สนธิญาณ ชี้ชัด!!! กรณีผิดม.112 เลิกขึ้นศาลทห.แต่ "คสช."ต้องจัดการเด็ดขาด บี้สอบจำนำข้าวยุคปูขายให้"ตราฉัตร"ซีพีหรือไม่????

สนธิญาณ ชี้ม.44 ยกเลิกกรณีผิดม.112 ไม่ขึ้นศาลทหาร แต่ "คสช."ต้องจัดการอย่าให้ฮึกเหิม-ยกกรณีดัชนีหุ้นตกหนักสปด.ผ่านมา เหตุเครือข่ายเสื้อแดง-ศิษย์ธรรมกาย??? ปล่อยข่าวอาการพระประชวร แฉ "เพจตาสว่าง"เคลื่อ

สนธิญาณ ชี้ม.44 ยกเลิกกรณีผิดม.112 ไม่ขึ้นศาลทหาร แต่ "คสช."ต้องจัดการอย่าให้ฮึกเหิม-ยกกรณีดัชนีหุ้นตกหนักสปด.ผ่านมา เหตุเครือข่ายเสื้อแดง-ศิษย์ธรรมกาย??? ปล่อยข่าวอาการพระประชวร แฉ "เพจตาสว่าง"เคลื่อนไหวลากโยงสถานการณ์ต่อเนื่อง????- ข้องใจ"สุเมธ"ซีพีขึ้นเป็นพยานคดี "จำนำข้าวยิ่งลักษณ์"  บี้สอบมีการขายข้าวให้"ตราฉัตร"หรือไม่????

 

ยุคล : สวัสดีครับคุณผู้ชม ต้อนรับสู่รายการยุคลถามตรงสนธิญาณฟันธงตอบ ค่ำคืนนี้จันทร์ที่ 12 ก.ย. 2559 ยังคงอยู่กับผมยุคล วิเศษสังข์ และวันนี้คุณผู้ชมก็จะได้พบกับพี่ต้อย สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้อำนวยการสำนักข่าวทีนิวส์เหมือนเดิมนะครับ ซึ่งวันนี้ต้องบอกกับคุณผู้ชมนะครับว่า ประเด็นที่พี่ต้อยหยิบยกขึ้นมานั้นร้อนระอุอย่างแน่นอนนะครับ เพราะฉะนั้นห้ามเปลี่ยนช่องไปไหน และเชื่อว่าแฟนข่าวทีนิวส์ผู้ที่มีความจงรักภักดีต้องฟังพี่ต้อยวิเคราะห์แล้วก็จะแจกแจงซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการออกคำสั่งของหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 55/2559 โดยเป็นการใช้อำนาจอีกครั้งหนึ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมาตรา 44 ที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ออกมาในวันนี้นะครับท่านผู้ชมครับ เราไปพบกับพี่ต้อยกันก่อนครับ สวัสดีครับพี่ต้อยครับ

 

 

สนธิญาณ : สวัสดีครับหนึ่งครับ สวัสดีครับท่านผู้ชมแฟนข่าวทีนิวส์ทุกท่านครับ

 

 

ยุคล : เรื่องแรกที่จะคุยกันในวันนี้ก็คือผิดมาตรา 112 เลิกขึ้นศาลทหาร แต่ คสช.ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด

 

 

สนธิญาณ : ก็คงต้องเริ่มจากประเด็นวันนี้ตอนบ่ายๆ ก็ได้มีคำสั่งจาก คสช.ล่าสุดออกมาฉบับที่ 55 คำสั่งฉบับนี้นะครับ ก็เกี่ยวเนื่องกับคดีความต่างๆ ที่เคยขึ้นศาลทหารอยู่ คสช.ก็เห็นว่าบ้านเมืองได้พัฒนามาจุดที่อยู่ในสภาวะที่ปกติแล้ว ก็จึงให้ยกเลิกคดีความที่เคยเป็นคำสั่งหรือประกาศอยู่ ที่ประกาศเอาไว้ก็คือคำสั่งที่ 37/2557 นะครับ ฉบับนี้สำคัญมาก ก็คือประกาศตั้งแต่วันที่ 25

 

 

ยุคล : พ.ค.ปี 57

 

 

สนธิญาณ : เป็นคำสั่งอันเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดตาม

 

 

ยุคล : ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

 

 

สนธิญาณ : ซึ่งเป็นกฎหมายอันเกี่ยวเนื่องกับการจาบจ้วงล่วงละเมิดให้ร้ายดูหมิ่นหมิ่นประมาทต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง หลังจากการยึดอำนาจเพียง 3 วัน คสช.ก็ออกคำสั่งนี้มาเพื่อจัดการให้พวกที่ล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นศาลทหาร ซึ่งมีขั้นตอนที่รวดเร็วกว่า เหตุผลก็เพราะว่าในช่วงที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้มีการปล่อยปละละเลยในเรื่องนี้มาก เดี๋ยวค่อยมาลงรายละเอียดกัน ทีนี้จากคำสั่งที่ 37 คำสั่งที่ 38 แล้วก็คำสั่งที่ 50/2557 วันนี้คสช.บอกว่าเลิกหมดไปขึ้นศาลปกติ ที่ขึ้นศาลทหารก็เป็นไปตามที่เคยขึ้นศาลทหาร คือเรื่องอันเกี่ยวพันกับทหารนั่นเอง คำเกริ่นของ คสช.ดูก็มีเหตุผลอยู่ว่า

