"พุทธะอิสระ" ชง ผู้ตรวจฯ สอบ "พศ." ปล่อย 2 สมเด็จเบิกเงินประจำตำแหน่งสังฆราช ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ???

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

 

 

อีกหนึ่งประเด็นนั่นคือ กรณีที่ พระพุทธอิสระขอให้ตรวจสอบสำนักพระพุทธศาสนา (พศ.) กรณีให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชเบิกเงินอุดหนุนศาสนกิจประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ว่าเป็นการดำเนินการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

 


โดยในวันนี้ พระพุทธอิสระ เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่าเป็นการดำเนินการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยหลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า ต้องการให้ผู้ตรวจฯตรรวจสอบว่า ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ต้องได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้งด้วยหรือไม่ และมีอำนาจศักดิ์ และสิทธิเท่าเทียมกับสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่

 


รวมทั้งเงินงบประมาณที่รัฐถวายอุดหนุนศาสนกิจของสมเด็จพระสังฆราชและผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนถือเป็นเงินประจำตำแหน่งหรือไม่ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชมีสิทธิเบิกเงินอุดหนุนศาสนกิจของสมเด็จพระสังฆราชมาใช้จ่ายหรือไม่ มีเงินประจำตำแหน่ง หรือเงินอุดหนุนศาสนกิจหรือไม่ ถ้ามีได้ปีละเท่าใด และเงินอุดหนุนการปฏิบัติศาสนกิจของสมเด็จพระสังฆราชและผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชมีระเบียบและวัตถุประสงค์ในการใช้จ่ายอย่างไรบ้าง

 


 

ที่ผ่านมาผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชทั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว) และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ต่างก็เบิกเงินอุดหนุนนี้ผ่านสำนักพุทธฯ ซึ่งเบิกไปแล้วจำนวนเท่าไร สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมีข้อมูลนี้อยู่ และเท่าที่ทราบสตง.ยังมีการยับยั้งการเบิกของสำนักพุทธฯ เพราะฉะนั้นแสดงว่าที่ผ่านมาเงินอุดหนุนส่วนนี้ไม่น่าจะเบิกมาใช้ได้ จึงอยากขอให้ทางผู้ตรวจฯ ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว เพื่อให้เกิดความชัดเจนจะได้ไม่เป็นข้อกังขาของคนในสังคม และจะได้นำไปสู่การชี้มูลในเรื่องอื่น ๆ ต่อไป

 


ต่อจากนั้น พระพุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยจ.นครปฐมเดินทางมายื่นฟ้องพระเมธีธรรมมาจารย์หรือประสารจันทสาโรผู้ช่วยเจ้าอาวาสมหาธาตุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ดร.เมธาพันธ์โพธิธีรโรจน์รองคณะบดีคณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและเลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนาพระอธิการฉัตรชัยอธิจิตโตเจ้าอาวาสวัดบางใหญ่ต.บางจากจ.นครศรีธรรมราชประธานองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนากลุ่มพระสงฆ์ภาคใต้และพระปลัดนรุตม์ชัยอภินันโท เลขาธิการองค์กรพิทักษ์ พระพุทธศาสนากลุ่มพระสงฆ์ภาคใต้เป็นจำเลยที่1-4

 


ในความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพชื่อเสียงทรัพย์สินตามป.อาญามาตรา309 ,ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา328 ,83 , 84 , 85และความผิดตามพ.ร.บ.ปกครองสงฆ์พ.ศ.2505แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่2535มาตรา25และกฎมหาเถรสมาคมพ.ศ.2551

 


กรณีเมื่อวันที่24มี.ค.-5เม.ย.ที่ผ่านมา พวกจำเลยได้มีการประกาศอุกเขปนียกรรมกับพระพุทธอิสระ ซึ่งเป็นโทษตามพระธรรมวินัยที่จะลงโทษแก่พระภิกษุสงฆ์ละเมิดพระธรรมวินัยโดยขั้นตอนดังกล่าวมิชอบตาม พ.ร.บ.ปกครองคณะสงฆ์พ.ศ.2505 เบื้องต้นศาลได้รับคำฟ้องไว้โดยนัดฟังคำสั่งจะประทับรับฟ้องคดีหรือไม่ในวันที่12ก.ย.นี้ เวลา09.00น.

 


ทั้งนี้เองหากย้อนกับไปครั้งหนึ่งเคยมีการตรวจสอบกรณีการใช้จ่ายเงินของสมเด็จพระสังฆราชมาแล้ว กรณีการทุจริตการจัดซื้อโต๊ะหมู่บูชาในงานพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) มูลค่า 67 ล้านบาท

 


เรื่องนี้มีที่มาที่ไปสืบเนื่องจากสำนักตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบความผิดปกติในการเบิกจ่ายงบประมาณที่เจ้าคุณเสนาะเป็นผู้ดูแลอยู่ ซึ่งเป็นเงินที่ใช้ในการจัดงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯและอดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จำนวน 67 ล้านบาท โดยสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้มีหนังสือแจ้งรายงานทางลับกับผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ถึงความผิดปกติในการใช้งบประมาณดังกล่าว

 


สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เห็นว่าทางสตง.ได้มีหนังสือแจ้งรายงานถึงความผิดปกติของการใช้งบประมาณแผ่นดิน ที่ใช้ในพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จำนวน 67 ล้านบาทมาอย่างต่อเนื่อง จำนวน 3 ฉบับ

 


โดยฉบับสุดท้าย คือ วันที่ 8 มกราคม 2558 ซึ่งสตง.ได้มารายงานทางลับโดยตรงกับผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งผมก็อยู่ด้วยในเหตุการณ์ดังกล่าว และเนื่องจากเป็นเรื่องลับที่ สตง.มารายงานตรงต่อหลวงพ่อ ผมก็ต้องออกมาจากห้องของท่านด้วย ดังนั้น เรื่องการปลดพระพรหมสุธี จึงมีสาเหตุหลักมาจากตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดิน จำนวน 67 ล้านบาท” นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แจกแจง

 


ปมของเรื่องนี้อยู่ตรงที่เจ้าคุณเสนาะได้เบิกเงินงบประมาณแผ่นดินจำนวน 67 ล้านบาทเพื่อซื้อโต๊ะหมู่บูชานำไปแจกให้กับวัดวาอารามต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งๆ ที่โดยข้อเท็จจริงแล้วมีประชาชนได้บริจาคเงินสร้างโต๊ะหมู่บูชาให้จนครบจำนวนอยู่แล้ว