เบื้องหลังหน้ากาก! กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง แท้จริงแล้วมีเป้าคุกคามถึงสถาบันฯใช่หรือไม่!!??

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

 


ภายใต้ฉากหน้าของสถานการณ์การจับกุมผู้ที่เคลื่อนไหวผิดกฎหมายในระยะนี้ซึ่งกำลังถูกมองว่าเป็นเรื่องทางการเมืองและการต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญนั้นแต่โดยข้อเท็จจริงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนดังกล่าวที่สำนักข่าวทีนิวส์ได้เน้นย้ำมาโดยตลอดก็คือความคิดที่ไปไกลถึงขั้นคุกคาม จาบจ้วง ล้วงสถาบัน ล่าสุดนั้นก็มีหลักฐานยืนยันจากกรณีของนายบุรินทร์ อินตินซึ่งได้ถูกดำเนินการฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และรายละเอียดที่ปรากฏก็สามารถการันตีได้ว่าความคิดดังกล่าวนั้นได้แทรกซึมเข้าไปในความคิดของคนกลุ่มนี้เรียบร้อยแล้ว

 

 

 

 

 

 

โดยในวันนี้ (30 เมษายน) ที่ศาลทหาร กรุงเทพ พนักงานสอบสวนกองบังการปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้ควบคุม นาย บุรินทร์ อินติน 1 ในกลุ่มพลเมืองโต้กลับ เดินทางมาฝากขังกับศาลทหาร หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาคดีความผิด พรบ. คอมพิวเตอร์ และความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 โดยตุลาการศาลทหารได้นั่งบัลลังก์พิจารณาคำร้องของพนักงานสอบสวนปอท. ฝากขัง นายบุรินทร์ ผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากยังสอบสวนพยาน และตรวจสอบหลักฐานทางเทคโนโลยียังไม่แล้วเสร็จ จึงอนุมัติให้ฝากขังนายบุรินทร์ เป็นเวลา 12 วัน ก่อนที่จะนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทั้งนี้ทางทนายของนายบุรินทร์ จะเดินทางมาขอยื่นประกันตัวต่อศาลทหารในวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม


หากย้อนกลับไปที่ 29 เมษายน พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายเสนาธิการผู้บังคับบัญชา คณะทำงานพิเศษฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) นำตัว นายบุรินทร์ อินติน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) นำส่งพ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง รองผู้กำกับการสอบสวน กองกำกับการ3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีดำเนินคดี


พ.อ.บุรินทร์ เปิดเผยว่า ทหารเฝ้าติดตามพฤติกรรมนายบุรินทร์ หลังจากสายข่าวพบการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ "Burin Intin" ในลักษณะต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาลและคสช.รวมทั้งมีการแชทพูดคุยกับบุคคลอื่นโดยมีข้อความลักษณะหมิ่นเบื้องสูง เข้าข่ายผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112

 

 

 

 

กระทั่งวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา เวลา 12.13 น.นายบุรินทร์โพสต์คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 40 นาที พร้อมข้อความ "หนูอยากโดนอุ้ม#ปล่อยเพื่อนเราที่โดนอุ้ม" ก่อนจะมีบุคคลเข้ามาแสดงความคิดเห็นในคลิปดังกล่าว และนายบุรินทร์ตอบความคิดเห็นในลักษณะหมิ่้นเบื้องสูง หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ช่วงเวลา18.00น.นายบุรินทร์ เดินทางมาร่วมกิจกรรม "ยืนเฉยๆ" ร่วมกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ก่อนจะเป็น1ใน16รายที่ถูกตำรวจสน.พญาไทควบคุมตัว


พ.อ.บุรินทร์ กล่าวว่า จากนั้นทหารจึงเดินทางไปยังสน.พญาไท เพื่อเชิญตัวนายบุรินทร์มาควบคุมตามคำสั่งคสช.ที่ 3/2558 และเมื่อวันที่ิ28เมษายน ทหารมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับนายบุรินทร์ และวันนี้ศาลทหารจะออกหมายจับ เมื่อตรวจค้นตัวกลับไม่พบโทรศัพท์ของนายบุรินทร์ จึงสอบถามนายบุรินทร์ได้ความว่าฝากโทรศัพท์ให้กับเพื่อนชื่อว่านซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นเพื่อนนายสิรวิชญ์ เสรีวัฒน์ หรือ จ่านิว อยู่ระหว่างติดตามตัวนายว่าน จากนั้นจึงขยายผลตรวจค้นที่ร้านอัดรูปสปอร์ตดิจิตอลโฟโต้ ปากซอยปลูกจิตร 1 ถนนพระราม4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร ที่นายบุรินทร์อาศัยอยู่ พบซีพียูคอมพิวเตอร์ จำนวน 3เครื่อง ที่ใช้ในการเล่นเฟซบุ๊ก


ด้านนายบุรินทร์ รับว่า ตนเข้าร่วมกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับตั้งแต่ 19 กันยายน 2558 จากนั้นจึงมีโอกาสรู้จักกับนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว และติดต่อพูดคุยกันมาตลอด จนรู้จักกับแม่จ่านิว และแชทพูดคุยกันผ่านเฟซบุ๊ก ชื่อ "Nuengnuch chankij" ในทำนองว่าร้ายสถาบันจริงเนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตนโพสต์ข้อความต่างๆ ผ่านโทรศัพท์และโพสต์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 27 เมษายนก่อนถูกจับกุม


ไม่คิดว่าจะถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นสถาบันและสาเหตุที่นำโทรศัพท์ให้เพื่อนชื่อว่านนั้น เพราะแบตโทรศัพท์จะหมด จึงให้ไปเพื่อชาร์จแบตเท่านั้น ไม่มีเจตนาจะทำลายหลักฐาน จึงอยากฝากผ่านสื่อไปถึงว่านและจ่านิวว่า ให้นำโทรศัพท์กลับมาคืนด้วย


สาระสำคัญจากข้อมูลที่ปรากฏนอกเหนือจากตัวของนายบุรินทร์ที่มีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ยังมีการยอมรับว่าได้คุยไลท์กับน.ส. พัฒน์นรี ชาญกิจ ซึ่งเป็นแม่ของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว  ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันก็ทำให้สามารถตั้งคำถามถึงนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แม่ และ กลุ่มคนที่เคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ได้หรือไม่ว่าเป็นกลุ่มคนที่มีแนวความคิดที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ใช่หรือไม่


สำหรับที่ผ่านมาน.ส. พัฒน์นรี ชาญกิจก็ได้แสดงให้เห็นบทบาทของความเป็นแม่ที่ออกมาเรียกร้องเพื่อต้องการช่วยเหลือลูกชายโดยไม่ได้รับรู้เรื่องราวทางการเมือง แต่ว่าจากข้อมูลของนายบุรินทร์ที่ปรากฎก็แสดงให้เห็นว่าน.ส. พัฒน์นรี ถือว่าเป็นคนที่มีความคิดเห็นทางการเมืองและดูเหมือนว่าส่อไปทางเป็นภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เสียด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตามสำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาธิปไตยศึกษาที่นำโดยนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์และพรรคพวกนั้นสำนักข่าวทีนิวส์ก็ย้ำให้คุณผู้ชมได้เห็นมาตลอดว่าคนกลุ่มนี้มีความคิดที่เป็นอันตรายต่อสถาบันอย่างกรณีของอุทยานราชภักดิ์ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็มีการบิดเบือนข้ออมูลเพื่อโยงใยไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์