ร.9 คือพระโพธิสัตว์ผู้จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

รายการยุคลถามตรงสนธิญาณฟันธงตอบ ค่ำคืนประจำวันเสาร์ที่ 22 ต.ค. 2559 คุณผู้ชมยังคงอยู่กับผม ยุคล วิเศษสังข์ เช่นเดิม เนื่องจากว่าขณะนี้ประเทศไทยของเราอยู่ในช่วงเวลาของการไว้อาลัย และรำลึกถึงพระมหากรุณา

 

 

 

ยุคล : สวัสดีครับต้อนรับคุณผู้ชมเข้ามาในช่วงเวลาของรายการยุคลถามตรงสนธิญาณฟันธงตอบ ค่ำคืนประจำวันเสาร์ที่ 22 ต.ค. 2559 คุณผู้ชมยังคงอยู่กับผม ยุคล วิเศษสังข์ เช่นเดิม เนื่องจากว่าขณะนี้ประเทศไทยของเราอยู่ในช่วงเวลาของการไว้อาลัย และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รายการของเราในวันนี้ตามที่รับปากกับคุณผู้ชมเอาไว้ว่า เราจะมาลงรายละเอียดและให้ข้อมูลความรู้กับคุณผู้ชม อันสืบเนื่องมาจากห้วงระยะเวลาที่ผ่านมาครูบาอาจารย์ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นั้นเป็นพระโพธิสัตว์ และภายหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็ได้ออกมาตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เปรียบเสมือนพระโพธิสัตว์ด้วย ก่อนอื่นเราไปพบกับคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ตอนนี้พร้อมเจอกับคุณผู้ชมแล้ว สวัสดีครับคุณสนธิญาณ

 

 

สนธิญาณ : สวัสดีครับคุณยุคล

 

 

ยุคล : วันนี้ก่อนจะเข้าสู่ช่วงของรายการ อยากจะให้คุณสนธิญาณได้สื่อสารไปยังคุณผู้ชมทางบ้านในห้วงเวลาแห่งการไว้อาลัยและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านครับ

 

 

สนธิญาณ : ผมอยากจะเรียนอย่างนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. เป็นต้นมา ถึงวันนี้ก็ 10 วัน คนไทยอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นปกติธรรมดาเป็นอย่างยิ่งที่เราคนไทยทุกคนจะต้องเศร้าโศกเสียใจ ผมเองตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. เป็นต้นมา ก็ได้เชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยว่าจะต้องแปรเปลี่ยนความเสียใจเป็นการบำเพ็ญบุญ ในทางพระพุทธศาสนาเราจะเรียกการบำเพ็ญบุญว่า บุญกิริยาวัตถุ 10 ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อให้เกิดบุญรวมทั้งสิ้น 10 ประการ ด้วยกัน แต่ถ้าแบ่งเป็นหมวดใหญ่ๆ เป็น 3 หมวดนะครับ กับ 1 หลักการ อยากจะใช้คำอย่างนี้ 3 หมวดใหญ่ๆ ก็คือหมวดของทาน ศีล ภาวนา หนึ่งหลักการก็คือหลักการที่จะต้องยึดมั่นเชื่อมั่นว่าพระพุทธเจ้ามีจริง กฎแห่งกรรมมีจริง บาปบุญมีจริงซึ่งเราเรียกหลักการอันนี้ว่าเป็นสัมมาของความคิด เป็นความคิดที่ถูกต้อง

 

 

