หลวงปู่ปิ่น ทายาทพุทธาคมหลวงปู่หมุนสืบทอดวิชาอุปคุตมัดมาร ขจัดอุปสรรคชงัดนัก

ติดตามข่าวสารได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th/

หลวงปู่ปิ่นรับวิชาอุปคุตมัดมารจากหลวงปู่หมุน

          หลวงปู่ปิ่น ปุณณสิริ ท่านเป็นญาติกับหลวงปู่หมุน อีกทั้ง เป็น อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านจาน ท่านมีชื่อเสียงขึ้นชื่อลือชามาก กับการ ปราบผีปอบซึ่งเป็นวิชาที่รับมาจากหลวงปู่หมุนอีกทอดหนึ่ง

          จุดเริ่มต้นของการได้รับวิชาจากหลวงปู่หมุนนั้น เริ่มมาจากในครั้งหนึ่งที่ หลวงปู่หมุนท่านกำลังจะออกเดินธุดงค์ หลวงปู่ปิ่นได้อ้อนวอนหลวงปู่หมุน ขอร่วมเดินทางไปด้วย แต่หลวงปู่หมนเห็นว่า ขณะนั้นหลวงปู่ปิ่นยังขาดความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องการเดินธุดงค์ และหนทางที่หลวงปู่ธุดงค์นั้น อยู่ในเส้นทางที่ทุรกันดารอย่างมาก แม้จะมีความเพียรตั้งมั่นมากเพียงใด ก็ยังต้องอาศัย ตบะ บารมี ที่จำต้องสั่งสมเป็นเวลานาน เพราะป่าลึกนั้น นอกจากต้องผจญสิงสาราสัตว์ ก็อาจมีเรื่องของวิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขา ภูตผีร้ายและโรคภัยต่างๆอีกนานับประการ

หลวงปู่ปิ่น ทายาทพุทธาคมหลวงปู่หมุนสืบทอดวิชาอุปคุตมัดมาร ขจัดอุปสรรคชงัดนัก

(หลวงปู่หมุน)

 

          อีกประการหนึ่งที่หลวงปู่หมุนได้ทัดทานไว้ ก็เพราะเป็นห่วงวัด หากหลวงปู่ปิ่นร่วมเดินทางไปด้วยอีกคนหนึ่งแล้ว วัดก็จะร้าง ไม่มีผู้ใดดูแล อีกทั้งญาติโยมก็ยังต้องการที่พึ่ง เพราะในเวลานั้น วัดยังเป็นศูนย์กลางของชุมชน เพราะในช่วงเวลาที่หลวงปู่หมุนจำวัดอยู่ที่วัดบ้านจาน ท่านก็ออกเดินตรวจตราเยี่ยมเยียนบ้านต่างๆ อยู่เสมอ เผื่อว่าบ้านไหนเดือดร้อนก็จะช่วยเหลือกันได้ และเมื่อหลวงปู่จะธุดงค์ ท่านก็เห็นมีแต่หลวงปู่ปิ่นเท่านั้น ที่พอจะไว้ใจได้ ทั้งเรื่องการดูแลวัดและชาวบ้านในยามที่ท่านไม่อยู่

          แต่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของหลวงปู่ปิ่น ที่จะออกไปฝึกปรือวิชา เมื่อหลวงปู่หมุนท่านไม่ยอมอนุญาต ก็ยังอุตสาห์อ้อนวอนขอติดตามหลายต่อหลายครั้ง หวังว่าหลวงปู่จะใจอ่อน แต่หลวงปู่ท่านก็เด็ดเดี่ยว ลั่นว่าจาไปว่า ไม่ ก็คือ ไม่...!

          ฝั่ง หลวงปู่ปิ่น เมื่อเห็นว่าตนไม่มีโอกาสได้ติดตามหลวงปู่ออกธุดงค์แน่แล้ว ก็ทั้งน้อยใจเสียใจเหลือกำลัง ท่านปล่อยให้หลวงปู่ออกธุดงค์ตามลำพัง และหลังจากหลวงปู่กลับมาที่วัดบ้านจานอีกครั้ง หลวงปู่ปิ่นท่านก็ไม่ยอมพูดกับหลวงปู่หมุนอีกเลย เป็นเวลานานร่วม ๑๐ ปี