 

 

ยุคล : โดยที่บัดนี้ปรากฏว่าสถานการณ์บ้านเมืองในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา มีความสงบเรียบร้อยเป็นลำดับ ประชาชนต่างมีเจตนารมณ์และให้ความร่วมมือที่ดี ในการนำประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน การปฏิรูปประเทศตามขั้นตอนและการสร้างความสามัคคีปรองดองที่ถูกต้องเป็นธรรมดังเห็นได้จากการลงประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้รับความเห็นชอบจากประชาชนด้วยมติท่วมท้น จึงสมควรผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลงอีกเพื่อให้ทุกฝ่ายจะได้ใช้สิทธิ์ปฏิบัติหน้าที่ของตนและได้รับความคุ้มครองตามกลไกของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งกำลังจะประกาศใช้ในเร็ววันตลอดจนตามหลักนิติธรรมและตามหลักสิทธิมนุษยชน

 

 

สนธิญาณ : ชัดเจนครับ การออกประกาศฉบับนี้ นั่นแสดงว่า บ้านเมืองเข้าสู่สภาวะปกติ ประเภทที่สร้างแรงกดดันโลกล้อมประเทศแล้วก็มาบีบคั้น ข้ออ้างเหล่านี้ก็จะหมดไป ในการโจมตีว่าประเทศไม่เป็นประชาธิปไตยนะ เกี่ยวกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วก็ใช้อำนาจโดยไม่ฟัง ก็คือสิ่งที่ได้โจมตีกัน แต่ทีนี้ผมจะเรียนแบบนี้ว่า ในช่วงระยะเวลาประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมาจนต่อเนื่องมาถึงวันจันทร์ ก็อยากจะเรียนว่า เราได้เห็นตลาดหุ้นตกลงอย่างหนักหน่วง การตกลงของตลาดหุ้นก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา

 

 

แต่การที่ตลาดหุ้นผันผวนในสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดจากการปล่อยข่าวเรื่องอาการพระประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งการกระทำครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ต้องถือว่าเป็นการกระทำที่เลวร้าย จากการกระทำที่เลวร้าย มันหาคนปล่อยข่าวไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นจากการติดตามเกาะดูดดึงดูข่าวสาร เราจะเห็นได้เลยว่าในบรรดาเว็บไซต์ของเครือข่ายคนเสื้อแดง และเว็บไซต์อันเกี่ยวเนื่องผมรวมไปถึงพวกลูกศิษย์วัดพระธรรมกายด้วย เอาเรื่องมาเชื่อมโยงให้เป็นข่าวลือแล้วโยงไปที่การวิเคราะห์ของอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล รายนี้ถือว่าเป็นรายหลักอยู่แล้วหนีอยู่ต่างประเทศ แต่เวลาอาจารย์สมศักดิ์ เขาวิเคราะห์เขาจะวิเคราะห์เป็นเหตุเป็นผลดูน่าเชื่อถือมากเขียนยาวอธิบายอย่างละเอียดว่าอะไรกำลังเป็นอะไร สภาวะอะไรกำลังเกิดขึ้น แต่บรรดาเว็บไซต์ของคนเสื้อแดงพวกนี้ใช้อาการเป็นข่าวลือ และข่าวลือก็กระจายไปเร็ว ผลส่วนหนึ่งก็ไปที่ตลาดหุ้นจึงทำให้ตลาดหุ้นตกรุนแรง ถือว่าเยอะมาก ผมต้องเรียนแบบนี้ว่า บรรดานักลงทุนทั้งหลายอย่าได้แตกตื่นจนเป็นเหยื่อของพวกนี้

 

 

แต่ที่สำคัญต้องเรียนแบบนี้ว่าโดยเฉพาะพวกกองทุนต่างๆ คือไม่รู้ว่าไปเชื่อข่าวลือหรืออย่างไร พอเกิดเรื่องกองทุนทั้งหลายเทขาย พอเทขาย ประชาชนนักลงทุนรายย่อยทั่วไปก็ขายกันไป ก็ยิ่งกลายเป็นกระแสยิ่งกระหน่ำเข้าไป ผมเรียนแบบนี้นะครับ ทีนี้ผมบอกอย่าไปเชื่อนะครับ สิ่งที่เป็นสาระสำคัญที่สุดนะครับ เราจะต้องดูแถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง เอาแถลงการณ์ฉบับล่าสุด คือเมื่อวานฉบับที่ 35 แถลงว่ายังไง

 

 

ยุคล : สำนักพระราชวัง แถลงเรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 35 มีรายละเอียดดังนี้ วันนี้คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานพระอาการภายหลังการรักษาการติดเชื้อในระบบการหายพระทัยว่า ไม่มีพระปรอท (ไข้) ผลการตรวจพระโลหิตบ่งชี้ว่า การอักเสบลดลง ผลเอกซเรย์พระปัปผาสะ (ปอด) ไม่พบลักษณะของการอักเสบ คณะแพทย์ฯ จึงหยุดการถวายพระโอสถปฏิชีวนะ สำหรับปริมาณพระบังคนเบา (ปัสสาวะ) ยังคงน้อย คณะแพทย์ฯ ยังคงถวายการรักษาด้วยวิธี CRRT และเฝ้าติดตามการทำงานของพระวักกะ (ไต) อย่างใกล้ชิดต่อไป