บุญกิริยาวัตถุ 10 ในกลุ่มของทาน จะมีอยู่ 3 ข้อ หนึ่งก็คือการให้ทาน ไม่ว่าต่อพระสงฆ์ ต่อผู้คนธรรมดาหรือการแจกจ่ายทรัพย์สินหรือสิ่งที่เรามี นี่เรียกว่าการให้ทาน อันที่สองเมื่อให้ทานไปแล้วก็คือการอุทิศให้กับผู้ที่ล่วงลับผู้มีพระคุณและสรรพสัตว์ทั้งหลาย อันที่สามก็คือการอนุโมทนา เห็นให้ทำบุญเราก็อนุโมทนาสาธุ ถัดมาก็คือศีล ก็มีอยู่ 3 ข้อ ก็คือการต้องรักษาศีลไม่มีแยกเป็นข้อหรอกครับ ศีลในความหมายอันนี้ก็คือการที่จะต้องตั้งมั่นในจิตใจที่จะไม่เบียดเบียนผู้อื่นทั้งกาย วาจา ใจ ศีลในข้อที่สองหมายความว่าการทำจิตใจของตัวเองให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ข้อที่สามในหมวดของศีลก็คือการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี หน้าที่ที่มีต่อพ่อต่อแม่ ต่อบุตร ภรรยา ต่อผู้บังคับบัญชา ต่อผู้ใต้บังคับบัญชา ต่อสังคมต่อประเทศชาติ และในที่นี้หมายถึงต่อพระเจ้าอยู่หัวฯ นั่นก็คือศีล 3 ข้อ ส่วนภาวนาอีก 3 ข้อ นั่นก็คือการทำสมาธิ ปฏิบัติ ภาวนา ซึ่งแยกเป็น 3 อย่าง ก็คือภาวนาสมถ กับภาวนาแบบวิปัสสนา

 

 

ถัดมาก็คือการฟังเทศน์หรือการอ่านหนังสือธรรมะ ถัดมาก็คือการเผยแพร่หรือพิมพ์หนังสือธรรมะหรือวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด นี่รวมเป็น 9 ข้อ สุดท้ายคือสัมมาทิฐิ อันเป็นหลักการใหญ่ เหมือนที่ผมได้เรียนไว้แล้ว เพราะถ้าเราได้พิจารณาเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่าบุญกิริยาวัตถุ 10 บุญในความหมายของพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องที่กระทำได้ง่ายถ้าเราเข้าใจ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องตักบาตรทำบุญเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าพวกเราคนไทยน้อมใจกันปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา ตามบุญกิริยาวัตถุ 10 ซึ่งเป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้ง่ายและส่งผลบุญไปถึงพระองค์ท่าน นี้จะเป็นสิ่งเราได้ตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านมีต่อเรา ดีกว่าเรามานั่งเศร้าโศกเสียใจฟูมฟายหรือทำจิตใจให้ร้อนรุ่มแต่เพียงอย่างเดียว นำพาใจสู่ความสงบ บุญเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

ส่วนเรื่องที่พระองค์ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ไม่ได้หมายความว่าอยู่ๆ ผมหยิบยกมาเองหรือเราได้หยิบยกขึ้นมาเพื่อหวังจะเชิดชูพระองค์ท่าน ไม่ได้หมายความอย่างนั้น การปฏิบัติธรรมตามพระพุทธศาสนา ปฏิบัติอย่างลึกซึ้งแล้วจะเกิดญาณหรือองค์ความรู้ขึ้น นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดา ญาณและองค์ความรู้ที่สำคัญเบื้องต้นได้แก่ ญาณที่เป็นองค์ความรู้ต่ออดีต ญาณที่เป็นองค์ความรู้ต่ออนาคตและถัดมาญาณที่เป็นองค์ความรู้ต่อความเป็นไปของสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่ว่ามนุษย์สัตว์ไหนมีสถานะความเป็นไปเหมือนกัน เพราะเป็นจิตวิญญาณอันหนึ่งเหมือนกัน แตกต่างกันตรงกรรมที่ได้กระทำ จำแนกแยกออกจากกัน เพราะฉะนั้นความรู้อันนี้ครูบาอาจารย์ที่ได้ปฏิบัติสมาธิภาวนาจนเกิดองค์ญาณแล้วเนี่ย ก็สามารถที่จะรู้ในสิ่งเหล่านี้ได้จึงทำให้มีครูบาอาจารย์ซึ่งคนไทยชาวพุทธเชื่อกันว่าเป็นพระอรหันต์ได้ประกาศให้ได้รับรู้กันว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่ลงมาโปรดมนุษยชาติ ไม่ใช่เฉพาะคนไทย แนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงในอนาคตต่อไปวันข้างหน้านอกเหนือที่จะให้คนไทยได้ใช้ปฏิบัติให้เกิดความสุขแล้วคนทั้งโลกจะหันมาศึกษาและเอาแนวทางนี้ไปใช้เป็นข้อปฏิบัติกันต่อไป

 

 