          และเหตุที่ทำให้ท่านได้พูดคุยกันคือ วันหนึ่งเมื่อชาวบ้านมาปรึกษาท่านเรื่อง มีคนถูกปอปเข้าสิง ชาวบ้านตั้งใจว่าจะพาคนถูกปอปเข้า มาหาหลวงปู่หมุน เพื่อให้หลวงปู่หมุนไล่ปอปให้ แต่หลวงปูหมุนกลับปฏิเสธ และยกหน้าที่ให้หลวงปู่ปิ่น ไล่ปอป อีกทั้งในคราวนั้น ท่านก็ได้มอบคาถาและวิชาให้กับหลวงปู่ปิ่น ซึ่งวิชานั้นมีชื่อว่า อุปคุตมัดมาร

ที่มาของอุปคุต มัดมาร     

          ว่าด้วยต้นตอที่มาของอุปคุตมัดมาร ตำนานเรื่อง “พระอุปคุต” นั้นกล่าวไว้ว่า

ครั้งพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงมีพระราชดำริที่จะทำการฉลองพระบรมสารีริกธาตุทั่วทั้งชมพูทวีป รวมทั้งพระมหาสถูปเจดีย์ เป็นเวลา ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ทรงปริวิตกว่าจะมีวิธีใดที่จะป้องกันอันตรายอันจะเกิดขึ้นในระหว่างงานฉลองครั้งนี้  ท่านได้นิมนต์ “พระอุปคุตตเถระ” ผู้เนรมิตรปราสาทแก้วจำพรรษาอยู่ในท้องมหาสมุทร ครั้นถึงกำหนด วันฉลองพระเจ้าอโศกพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพารและประชาชนได้ไปร่วมประชุมอย่างคับคั่ง เพื่อสักการะบูชาพระมหาสถูปเจดีย์มีการจุดประทีปดูสว่างไสวไปทั่วดุจเวลา กลางวัน

พระยามารทราบว่าพระเจ้าอโศกทรงจัดการบูชาครั้งมโหฬาร จึงหวังทำลายพิธี และได้เหาะลงมาจากสวรรค์ในเทวโลก เพื่อจะทำลายพิธี พระอุปคุตตเถระก็ตอบโต้ได้โดยฉับพลันทุกครั้งไป ทำให้พระยามารแค้นใจมาก ภายหลังพระยามารได้เนรมิตคนให้เป็นสัตว์ที่มีกำลัง พระอุปคุตตเถระก็เนรมิตให้ใหญ่กว่า มีกำลังเข้มแข็งกว่า และมีฤทธิ์กว่า

พระยามารเห็นว่าตนจะพ่ายแพ้แก่พระอุปคุตตเถระ จึงได้แสดงตนให้ปรากฏอยู่ตรงหน้า พระอุปคตตเถระได้คิดหาวิธีปราบพระยามารให้สิ้นฤทธิ์ โดยได้เนรมิตสุนัขเน่าเหม็นเต็มไปด้วยหมู่หนอนไปผูกคอพระยามาร และได้อธิษฐานจิตมิให้ผู้อื่นแก้ไขได้ แล้วไล่พระยามารให้ออกไปจากที่นั้น

 

พระยามารได้รับความอับอายมากได้เหาะไปขอความช่วยเหลือจากท้าวจตุมหาราชทั้ง ๔ รวมทั้งพระอินทร์และพระพรหม แต่ก็ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือแก้ไขให้ได้ ท้าวสหัมบดีพรหมแจ้งแก่พระยามารให้กลับลงไปหาพระอุปคุตตเถระให้ท่านช่วย แก้ไขให้ จึงจะได้ ใครอื่นไม่สามารถช่วยได้ พระยามารจึงต้องจำใจกลับไปหาพระอุปคุตตเถระด้วยอาการนอบน้อมสุภาพตามคำแนะ นำของเหล่าเทวราช และขอขมาที่ได้กระทำความชั่วทั้งหลายนั้น และยอมจำนนต่อท่านอุปคุตตเถระ
         พระอุปคุตตเถระเห็นว่างานฉลองครั้งยิ่งใหญ่นี้ ยังไม่เสร็จสิ้น จึงต้องควบคุมพระยามารไว้ก่อน โดยให้พระยามารไปที่ภูเขา แล้วแก้เอาสุนัขเน่าออก แต่ก็ยังเห็นว่าควรจะมัดพระยามารไว้ก่อน จึงได้รัดประคตออกจากเอวของท่านอธิษฐานจิตให้รัดประคตยาวพอที่จะมัดพระยามาร ติดกับภูเขาไว้อย่างมั่นคง
         ท่านอุปคุตตได้แจ้งให้พระยามารรออยู่ที่ภูเขานั้นจนกว่าพระเจ้าอโศกมหาราช จะทรงเสร็จสิ้นงานฉลอง งานฉลองจึงสามารถดำเนินไปได้ จนครบกำหนด ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน อย่างราบรื่น เป็นที่ยินดีแก่ชนทั้งหลาย