 

 

สนธิญาณ : ผมหยิบยกเรื่องนี้มาพูดเพราะต้องการให้สังคมไทยมีสติ ข้อหนึ่งแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังออกมาโดยการแถลงอาการของคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา แถลงการณ์นี้ไม่สามารถที่จะเขียนเป็นอย่างอื่นให้ผิดไปจากพระอาการจริงได้ ไม่อย่างนั้นคณะแพทย์ฯก็มีปัญหา มีความผิดทันที ไปออกข่าวในเรื่องที่ไม่ตรงกับพระอาการจริง เพราะฉะนั้นในขณะที่เราคนไทยทั้งหลาย 70 ล้านใจจดใจจ่ออยู่กับอาการพระประชวรของพระองค์ท่าน ผู้คนจำนวนมากมายได้เดินทางไปถวายพระพรต่อพระองค์ท่าน พระองค์ท่านมีอาการพระประชวรก็เป็นเรื่องปกติของผู้ที่อยู่ในวัยชรา เป็นเรื่องที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นเมื่อเราเป็นคนไทย เราจะต้องไม่เป็นเหยื่อของพวกนี้นะครับ การที่ไม่เป็นเหยื่อนะครับก็คือการยืนยันที่ต้องเชื่อต่อแถลงการณ์ แต่มันไม่ได้จบแค่นี้ ล่าสุดต้องมาดูเฟซบุ๊กหนึ่งมาสดๆ ร้อนๆ เลยพวกนี้ชื่อเฟซบุ๊ก ตาสว่าง เป็นแบบนี้นะครับที่ผมต้องหยิบยกมาพูดเนื่องจากว่า พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ชื่อนี้คุ้นไหม

 

 

ยุคล : แกนนำคนเสื้อแดง

 

 

สนธิญาณ : ขอเชิญชวนพสกนิกรคนไทยทุกหมู่เหล่าที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เดินทางไปกล่าวโทษร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจท้องที่ทุกแห่งตลอดเวลาทำการ นี่คือสิ่งที่เปิดประเด็นมา ไปกล่าวโทษร้องทุกข์ใครเรื่องอะไรเดี๋ยวติดตามดู

 

 

ยุคล : วันนี้เปิดประเด็นค่อนข้างรุนแรงนะครับ แล้วก็มาหยุดอยู่ที่เฟซบุ๊กตาสว่าง เหมือนกับจะมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้น เพราะพยายามกล่าวอ้างเรื่องของความจงรักภักดีนะครับ พูดถึง พ.ต.ต.เสงี่ยม เรียกร้องให้คนไทยไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่สถานีตำรวจใกล้บ้านของตัวเอง แต่พอมาดูภาพปกบนเฟซบุ๊กกลับมีการสื่อสารอันมีนัยสำคัญว่า กำลังคิดเห็นอย่างไรกันแน่ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เดี๋ยวมาตามกันต่อในเบรกหน้า ช่วงนี้พักกันก่อนสักครู่เดียวครับ (จบช่วงที่หนึ่ง)

 

 

 

สนธิญาณ : ผมก็ต้องเรียนแบบนี้นะครับ คำว่าตาสว่าง มันไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ เป็นเฟซบุ๊กนี้นะครับ มันเป็นสัญลักษณ์ของคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งที่เอามาใช้ การเอาคำว่าตาสว่างมาใช้นะครับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ที่เสียชีวิตไปแล้ว และเป็นคนที่กระทำความผิด ม.112 อีกคนหนึ่งด้วย เป็นคนหนึ่งที่ดำเนินการเคลื่อนไหวตั้งวงตาสว่างขึ้น เห็นภาพชัดครับ คนที่เกี่ยวข้องกับวงตาสว่าง ไม่ใช่วงสนทนาเล็กๆ นะครับ แต่เป็นวงอภิปรายขนาดกลาง ประเด็นที่อภิปรายคืออะไร คือการโจมตีสถาบันฯ เป็นการโจมตีอย่างมีแผนการรองรับ เนื้อหาของเฟซบุ๊กตาสว่าง คสช.ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด จะจัดการอย่างไรก็ตามแต่

 

 

ผมเรียนนะครับ เรื่องอาการพระประชวรได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้เป็นอย่างยิ่ง ว่าพระอาการของพระองค์ท่านเป็นพระอาการประชวรปกติ ยังเคลื่อนไหวร่างกายได้ ในสภาวะแบบที่คนป่วยและเป็นผู้ชรากระทำ เพราะฉะนั้นประเด็นพวกนี้จึงเป็นข่าวลือที่สร้างขึ้น ทีนี้ข่าวลือที่สร้างขึ้นมาสร้างต่อเนื่องกับเฟซบุ๊กตาสว่างที่บอกว่า พ.ต.ต.เสงี่ยม เชิญชวนคนเสื้อแดง ผมต้องเรียนว่าเชิญชวนคนเสื้อแดงนะ เพราะเฟซบุ๊กตาสว่างเป็นคนเอาเรื่องนี้มาขยาย เป้าของการเขียนเฟซบุ๊กตาสว่างมุ่งตรงไปที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เขาบอกเขาเขียนตอนที่ 1 เฟซบุ๊กตาสว่างเนี่ยก็ไปอ้างแหล่งข่าว เขาเอ่ยชื่อเลยนะ ผมขออนุญาตไม่เอ่ยเชื่อ บอกว่านายทหารระดับสูงซึ่งคุมกำลังอยู่ด้วย เชียร์และสนับสนุนให้ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้สำเร็จราชการแทน เลวไหมละครับ ผมเรียนแบบนี้เนื้อหา เพราะไม่มีนายทหารคนไหนที่จะกล้าคิด เอาละจบเรื่องนี้ก่อน ท่อนที่สามยังมีประเด็น