ยุคล : วันนี้หัวข้อที่เราจะนำมาพูดคุยกันกับคุณสนธิญาณก็คือรัชกาลที่ 9 พระโพธิสัตว์ผู้จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ก็อย่างที่คุณสนธิญาณบอกว่าไม่ใช่ประเด็นที่อยู่ๆ คุณสนธิญาณนำมาพูดเองเพราะในอดีตที่ผ่านมาก็มีครูบาอาจารย์หลายท่านเลยที่พูดออกมาเหมือนกันแบบนี้ อย่างเช่น หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เคยออกมาบอกว่า วันหนึ่งข้างหน้าในหลวงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งของโลก ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ปรารถนาพุทธภูมิ

 

 

อีกท่านหนึ่ง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ บอกว่า พระองค์ทรงมีกระแสจิตแรงมาก ฉันเองยังสู้ท่านไม่ได้ เรื่องปรารถนาพุทธภูมิ พระองค์ปรารถนามานาน แต่เวลานี้บารมีเป็นปรมัตถบารมี เหลืออีก 5 ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยไปแล้ว ไม่ใช่ไม่สำเร็จพุทธภูมิต้องบำเพ็ญกันมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็นวิริยะวิริยาธิกะ ต้องบำเพ็ญถึง 16 อสงไขยกำไรแสนกัป นี่เกิน 16 อสงไขยแล้ว แสนกัปอาจยังไม่ครบจึงต้องเกิดอีก 5 ชาติ นี่เป็นตัวอย่าง

 

 

สนธิญาณ : ก็ได้ยืนยันไว้อย่างชัดเจนว่าในหลวงพระองค์นี้ท่านเป็นพระโพธิสัตว์นะ นอกจากนั้นเพิ่มเติมหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ก็ได้เทศน์ให้ญาติโยมได้รับฟังว่า ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนาม เคยเป็นช้างนาฬาคิริง ส่วนในหลวงองค์ปัจจุบันเป็นช้างป่าเลไลยก์นะ ความหมายของช้างป่าเลไลยก์ ก็คือ พระโพธิสัตว์ นั่นก็คือพระชาติในอดีตที่เสวยอดีตพระชาติ ไม่เพียงเท่านั้น หลวงปู่ปู่สังข์ สังกิจโจ ก็เคยตอกย้ำเอาไว้กับญาติโยม นี้รูปพระเจ้าแผนดินเก็บดีๆเด้อนั่น เอาไว้ในห้องพระกราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้านะนั่น

 

 

ส่วนอีกองค์ก็รู้จักกันดี ก็คือ หลวงปู่บุญฤทธิ์ ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ นี้คือสิ่งที่ท่านยืนยัน พระโพธิสัตว์จะเป็นอย่างไร จะเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างงไร เดี๋ยวจะได้แจกแจงให้ฟังเพื่อที่จะให้คนไทยเราได้น้อมกราบบูชาพระองค์ท่านด้วยความเข้าใจ

 

 

ยุคล : เอาละครับคุณผู้ชม นี่คือเนื้อหาในเบรกที่หนึ่ง ต้องการแสดงให้เห็นก่อนว่า ครูบาอาจารย์ชื่อดังมากมายในประเทศไทยของเราที่เคยออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือพระโพธิสัตว์ และในเบรกหน้าคุณสนธิญาณจะมาให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าพระโพธิสัตว์คืออะไรและการที่พระโพธิสัตว์ปรารถนาพระพุทธภูมินั่นคืออะไร ตามต่อในเบรกหน้าช่วงนี้พักกันก่อนสักครู่เดียวครับ (จบช่วงที่หนึ่ง)

 

ยุคล : กลับเข้ามาในช่วงนี้เพิ่มเติมความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับประเด็นหรือว่าหัวข้อที่เราตั้งกันในวันนี้คือรัชกาลที่ 9 คือพระโพธิสัตว์ผู้จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ก่อนอื่นจะต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่า พระโพธิสัตว์นั่นคืออะไรและมีที่มาให้ไปอย่าง เดี๋ยวให้คุณสนธิญาณช่วยอธิบาย