หลวงปู่ปิ่น ทายาทพุทธาคมหลวงปู่หมุนสืบทอดวิชาอุปคุตมัดมาร ขจัดอุปสรรคชงัดนัก

(หลวงปู่หมุน)


         พระยามารได้หวนระลึกถึงพระพุทธเจ้า ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อตน แม้ตนจะทำไม่ดีต่อพระพุทธองค์ พระองค์ก็ไม่ได้กระทำโทษตอบ แต่ในบัดนี้พระสาวกของพระพุทธองค์ได้ทำโทษทุกข์แสนสาหัส เมื่อคิดได้เช่นนี้ พระยามารจึงอธิษฐานว่า หากมีบุญกุศลที่ได้สร้างสมไว้ ขอให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งแก่สัตว์ทั้งหลาย และกระทำประโยชน์โปรดเวไนยสัตว์ทั้งปวง
        พระอุปคุตตเถระ ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณนั้นและได้ยินเข้า จึงปรากฏกายแล้วเดินเข้าไปแก้มัดออกให้ กล่าวแก่พระยามารว่า ท่านจะสมปรารถนาได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต ตั้งแต่นี้ต่อไปตัวท่านจักเป็นปูชนียบุคคล คือพระโพธิสัตว์ที่ชาวโลกเคารพบูชาต่อไป ขอให้ตั้งใจละบาป อย่ากระทำกรรมอันหยาบช้าต่อไป

หลวงปู่ปิ่น ทายาทพุทธาคมหลวงปู่หมุนสืบทอดวิชาอุปคุตมัดมาร ขจัดอุปสรรคชงัดนัก

(พนะอุปคุต)

เมื่อพระอุปคุตตเถระเห็นความตั้งใจดี และความปราถนาดีของพระยามาร ก็ได้กล่าวอวยพรให้พระยามารกลับไปโดยสุขสวัสดิ์ จากนั้นพระยามารได้ถวายนมัสการท่านอุปคุตตแล้วกลับคืนสู่วิมานในเทวโลกดังเดิม

ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าหากผู้ใดได้บูชาก็จะกำจัดมาร กำจัดอุปสรรค รวมทั้งภูตผีปิศาจวิญญาณร้ายต่างๆได้อย่างแน่นอน และวิชา “อุปคุตมัดมาร” นี้เอง ที่หลวงปู่หมุนได้มอบไว้ให้หลวงปู่พาไว้บำบัดทุกข์แก่ชาวบ้าน ในยุคสมัยที่ปอบยังชุกชุม ด้วยวิชาดังกล่าวที่กล่าวนี้เอง “หลวงปู่ปิ่น” จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ปราบผีได้เก่งที่สุด แบบไม่มีใครเทียบได้ บ้านไหนสงสัยว่ามีคนผีเข้าอยู่ในบ้าน ก็วิ่งไปนิมนต์หลวงปู่ปิ่นให้มาไล่เสมอๆ

 

หลวงปู่ปิ่น ทายาทพุทธาคมหลวงปู่หมุนสืบทอดวิชาอุปคุตมัดมาร ขจัดอุปสรรคชงัดนัก

(ภาพประกอบจาก:สุริยันจันทรภาณุ  -พระอุปคุตรุ่นนี้ เดิมทีเป็นของครูบาอิน วัดทุ่งปุย จ.เชียงใหม่แต่ทางอาจารย์มงคลได้นํากลับมาแช่นํามนต์แล้วให้หลวงปู่หมุน อธิฐานจิตปลุกเสกอีกนานหลายเดือนครับจึงมีพระอุปคุตรุ่นนี้ที่หลวงปู่หมุน พระอริยะเจ้าที่หลวงพ่อกวยนับถือ ซึ่งมีอยู่ 2 องค์คือ หลวงปู่หมุน กับครูบาอิน ซึ่งได้นำมาให้หลวงปู่หมุน อธิฐานจิตอีกครั้งหนึ่ง จึงมีทั้ง เสกเดียว และเสกคู่คือหลวงปู่หมุน กับครูบาอิน)