 

 

ยุคล : ต่อเนื่องมาจากคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวของคุณยิ่งลักษณ์ ก็ทะยอยขึ้นศาล ตอนนี้กระบวนการเข้าสู่การไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย ปรากฏว่าล่าสุดคุณยิ่งลักษณ์ พยานปากสำคัญของตนเองก็คือคุณสุเมธ เหล่าโมราพร เป็นคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศเครือเจริญโภคภัณฑ์แล้วก็เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทซีพีอินเตอร์เทรดจำกัด ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรเดี๋ยวตามกันต่อในเบรกหน้านะครับ ช่วงนี้พักกันก่อนสักครู่เดียวนะครับ (จบช่วงที่สอง)

 

 

 

ยุคล : กลับเข้ามายังเบรกสุดท้ายนะครับ อย่างที่พี่ต้อยเกริ่นทิ้งท้ายเอาไว้เบรกที่สองนะครับเราจะเปลี่ยนเรื่องสักหน่อย ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีการปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายในโครงการจำนำข้าว ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลยคนสำคัญของคดีนี้ ที่ผ่านมาก็มีกระบวนการไต่สวนมาแล้วหลายนัด มีการไต่สวนฝ่ายโจทก์ซึ่งก็เป็นอัยการไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนของนางสาวยิ่งลักษณ์ ณ ขณะนี้ก็กำลังเข้าสู่การไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย ล่าสุดการไต่สวนครั้งที่ผ่านมามีพยานฝ่ายจำเลยคนสำคัญที่คุณยิ่งลักษณ์นำมาช่วยต่อสู้คดีนี้ นั่นก็คือคุณสุเมธ เหล่าโมราพร คณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศเครือเจริญโภคภัณฑ์แล้วก็เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทซีพีอินเตอร์เทรดจำกัด ขอย้ำกับคุณผู้ชมนะครับว่าหัวข้อที่พี่ต้อยตั้งเกี่ยวกับประเด็นนี้ก็คือว่า ซีพีบอกจำนำข้าวดี ผลประโยชน์หรืออุดมการณ์ เป็นยังไงครับพี่ต้อยครับ

 

 

สนธิญาณ : ท่านผู้ชมคิดว่ายังไงครับ อย่างนี้ครับ พูดถึงซีพี หลายคนก็ตั้งประเด็นคำถามว่าผมเกลียดอะไรนักหนา ต้องเรียนแบบนี้ครับ ทีนิวส์เปิดประเด็นกับซีพีมาเนื่องจากได้เห็นความพยายามในการทำธุรกิจของซีพี ซึ่งถ้าในโลกธุรกิจทั่วๆ ไปก็ถือว่าเป็นแนวทางยุทธศาสตร์ที่สุดยอดอลังการงานสร้าง ไม่สามารถที่จะหาใครที่ฉลาดหลักแหลมแล้วก็เชี่ยวชาญได้ขนาดนี้ในการทำธุรกิจทางด้านอาหาร วันนี้นะครับซีพีได้ทำธุรกิจทางด้านอาหารครอบคลุมแล้วก็ครบวงจร ในการทำธุรกิจด้านอาหารครอบคลุมและครบวงจร ถ้ามองในแง่มุมของธุรกิจเพราะสามารถทำได้ทั้งเรื่องส่งออกเอารายได้เข้าประเทศและสามารถจำหน่ายในประเทศไปที่ผู้คนมากมายได้อย่างมหาศาลโดยมีช่องทางในการจัดจำหน่ายอย่างเซเว่นอีเลฟเว่น ยังมีซีพีเฟรชมาร์ท และสิ่งที่ท่านผู้ชมได้เห็นแผงไก่ย่างห้าดาว และแผงอื่นๆ ที่ติดตราซีพีกระจายอยู่ทั่วประเทศ

 

 

