ประวัติ หลวงปู่โง่น โสรโย

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th

 

หลวงพ่อโง่น โสรโย

วัดพระพุทธบาทเขารวก อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร โดย ทองทิว สุวรรณทัต

จาก หนังสือโลกลี้ลับ ฉบับที่ ๔๘ ปีที่ ๕ ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๓๑

ประวัติ หลวงปู่โง่น โสรโย

หลวงพ่อโง่น โสรโย เดิมท่านชื่อ ทองสุก นามสกุล สิงหเสนี

                บิดาชื่อ ทองอุ่น สิงหเสนี เป็นนักเรียนเก่าประเทศฝรั่งเศส เมื่อชาวฝรั่งเศสมาเป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งค้าไม้ซุงจากเอเชียไปยุโรป บิดาของท่านจึงทำหน้าที่ควบคุมการทำไม้ ทั้งล่องแพไม้สักจากเหนือมากรุงเทพฯ และก็ด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงบอกแก่ผู้เขียนว่า

อาตมาไม่มีบ้านเกิด เพราะเกิดบนแพ ขณะที่พ่อล่องมาในแม่น้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชร

หลวงพ่อโง่นเกิดปี พ.ศ.2446 แต่วันที่เท่าไหร่เดือนอะไร ท่านจำไม่ได้ ท่านพูดถึงบิดาของท่านว่า

พ่อของอาตมาเป็นคนดี ไปที่ไหนมีเมียที่นั่น ท่านอยู่กรุงเทพฯ ก็มีเมียกรุงเทพฯ เขาส่งไปทำงานที่เวียดนาม ก็ได้คนแกวเป็นเมียอีกคน ไปอยู่ประเทศลาวก็ได้เมียลาว ท่านเป็นหัวหน้าล่องแพไม้สักจากเชียงใหม่ไปปากน้ำโพ ท่านก็ได้เมียชาวเชียงใหม่อีกคนหนึ่ง แล้วมาได้ที่เมืองตากอีกคนหนึ่ง

อาตมาก็เลยปลงตกเมื่อเห็นสภาวะความเป็นอยู่ของท่าน ก็น่าสมเพชเวทนา ไม่รู้ว่าจะเอาใจเมียคนไหนกันแน่

แม่ของอาตมานั้นเป็นคนพวน อยู่บ้านหมี่ ลพบุรี นี่เอง พอลูกออกบวช โยมแม่ก็นุ่งขาวห่มขาว บวชชี จนสิ้นชีวิตในขณะที่ก้มลงกราบพระ

ส่วนโยมพ่อนั้นเมื่อชราแล้ว ท่านก็ตัดได้เหมือนกัน ท่านสิ้นชีวิตไปนานแล้วโยม

วัยเด็กในต่างแดน

 

              จากพระภิกษุที่มีลักษณะเป็นพระบ้านนอก แต่พูดจาฉะฉานนั้น ใครเลยจะคิดว่า หลวงพ่อโง่น โสรโย จะใช้ชีวิตท่องเที่ยวไปทั่วยุโรปมาแล้ว ทั้งสำเร็จปริญญาวิศวกรรมจากประเทศฝรั่งเศส และผ่านวิทยาลัยของญี่ปุ่นอีกด้วย !

 

ทั้งนี้จากคำบอกเล่าของท่าน

 

“อาตมาเมื่อครั้งเป็นเด็กได้ติดตามคุณพ่อที่เป็นข้าหลวงใหญ่ประจำอินโดจีนไปประเทศเวียตนาม 2 ปี แวนคูเวอร์ 2 ปี เมืองนี้อยู่ในประเทศแคนาดา

 

ต่อจากนั้นก็ไปอยู่โฮโนลูลู 2 ปี แล้วท่านก็พาไปอยู่ฝรั่งเศสเลย ท่านไปเป็นเลขาธิการสภาคองเกรส

 

เดิมทีท่านเห็นอาตมาเป็นเด็กที่ขยันขันแข็ง ท่านก็เลยขอเป็นบุตรบุญธรรม แล้วก็ไปอยู่โมนาเวีย ซัดเซพเนจรไปสแกนดิเนเวีย ไปเรียนหนังสือกับโป๊ปองค์ปัจจุบันนี้ ท่านเป็นชาวโปล สมัยนั้นอาตมานับถือศาสนาคริสต์”

 

เลิกคริสต์มานับถือพุทธ

 