สนธิญาณ : ก็ต้องเรียนแบบนี้นะครับ เพื่อจะได้ทำความเข้าใจ เพราะบางทีเราพูดถึงคำว่าพระโพธิสัตว์ ภาพรู้สึกนึกคิดของพี่น้องชาวไทย จะนึกถึงภาพของเจ้าแม่กวนอิม และก็จะตั้งคำถามว่านี่เป็นพุทธจริงๆ หรือเปล่า หรือเป็นพุทธในเถรวาทหรือเปล่า ก็ต้องเรียนทำความเข้าใจกันอย่างนี้นะครับ มันเป็นประเด็นเดียวกันกับที่ผมเรียนว่าเมื่อเวลาเกิดความสูญเสียขึ้น สิ่งหนึ่งที่เราต้องเรียนรู้ในการที่จะทำความเข้าใจว่านั่นไม่ใช่การดับสูญ นั่นคือการเปลี่ยนสถานะจากสถานะหนึ่งไปสู่อีกสถานะหนึ่ง ตามกฎแห่งกรรมที่พระพุทธเจ้าได้สอนเอาไว้ กรรมจะนำพาให้เราไปเกิดตามแต่สถานะในห้วงเวลาอายุของสถานะนั้นๆ ซึ่งสถานะที่จะนำพาเราไปเกิดอยู่ใน 6 ที่ด้วยกัน

ยุคล : หมายถึงว่าคุณสนธิญาณกำลังจะบอกว่าเมื่อเราเสียชีวิตไปแล้วมันยังไม่จบเท่านั้น

สนธิญาณ : ไม่จบ นี่คำสอนพระพุทธศาสนา และเป็นเรื่องที่เราจะต้องยึดมั่น เชื่อมั่น ตามสิ่งที่ผมได้เรียนมาตั้งแต่ต้นว่า นี่เป็นความเชื่อที่เป็นสัมมาทิฐิเป็นหลักของความเชื่อ เป็นหลักที่ถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าสอน เพราะฉะนั้นต้องเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริงและสอนเรื่องกฎแห่งกรรมจริง สอนเรื่องธรรม อริยสัจ 4 ที่จะนำพาให้พ้นไปจากกฎแห่งกรรม นี่เป็นความจริง เพราะฉะนั้นเมื่อเรามาเกิดในโลกมนุษย์และตายลาลับไป ไม่ใช่การดับสูญ พระพุทธศาสนาสอนว่าเราอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ ทุกข์แห่งการเกิดแก่เจ็บตาย ทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด อันเรียกว่า วัฏสงสาร

พระพุทธเจ้าสอนว่า ที่ที่เราเวียนว่ายตายเกิดมีอยู่ 6 ที่ด้วยกัน ที่แรกเรียกว่า สวรรค์ ไปเกิดเป็นเทวดา เป็นเทพบุตร เป็นเทพธิดา ที่ที่สองเรียกว่าโลกมนุษย์ ที่ที่สามก็คือเป็นสัตว์เดรัจฉาน ที่ที่สี่เป็นเปรต ที่ที่ห้าเป็นอสุรกาย ที่ที่หกเป็นสัตว์นรก เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในหกที่นี้ตามกรรมที่เราได้กระทำ นอกเหนือจากการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน 6 ที่นี้ ยังมีอีก 1 ที่ ที่เป็นที่ดำรงอยู่ของผู้ที่บรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้า หรือเป็นพระอรหันต์ เรียกว่า พุทธภูมิ ในที่ดังกล่าว เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โลกุตตระ เป็นที่ที่ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด เป็นที่ที่เมื่อเราได้ปฏิบัติตามแนวทางอริยสัจ 4 ตามมรรคมีองค์ 8 จนสามารถที่จะฟอกจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ มองเห็นสัจจะความเป็นจริงละวาง เรียกภาวะอันนั้นว่า นิพพาน ก็คือไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน 6 ภูมิดังกล่าว

ก็ต้องมาทำความเข้าใจกันต่อไปว่า ในการเวียนว่ายตายเกิดในกฎวัฏสงสารและดินแดนที่เรียกว่าพุทธภูมินั้น เราได้ยินคำว่าพระพุทธเจ้ากันมาตั้งแต่เกิดสำหรับชาวพุทธ ก็ต้องทำความเข้าใจกันต่ออีกว่า พระพุทธเจ้าที่ว่าเป็นตำแหน่ง ไม่ใช่เป็นเรื่องของความวิเศษพิศดาร เป็นสิ่งที่อุบัติขึ้นอย่างไม่มีคำตอบ ไม่ใช่ พระพุทธเจ้านั้นเป็นตำแหน่ง จนถึงขนาดมีการสวดมนต์หรือสิ่งที่ครูบาอาจารย์สอนกันว่า พระพุทธเจ้ามีมากมายเหมือนเม็ดทรายในท้องมหาสมุทร เยอะไหมครับ