ถ้าเป็นบริษัทปกติธรรมดาต้องถือว่าน่าสนับสนุน แต่ประวัติของซีพีเรียกว่าตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา ความร่ำรวยของซีพีอยู่บนความเสียหายของประเทศชาติเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ผมเรียนแล้วก็จำไม่เคยลืม ก็คือการส่งเสริมการทำนากุ้ง เป็นต้น ซีพีส่งเสริมการทำนากุ้ง ดูแล้วไม่ใช่ความผิดซีพีหรอกครับในการส่งเสริมให้ทำนากุ้งในพื้นที่ชายฝั่งทะเลทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน พื้นที่ที่จะทำนากุ้งได้เป็นพื้นที่ป่าชายเลน พื้นที่ป่าชายเลน เป็นพื้นที่แหล่งเพาะพันธุ์แหล่งอาหารของธรรมชาติที่สั่งสมเอาไว้ แต่ปรากฏว่าซีพีไปส่งเสริมให้เกษตรกรที่อยู่ริมฝั่งชายเลยทั้งหลายเลี้ยงกุ้ง เกษตรกรเลี้ยงกุ้งไป ไม่เกิน 3 ปี ปรากฏว่าสภาพของดินซึ่งถูกสารเคมีจากอาหารกุ้งและยารักษาโรคกุ้ง ก็จะกลายให้ดินกลายมาเป็นดินเค็ม เมื่อเป็นดินเค็มเกษตรกรจะทำยังไงละครับ ก็บุกร้างถางป่าชายเลนเพิ่มไปเรื่อยๆ ระยะเวลากว่า 10 ปี ป่าชายเลนทั้งชายฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามันหายนะพินาศไปครึ่งหนึ่ง ต้องทำการรณรงค์และทำการเร่งปลูกป่าขึ้นมาใหม่ถึงกลับมาเป็นสภาพเดิมเหมือนกับทุกวันนี้

 

 

หลังจากนั้นซีพีทำยังไงต่อ มาส่งเสริมให้มาเลี้ยงกุ้งในน้ำจืด โดยเอาน้ำกร่อยมาเป็นเชื้อในการเลี้ยงกุ้ง ปรากฏว่า นาที่สุพรรณบุรี อยุธยา และฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในละแวกที่สามารถขนน้ำกร่อยไปได้หายนะพินาศสิ้น เหตุผลเพราะอะไรครับ เพราะชาวนาเอานาที่เคยทำ คิดว่าได้รายได้เดือนละไม่เท่าไหร่ มาทำนากุ้ง ปีแรกรวย ปีสองรวย ปีสามหายนะเจ๊งหมด แฟนข่าวทีนิวส์ที่อยู่ในพื้นที่สุพรรณบุรี อยุธยา ฉะเชิงเทราและทำนากุ้งในยุคสมัยนั้น ชัดเจนมาก จนนายกรัฐมนตรีขณะนั้นนายชวน หลีกภัย ได้สั่งหยุด พอสั่งหยุดซีพีไม่มีความหยุดยั้งอยู่แค่นั้นนะ ทำการวิจัยและก็พัฒนาพันธุ์กุ้งที่เคยเลี้ยงในน้ำกร่อยมาเลี้ยงในน้ำจืดได้ ยังเจอเหมือนเดิม เจอตรงที่อาหารกุ้งและยารักษาโรคกุ้งมันเป็นสารเคมีลงไปดินยังเค็มเหมือนเดิม เลี้ยงกันไปปีที่สี่เจ๊งกันระเนระนาด นี่คือพฤติกรรมที่ยกให้เห็น

 

 

นี่คือแนวคิดและการดำเนินธุรกิจของซีพีต่อมาหลังจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์เปิดนโยบายจำนำข้าวขึ้น เบอร์หนึ่งของซีพีชื่อเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ เสนอนโยบายสองสูง ซื้อให้สูง ขายให้สูงเดี๋ยวมันก็ดีเอง เจ๊งกันระเนระนาด มีคนถามเจ้าสัวซีพีกลับไป เจ้าสัวซีพีก็มีคำตอบนะ ไม่ใช่ไม่มีคำตอบนะ เพราะกระแสจำนำข้าวตอนนั้นมันมาแรง มาแรงตรงที่ว่าผู้ค้าข้าวในประเทศมีปัญหา ผู้ส่งออกข้าวบอกว่าเหนื่อยเหลือเกิน จากประเทศไทยที่เคยส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งต้องถอยมาให้เวียดนามกลายมาเป็นผู้นำ ไทยถอยมาเป็นอันดับสามอันดับสี่ไป เจ้าสัวธนินท์ ก็ออกมาเปิดประเด็นเลย คำว่าเปิดประเด็นคือออกมาเชียร์รัฐบาลยิ่งลักษณ์นะครับ บอกว่า ไม่มีประเทศไหนที่เขาไม่ช่วยเกษตรกร

 

 

ยุคล : ซึ่งเราจะต้องช่วยให้ชาวนามีรายได้ดี ไม่ใช่เราไปแข่งเป็นที่หนึ่งของตลาดข้าวโลก เราควรแข่งเป็นที่หนึ่งให้เกษตรกรมีความร่ำรวยดีกว่า เชื่อว่าทั้งสองวิธีจะช่วยลดผลขาดทุนได้แน่และจะมีกำไรด้วยซ้ำถ้ารัฐบาลทำเป็นเพราะเมื่อไทยขายข้าวออกไปมาก ผลผลิตในสต็อกก็ลดลง หรือการนำข้าวไปแลกรถไฟฟ้ากับจีน ผลผลิตข้าวในตลาดลดลงขาดตลาด ราคาข้าวจะสูงขึ้น

 

 