            เหตุที่หลวงพ่อโง่นจะหันมานับถือพุทธศาสนานั้น ท่านเล่าให้ฟังว่า อาตมาไม่ได้บวชเพราะความเลื่อมใสหรอก การบวชนี่มาจากสาเหตุหลายอย่าง มีบวชเพราะเพื่อน บวชเพราะมิตร บวชเพราะเบื่อหน่าย บวชเพราะคลายกำหนัด บวชเพราะไม่ขัดสกุล บวชเพราะหวังในลาภ ในสมัยพระพุทธเจ้าท่านบวชอย่างนั้น แต่เดี๋ยวนี้ อุปชีวิกา บวชมาเพื่อหากิน อุปชีวิกา บวชเล่น บวชพอได้บุญ ฯลฯ

            อาตมาไม่ได้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก่อนเลย จนอยู่มาวันหนึ่ง ไปเจอะพระเข้าองค์หนึ่ง พระองค์นี้เป็นพระผู้ใหญ่ เป็นเพื่อนกับสำเร็จลุน เมืองเหนือประเทศลาว ท่านพูดภาษาฝรั่งเศสเก่ง ท่านมาปักกลดซอมซ่ออยู่ที่วัดบรมนิวาส พวกสาว ๆ เขาเลื่อมใส

แม่เล็ก ล่ำซำ ก็เป็นคนหนึ่งที่เลื่อมใสท่าน เดี๋ยวนี้เขาแก่แล้ว เขามา ชวนอาตมาว่า “พี่ ๆ ไปกราบพระ ด้วยกันไหม ?” อ้ายเราก็นับถือศาสนาคริสต์อยู่ ก็เลยเอาไม้กางเขนซ่อนไว้ในอก

พระองค์นี้ชื่อ หลวงพ่อวัง จิตฺตวโร

ซึ้งใจในธรรม

พออาตมาเข้าไปถึง ท่านก็ชี้หน้าว่า “นี่ถือศาสนาคริสต์ใช่ไหม ?”

 

แล้วท่านก็บอกเลยว่า “ถือศาสนาคริสต์ก็ดี ไม่มีเครื่องหมายในศาสนาใดดียิ่งไปกว่าศาสนาคริสต์ ศาสนาคริสต์เขามีเครื่องหมายบวก ถ้าเรามองคนในแง่บวกแล้วใจจะสบาย”

 

ท่านสอนนะ “ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเรามองในแง่บวกแล้วใจจะสบาย อย่าง สามีไปมีเมียน้อยนี่ ถ้าภรรยามองในแง่บวก แหม! แฟนเรานี่ยอดจริง ๆ ใจก็สบาย เออ...นี่ลูกมีคำถามอยู่ในกระเป๋าเสื้อของลูก ทำไมไม่ดึงเอาขึ้นมาถาม หลวงพ่อ ล่ะ”

อ้ายเราก็กำลังจะควักออกมา อาตมาเขียนไว้อย่างนี้ โยม เขียนไว้ว่า

1. ศาสนาพุทธทำไมจึงถือวันพระ ในวัน 8 ค่ำ 15 ค่ำ จะเอาวันอื่นไม่ได้หรือ ?

2. ศาสนาพุทธมีการล้างบาปหรือเปล่า ?

3. ศาสนาพุทธเป็นศาสนาจริง หรือเป็นปรัชญา ?

ปัญหาเหล่านี้อาตมาไปถามพระ องค์ไหนก็โดนด่ากลับมา แต่หลวงพ่อองค์นี้ท่านอธิบายให้อาตมาฟังว่า

ศาสนาพุทธมิใช่ศาสนาอย่างแท้จริงตามหลักวิชาการแผนใหม่ ศาสนาที่แท้จริงจะต้องมีพระผู้เป็นเจ้า และศาสนาพุทธก็มิใช่ปรัชญา ปรัชญาต้องมีเจ้าของ อย่างปรัชญาของท่านเพลโต้ ของท่านฟูโซ่ ของท่านกงจื๊อ อันนี้เป็นปรัชญา

พระพุทธศาสนาไม่มีเจ้าของ พระพุทธเจ้าไม่ได้เป็นเจ้าของพระพุทธ ศาสนา โลกทั้งโลกเป็นเจ้าของ พระพุทธศาสนาเป็นของเราทุกคน พระพุทธเจ้าท่านค้นพบของจริงที่มีอยู่ในคน ที่มีอยู่ในโลก แล้วนำมาสอนคนอีกต่อหนึ่ง ดังนั้นศาสนาพุทธจึงอยู่ในระหว่างกลาง ทั้งปรัชญาและศาสนา

พระพุทธเจ้าค้นพบทุกข์ ท่านค้นพบสมุทัย ท่านค้นพบนิโรธ ท่านค้นพบมรรค ซึ่งทุก ๆ คนมีด้วยกันหมด มันมีมาก่อนแล้ว ท่านค้นพบจึงมาสอนคนอื่น

ฉะนั้น ศาสนาพุทธจึงมิใช่ศาสนา และมิใช่ปรัชญา อยู่ในระหว่างกลาง ลูกเอ๋ย... จำไว้