เจ๋งไปเลย! “มาเลเซีย” ว่าที่ขุมทองใหม่ของแรงงานไทย

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tnews.co.th

แม้ AEC จะเปิดแบบเป็นทางการมาแล้วเกือบหนึ่งปีแต่ดูเหมือนว่าทุกๆอย่างยังดูเหมือนปกติไม่ต่างจากปีก่อนๆ ยกเว้น เศรษฐกิจที่หลายคนอาจบ่นหนักหนาว่าช่วงนี้ทำมาหากินลำบากจนต้องออกไปหากินต่างบ้านต่างเมือง ปลายทางส่วนใหญ่ของแรงงานนักขุดทองทั้งหลายก็คงหนีไม่พ้นสิงคโปร์ ไต้หวันเกาหลีใต้ รวมทั้งญี่ปุ่น (ที่แอบโดดวีซ่าไปทำงานกัน) ดังนั้น เวลาคนพูดชวนกันไปทำงานต่างประเทศในความหมายก็กลายเป็นชวนกันไปเป็นแรงงานแบบใช้แรงเสียมากกว่า

 

ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เด็กรุ่นใหม่ในปัจจุบันหลายต่อหลายคนก็เริ่มมองหาโอกาสการทำงานในต่างประเทศมากขึ้น แต่หันไปทางไหนก็รู้สึกตีบตันกับเงื่อนไขต่างๆจนเริ่มท้อใจเพราะโอกาสที่จะไปทำต่างประเทศส่วนใหญ่กลับมีให้กับแรงงานอาชีพมากกว่า แต่หากอยากนั่งทำงานออฟฟิศถ้าไม่เริ่มทำงานบริษัทต่างชาติในไทยเสียก่อนโอกาสที่จะได้ไปเติบโตในต่างประเทศนี่ออกจะยากเย็นเหลือเกิน

 

อันที่จริงแล้ว มีบางประเทศที่เปิดรับคนไทยจำนวนมากและไม่ใช่แรงงานกรรมกรแต่ทำงานอยู่ในออฟฟิศของบริษัทหลายแห่งค่าแรงก็จัดว่าดีแถมไม่ต้องเสียเวลาปฏิบัติตามเงื่อนไขมหาโหดมากมายแบบประเทศอื่นๆซึ่งประเทศนั้นก็คือเพื่อนบ้านของไทยที่มีชื่อว่า“มาเลเซีย” นั่นเอง

 

หนึ่งในคนไทยที่ปัจจุบันทำงานอยู่ในมาเลเซียก็คือ คุณวีรภัทร คันธะ บรรณาธิการบริหารเว็บไซต์
www.saleduck.co.th เปิดเผยว่า ปัจจุบันภายหลังการเปิดอาเซียนมาได้ครึ่งปีกว่าบริษัทหลายแห่งในประเทศมาเลเซียได้เปิดรับพนักงานชาวไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะงานประเภทซัพพอร์ต เช่น คอลเซ็นเตอร์หรือกลุ่มบริการลูกค้าจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ โดยมีค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูงกว่าในไทยประมาณ1-2เท่า รวมทั้งสวัสดิการน่าสนใจมากมายที่เชิญชวนให้คนไทยตัดสินใจโยกย้ายถิ่นฐานไปทำงานในประเทศมาเลเซีย

 

หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมบริษัทเหล่านี้จึงต้องการคนไทยทั้งๆที่อยู่ในต่างประเทศคุณวีรภัทรให้คำตอบว่า บริษัทในมาเลเซียส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติที่มาจากทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกาพื้นฐานคนทำงานที่บริษัทเหล่านี้ต้องการคือคนที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษและภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่วซึ่งคนมาเลเซียสามารถตอบโจทย์นี้ได้ดีกว่าคนไทยมาก แต่ในขณะเดียวกันบริษัทเหล่านี้ก็ต้องการคนไทยที่ไว้คอยประสานงานเป็นการเฉพาะซึ่งไม่มีใครจะใช้ภาษาไปได้ดีกว่าเจ้าของภาษาอย่างแน่นอน

 

และที่สำคัญแม้จะไม่เก่งภาษาอังกฤษมากแต่ก็สามารถทำงานได้เพราะหน้าที่โดยหลักเท่าที่ทราบมามักจะวนเวียนอยู่กับภาษาไทยเป็นหลักในกลุ่มงานซัพพอร์ตแต่ในขณะเดียวกันบริษัทไอทีและสตาร์ทอัพจำนวนมากก็รับคนไทยที่เชี่ยวชาญทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยเพื่อเข้าร่วมงานในหลายๆตำแหน่งจนเรียกได้ว่าหางานได้ไม่ยาก

 

เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจซึ่งคนกรุงเทพไม่เคยรู้ก็คือว่าคนไทยใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้เลือกที่จะเดินทางมาทำงานที่มาเลเซียมากกว่ากรุงเทพฯด้วยเหตุผลทั้งทางภาษาวัฒนธรรมและค่าตอบแทนจนบอกได้เลยว่ารายได้เฉลี่ยของกลุ่มคนเหล่านี้สูงกว่าชนชั้นกลางในกรุงเทพมาก

เจ๋งไปเลย! “มาเลเซีย” ว่าที่ขุมทองใหม่ของแรงงานไทย

ออฟฟิศของ Saleduck”

 

ข้อดีอีกประการหนึ่งก็คือ คนที่จบมหาวิทยาลัยไม่ดังก็มีโอกาสเติบโตในสายงานได้ถ้ามีความสามารถเพราะคนที่นี่(รวมถึง HR) ไม่สนใจเกรดหรือชื่อของมหาวิทยาลัยแต่ถ้าหากสามารถแสดงให้ผู้ว่าจ้างมั่นใจได้ว่าคุณมีความสามารถการได้งานจึงไม่ใช่เรื่องยากจนเกินความสามารถดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าปัจจุบันนี้หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจที่จะทำงานในประเทศแห่งนี้

 

 

คุณวีรภัทรฝากทิ้งท้ายสำหรับผู้ที่สนใจเดินทางไปทำงานต่างประเทศว่า ภาษาอังกฤษไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเป็นภาษากลางที่ใช้ในการสื่อสารดังนั้นหากต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษในมิติหนึ่ง การเลือกมาทำงานที่นี่จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจและอาจได้ภาษาจีนหรือภาษามาเลย์กลับไปเป็นของแถมด้วย ดังนั้น หากมีโอกาสก็ไม่ควรทิ้งเพราะเชื่อว่ าอนาคตอีกไม่เกิน5ปี ประเทศแห่งนี้จะเต็มไปด้วยทรัพยากรมนุษย์ชาวไทยอย่างแน่นอน