สนธิญาณ : ปี 56 นายธนินท์ ก็ออกมาพูด ตอนนั้นผู้ส่งออกเริ่มออกมาโวยวาย ต้องเรียนอย่างนี้ว่าข้าวพออยู่ในตลาดโลกกิโลละ 11-12 บาท สีเป็นข้าวสารก็เป็น 18-19-20-21-22 ก็ว่าไป เรียนท่านผู้ชมแบบนี้นะครับ จริงๆ มันมีสูตรอยู่ราคาข้าวเปลือกกับข้าวสารสีแล้วมันจะเหลือครึ่งนึง แต่จริงๆ มันยังมีนะปลายข้าวสาร มีรำหยาบ รำละเอียดที่ขายได้นะมันก็มากกว่าครึ่งขายได้ แต่เราคิดเอาง่ายๆ ให้เห็นว่ามันครึ่งต่อครึ่ง เพราะฉะนั้นประเทศไทยผลิตข้าวเปลือกปีหนึ่งประมาณ 36-37-38 กว่าล้านตันขึ้น และพุ่งพรวดขึ้นตอนจำนำข้าว ถีบตัวอย่างทะลุทะลวง เพราะว่ารัฐบาลรับจำนำข้าวทุกเม็ดในราคาตันละ

 

 

ยุคล : 1.5 หมื่นบาท

 

 

สนธิญาณ : ข้าวทุกเม็ดมาเลย ปีแรกรับหมดเลย พอปีสองไม่รับแล้ว เพราะอะไรครับ เพราะในทางปฏิบัติชาวนาเริ่มไปปลูกข้าวไร้คุณภาพ ข้าวเบาสามเดือนออกเพื่อรีบเอามาจำนำ เรียกว่าทำลายระบบการผลิตจากแนวนโยบายจำนำข้าว ก็ปรากฏว่าการรับจำนำข้าว ย้ำนะครับในกิโลละ 15 บาท ถ้าไปสีเป็นข้าวสารมันเท่ากับต้นทุนข้าวสารกิโลละ 30 บาท ในช่วงระยะเวลารัฐบาลยิ่งลักษณ์ดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว ผมถามว่า คนไทยกินข้าวขาวธรรมดากิโลละ 22-27 บาท แล้วแต่ตามคุณภาพข้าว ถ้าคนไทยกินข้าวราคา 22-27 แสดงว่าบริษัทค้าข้าวจะต้องไปซื้อข้าวเปลือกมาสีในราคากิโลละ 11-12 บาทเท่านั้น เป็นอย่างอื่นไม่ได้ครับ แล้วถ้าบริษัทพวกนี้ไปซื้อข้าวในราคา 11-12 บาทมา ชาวนาขายไหม ไม่ขาย เอาไปจำนำได้เท่าไหร่ ได้ 1.5 หมื่นบาท 1 ตันเท่ากับพันกิโล กิโลละ 15 บาท จึงเป็น 1.5 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเอาไปสีถ้าเป็นข้าวสารกิโลละ 30 บาท ลดทอนว่าขายรำ ขายข้าวเปลือก ก็กิโลละ 27-28 บาท แล้วพ่อค้ามาขายข้าวในราคานี้ พ่อค้าไปซื้อข้าวมาจากไหนอยากจะทราบ

 

 

เมื่อข้าวทุกเม็ดรับจำนำอยู่ในโกดังรัฐบาลทั้งสิ้น เรามาดูต่อครับ เดี๋ยวจะได้เห็นว่าจากนายธนินท์ มาสนับสนุนนโยบายยิ่งลักษณ์แล้วผมเรียนเลยนะครับ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกวันที่เอาบริษัทในเครือซีพีมาใช้ เชียร์ก็เชียร์นะครับ แต่บริษัทเหล่านี้ไม่มีความจริงใจต่อประเทศชาติ คิดแต่ผลประโยชน์คิดแต่เรื่องธุรกิจของตัวเอง แล้วถ้าตามลึกลงในเรื่องของทุจริตจำนำข้าวตามประเด็นที่ผมว่ามันจะเห็นชัดว่าบริษัทค้าข้าวทั้งหลายซึ่งซีพีเป็นหนึ่งในบริษัทเหล่านั้นเอาข้าวจากไหนมาขาย นี้คือประเด็นคำถามที่จะต้องหาคำตอบ เพราะข้าวทุกเม็ดไปจำนำอยู่ในโกดังรัฐและรัฐไม่ได้ขายออกมาเลย นอกเหนือจากเอาไปขายตามนโยบายจีทูจี ทำไมรัฐไม่ได้ขายมาเลยละครับท่านผู้ชม เหตุผลเพราะอะไร ถ้าขายก็ขาดทุน ถ้ารัฐมาขายก็ขาดทุน เพราะรัฐจำนำมาแล้วกิโลละ 15 ไปสีไปทำนู้นกิโลละ 30 ถ้าขายออกมาต้องมากกว่ากิโลกละ 30 หรือ 30 เท่าทุน ใครจะซื้อ ตลาดโลกก็ไม่ซื้อ คนบริโภคเหรอ ไม่ซื้อหรอก

 

 

คนบริโภคจะทำไงซึ่งมีจำนวนมากกว่าชาวนาก็จะลุกขึ้นมาไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เพราะทำไมข้าวมีราคาแพง นี่เป็นตรรกะทั่วไปก่อนนะ แล้วบริษัทพวกนี้เอาข้าวจากไหนมาขาย เคยเห็นภาพไหมครับ ที่โกดังข้าวไปทำเอาเหล็กเชื่อมไว้ข้างในเป็นสต็อกลมชัดไหมครับ ข้าวที่หายไปเหล่านั้นแหละครับคือข้าวที่ออกมาขายให้ประชาชนได้บริโภค คือข้าวที่เอามาขายตามนโยบายจีทูจี แต่ไม่ได้จีทูจีไปที่จีนจริง