ยุคล : เยอะ

สนธิญาณ : ทำไมเยอะมากมายเป็นแบบนั้น ก็เพราะพระพุทธเจ้าเป็นตำแหน่ง ระหว่างที่จิตทั้งหลายเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบไม่รู้จักสิ้น โลกแตกดับแตกดับ การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้าก็อุบัติขึ้นตลอดมาเหมือนกัน เพื่อที่จะได้นำพาแล้วก็ชี้ทางให้สรรพชีวิตทั้งหลายก้าวพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ของวัฏสงสารปล่อยวางสู่พระนิพพาน ทีนี้การจะเป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องมีการเวียนว่ายตายเกิด หลังจากที่บุคคลผู้นั้นได้อธิษฐานจิต หรือปวารณาตัว หรือตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นว่าพระพุทธเจ้าเป็นตำแหน่งและเป็นตำแหน่งที่ต้องอาสาตัวเหมือนกับที่หลวงปู่ฤาษีลิงดำ แล้วก็เมื่อกี้ที่คุณยุคลได้บอกว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ ปรารถนามานานแต่เวลานี้บารมีเป็นปรมัตถบารมี เหลืออีก 5 ชาติ คำว่าอีก 5 ชาติต้องทำความเข้าใจก่อนครับ ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นชาติที่เป็นมนุษย์เสมอไป แล้วแต่ชาติไหนที่ไปโปรดสัตว์อยู่ในภาวะแบบไหน 5 ชาติ แล้วก็ย้ำว่าพระองค์เป็นวิริยาธิกะ ต้องบำเพ็ญถึง 16 อสงไขยกำไรแสนกัป นี่เกิน 16 อสงไขย นี่ก็เป็นวิธีนับ อสงไขยเนี่ยเดี๋ยวอธิบายไปจะยืดยาว เวลาของผู้ที่จะบำเพ็ญในการที่จะเป็นพระพุทธเจ้ายาวนานมาก ภายใต้การบำเพ็ญจะเป็นพระพุทธเจ้าอย่างยาวนานในห้วงระยะเวลานี้จะเรียกผู้ที่บำเพ็ญว่าพระโพธิสัตว์

ยุคล : ถ้าทำความเข้าใจก็คือผู้ที่ปวารณาหรือตั้งจิตอธิษฐานว่าอยากจะเป็นพระพุทธเจ้า การตั้งจิตอธิษฐานนั้นก็ถือว่าบุคคลผู้นั้นได้อาสาและก็ได้เป็นพระโพธิสัตว์แล้ว

สนธิญาณ : จะต้องได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนด้วย

ยุคล : ไม่ได้หมายความว่าใครก็ตามจะตั้งจิตอธิษฐานเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็จะได้เป็นพระโพธิสัตว์ ไม่ใช่แบบนั้น

 

 

สนธิญาณ : ตั้งใจและเดินเข้าสู่เส้นทาง และจะต้องได้รับการพยากรณ์ แต่ถ้ายังไม่ได้รับการพยากรณ์ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างทางได้ เช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ อย่างนี้เป็นต้น หลวงปู่มั่นพระอาจารย์ใหญ่สายวัดป่า ท่านปฏิบัติธรรมจนมาถึงห้วงระยะเวลาหนึ่งที่จิตของท่านเข้มแข็งขึ้น ท่านก็รับรู้ได้ว่า ท่านปฏิบัติธรรมมาถึงระยะเวลานี้ท่านน่าจะบรรลุธรรมแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่ติดขัดอยู่ เมื่อท่านตรวจสอบด้วยญาณของท่านจึงได้รู้ว่าเพราะท่านอธิษฐานจิตจะเป็นพระพุทธเจ้า ผู้ที่อธิษฐานจิตเป็นพระพุทธเจ้าการจะบรรลุธรรมนั้นจะต้องบรรลุด้วยตัวเอง ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าองค์ที่ผ่านมา ดังนั้นในชาติที่ท่านเกิดมาเป็นหลวงปู่มั่น ท่านไม่มีทางที่จะบรรลุธรรมได้ ถ้าท่านยังจะต้องเดินไปตามเส้นทางที่ท่านภาวนาว่าท่านจะต้องเป็นพระพุทธเจ้า ท่านจะต้องสะสมบารมีต่อไปเรื่อยๆ จนถึงชาติที่ท่านพร้อมแล้วก็จะบรรลุธรรมด้วยตัวเอง แต่หลวงปู่มั่นได้พิจารณาแล้วว่าถ้าท่านบรรลุธรรมในฐานะพระอรหันต์สาวก ท่านจะสามารถช่วยเหลือผู้คนและสรรพสัตว์ทั้งหลายได้มาก ท่านเลยเรียกว่า อธิษฐานละวางจากการปรารถนาพุทธภูมิแล้วก็บรรลุธรรมในชาตินี้ แล้วสิ่งที่เราเห็นได้หลังจากนั้นก็มีครูบาอาจารย์สายวัดป่าหลายสิบรูปที่เป็นพระอรหันต์ติดตามมา ครูบาอาจารย์เหล่านั้นเหมือนที่เราเอ่ยชื่อแต่ละรูปมาเมื่อสักครู่ ล้วนเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นทั้งสิ้น

