเป็นอย่างยิ่ง