 

 

ยุคล : เวียนอยู่ข้างในประเทศ

 

 

สนธิญาณ : ถามว่ามาเวียนผ่านใคร เวียนผ่านใคร ก็ต้องผ่านบริษัทค้าข้าว บริษัทค้าข้าวในประเทศมีเยอะ มันต้องถามว่าคุณไปเอาข้าวจากไหนมาขาย

 

 

ยุคล : ในเมื่อข้าวแทบทั้งหมดอยู่ที่โกดังรัฐบาล

 

 

สนธิญาณ : มีข้าวๆ หนึ่งครับดังมาก อยู่ในตลาดข้าวชื่อข้าวตราฉัตร

 

 

ยุคล : หลายคนน่าจะรู้จักดี

 

 

สนธิญาณ : เพราะเป็นข้าวที่โด่งดัง เป็นสินค้าที่เป็นธงนำของ

 

 

ยุคล : บริษัทซีพีอินเตอร์เทรดจำกัด และบริษัทข้าวซีพีจำกัด

 

 

สนธิญาณ : ข้าวตราฉัตรส่งออกไป ร้อยกว่าประเทศนะด้วยมาตรฐานและสินค้าเดียวในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้ความสำคัญตั้งแต่การคัดสรรคุณภาพ ผมถามจริงๆ ข้าวตราฉัตรเป็นของซีพีคนบริหารบริษัทซีพีอินเตอร์เทรด จำชื่อให้ดีนะครับ ชื่อนายสุเมธ เหล่าโมราพร เป็นผู้บริหารซีพีอินเตอร์เทรด เป็นผู้ขายข้าว ตราฉัตร ซึ่งอ้างว่ามีโรงสีบุรีรัมย์ โรงสีกำแพงเพชร โรงสีสุพรรณบุรี และโรงสีพันธมิตร 30 โรง คำถามตอนที่จำนำข้าวโรงสีเหล่านี้ ไปซื้อข้าวมากกว่าราคา 15 บาท ชาวนาจึงมาขายให้โรงสีในเครือของซีพีอินเตอร์เทรดเพื่อมาขายต่อใช่หรือไม่ ถ้าใช่บริษัทซีพีหรือข้าวตราฉัตร ยอมขายข้าวราคาต่ำกว่าทุน น่าสรรเสริญยกย่อง น้ำตาจะไหลออกมาเป็นสายเลือด เพราะมันสวนกับความเป็นจริงที่ซีพีได้ประพฤติปฏิบัติกับประเทศนี้อยู่ ต้องไปตามกับโรงสีพวกนี้ว่าไปซื้อข้าวจากไหนมาสี จำหน่ายเท่าไหร่ จ่ายภาษีเท่าไหร่ ปริมาณค้าขายของบริษัทซีพีอินเตอร์เทรดในการค้าข้าวในปีนั้นทำยังไง

 

 

เรียน พล.อ.ประยุทธ์ แบบนี้นะครับ ถ้าไม่สอบสวนทวนความนะ ที่ท่านไปยืนประกาศอยู่ที่ท้องสนามหลวงปราบโกงเนี่ยครับ มันปราบแต่ข้าราชการไม่ได้ มันเหมือนคนที่มาติดสินบนราชการ มันถึงต้องโดนภาคเอกชน วันก่อน ป.ป.ช.ลงโทษคุณสรยุทธ วันนี้จะต้องมีส่วนราชการไปตามติดว่าดูนอกเหนือจากบริษัท เสี่ยเปี๋ยง มีใครที่มาซื้อข้าวและเอาไปขายแบบข้าวตราฉัตรหรือไม่ นายสุเมธ เหล่าโมราพร ได้มาเป็นพยานให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

 

 

ยุคล : โดยอ้างว่าโครงการรับจำนำข้าวได้ประโยชน์กับชาวนาและยังไม่มีผลต่อการส่งออกข้าวไทย    สวนทางกับข้อเท็จจริงก่อนหน้าจากสมาคมส่งออกข้าวไทย ที่ยืนยันผลกระทบจากโครงการรับจำนำข้าวในหลายระดับ โดยเริ่มต้นคำให้การนายสุเมธ ในฐานะผู้บริหารในเครือซีพีได้ปฏิเสธถึงความสัมพันธ์เชิงเครือญาติกับอดีตรัฐมนตรีและแกนนำในพรรคเพื่อไทย ( วัฒนา  เมืองสุข  ) โดยอ้างว่าทราบเพียงแค่มีอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งแต่งงานกับบุตรของผู้บริหารระดับสูงในเครือซีพี และมีบุตรของผู้บริหารระดับสูงในเครือซีพีบางรายเข้ามาทำงานให้กับรัฐมนตรีในสมัยพรรคไทยรักไทย

 

 

นอกจากนี้นายสุเมธยังยืนยันว่าเครือซีพีไมได้ประโยชน์จากโครงการนี้    ทั้งการสร้างรายได้จากงบอุดหนุนซื้อผลิตภัณฑ์ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ  ในเครือซีพี รวมทั้งยังปฏิเสธว่า เครือซีพีไม่ได้มีการกักตุนสต็อกข้าวไว้ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยหาเสียง   ก่อนนำมาขายในราคาแพง  แต่การซื้อข้าวของเครือซีพีเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงพาณิชย์   เพื่อให้บริษัทมีสต็อกประมาณ 2-3 แสนตัน  เพื่อรองรับการคงปริมาณข้าวในสต็อกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับการส่งออกข้าวปีละประมาณ 1 ล้านตันเศษ

 

 

ส่วนนโยบายรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์   ส่วนตัวเมองเป็นเรื่องปกติ เพราะนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองหลายพรรคขณะนั้น ต่างก็เน้นถึงนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรทำให้ราคาสินค้าเกษตรแพงขึ้นอยู่แล้ว ไม่ใช่มีแต่พรรคเพื่อไทยพรรคเดียวจึงไม่เกี่ยวกัน ส่วนประเด็นที่บริษัทในเครือซีพีที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรได้รับประโยชน์หรือไม่ คงตอบแบบนั้นไม่ได้ แต่ว่าสินค้าขายได้มากขึ้น แต่ไม่ทราบว่ามีกำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ อย่างไร

 

 

นอกจากนี้ นายสุเมธ ผู้บริหารเครือซีพี และอีกสถานะหนึ่งคือ ผู้ผลิตและจำหน่าย “ข้าวตราฉัตร” ยังให้ข้อมูลว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือชาวนา  ทำให้ชาวนามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังนั้นการจำนำข้าวจึงต้องมีราคาแพงกว่าตลาด และไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้อันดับการส่งออกข้าวไทยลดลง แต่กลับทำให้การขายข้าวในตลาดโลกของไทยได้ราคาสูงขึ้นด้วย ซึ่งหากคิดตามต้นทุนการผลิต ทำให้ชาวนาไม่เป็นหนี้สินล้นพ้นจนหมดตัว

 

 

สนธิญาณ : คุณสุเมธ ครับ ผมก็จะถามว่าข้าวตราฉัตรรวมทั้งบริษัทค้าข้าวทั้งหลายไปเอาข้าวมาจากไหน ไปหาคำตอบมาด้วย เพราะไม่มีทาง รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้ขายข้าวออกมาเลย สต็อกค้างอยู่นั่น มีข้าวเน่า ข้าวเสีย เสียหายไม่รู้กี่ล้าน ต้องทำนู้นทำนี้สารพัด ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มาแก้ไขปัญหาอยู่ เพราะข้าวไม่ได้ออกมาขาย ส่วนที่ขายและที่บอกต้องติดตามจีทูจีที่ออกมามันไปที่บริษัทไหนบ้าง นอกจากบริษัทเสี่ยเปี๋ยงแล้วเนี่ยนะครับ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต้องคิด ท่านได้รับแรงสนับสนุนจากคนไทย แต่ก็ต้องระมัดระวังกลุ่มทุนทั้งหลายโดยเฉพาะทุนผูกขาดที่ไปอาศัยโครงการประชารัฐเชื่อมโยงกับรัฐมนตรีหรือคนในคณะรัฐบาลเพื่อให้เกิดกระบวนการทางธุรกิจในการจะฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ แต่ความจริงมันฟื้นฟูไม่ได้หรอกครับ เพราะเวลาพูดเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจซีพีเข้าไปร่วมด้วยทุกครั้ง ตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มาจนถึงรัฐบาลนี้ และสิ่งที่เราได้เห็นก็คือความเสียหายของประเทศครับ

 

 

ยุคล : เอาละครับคุณผู้ชมครับ นี้ก็เป็นการปิดท้ายสำหรับประเด็นยุคลถามตรงสนธิญาณฟันธงตอบประจำค่ำคืนนี้วันนี้มี 2 เรื่องนะครับ เรื่องแรกก็คือจากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ให้คดีมาตรา 112 รวมไปถึงอีกหลายส่วนกลับเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมตามปกติ พี่ต้อยก็ฝากไว้นะครับว่า ต่อให้จะผ่อนปรนในส่วนนี้เพื่อกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ แต่ต้องเด็ดขาดและจริงจังในการปราบปรามขบวนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 112 แล้วก็มาปิดท้ายกันที่ประเด็นของซีพีคุณสุเมธ ที่วันนี้เข้าไปเป็นพยานฝ่ายจำเลย หรือไปเป็นพยานให้กับคุณยิ่งลักษณ์ ในคดีโครงการรับจำนำข้าวก็พูดย้อนทวนไปถึงปัญหาในอดีตและตั้งคำถามสำคัญที่รัฐบาลหรือว่าคนไทยทั้งประเทศต้องช่วยกันค้นหาคำตอบว่าข้าวตราฉัตรของซีพีในยุคสมัยของโครงการรับจำนำข้าวไปเอาข้าวจากไหนมาผลิตแล้วก็ขาย วันนี้หมดเวลาของผมแล้วก็พี่ต้อยแล้วนะครับ เราจะกลับมาพบอีกครั้งวันจันทร์หน้า วันนี้ลาไปก่อนสวัสดีครับ

 

 

สนธิญาณ : สวัสดีครับ(จบช่วงสุดท้าย)