 

 

ยุคล : ไม่ได้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว

 

 

สนธิญาณ : วางได้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องทำความเข้าใจว่า พระโพธิสัตว์ในที่นี้คือผู้ที่มีจิตใจอันสูงส่งอาสาสมัครอาสาตัวเองในการที่จะช่วยเหลือผู้อื่น เราเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ไหมครับ ใน 70 ปีที่พระเจ้าอยู่หัวฯท่านได้บำเพ็ญสร้างดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน รวมทั้งการปฏิบัติการประพฤติตนตามแนวทางของพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด

 

 

ยุคล : ครับ เอาละครับท่านผู้ชมครับ ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้นะครับ นี้เป็นข้อมูลเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับที่คุณสนธิญาณพยายามหยิบยกเข้ามานำเสนอให้คนผู้ชมเข้าใจมากที่สุด เดี๋ยวช่วงหน้ามาต่อกันต่อนะครับ ช่วงนี้พักกันก่อนสักครู่ครับ (จบช่วงที่สอง)

 

ยุคล : หลังจากช่วงที่แล้วเราได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พระโพธิสัตว์เป็นที่เรียบร้อยนะครับ หลังจากพระโพธิสัตว์แม้ว่าจะต้องการขึ้นเป็นพระพุทธเจ้า แต่ยังมีรายละเอียดหรือว่าลำดับขั้นตอนอีกมากมายซึ่งคุณสนธิญาณจะได้อธิบายแล้วก็ทำความเข้าใจกันเพิ่มเป็นยังไงครับ

 

 

สนธิญาณ : มีสิ่งหนึ่งนะครับ ที่เราชาวพุทธตั้งคำถามกันอยู่เรื่อยเหมือนกัน เช่นว่า พระพุทธเจ้าประสูติแล้วทรงพระราชดำเนินไป 7 ก้าว เป็นอุบายธรรมหรือเป็นความจริง เพราะถ้าเป็นความจริง เด็กทารกแรกเกิด เกิดมาแล้วจะเดินได้เหรอ เดินได้ครับ

 

 

ยุคล : แต่ถ้าเด็กทั่วไปเดินไม่ได้แน่นอน

 

 

สนธิญาณ : เดินไม่ได้ครับ เพราะอะไร เพราะในพระไตรปิฎกสอนเอาไว้ว่านี้คือสิ่งที่เป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์ มาบังเกิดเป็นพระพุทธเจ้า จะมีธรรมดาของพระองค์ท่าน ธรรมดาของพระองค์ท่าน เช่น ก่อนที่จะบังเกิดจะต้องไปเป็นเทพบุตรอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต ซึ่งเป็นที่พำนักก่อนที่จะลงมาบังเกิดเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์ อย่างนี้เป็นต้นเป็นธรรมดา เป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์ก็คือพระพุทธมารดาจะต้องเป็นผู้ที่ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะต้องเป็นแม่ของพระพุทธเจ้า ถึงจะได้มาเป็น และหลังจากที่ประสูติพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นธรรมดาของพระพุทธมารดาก็คือภายใน 7 วันจะต้องลาจากโลกนี้ไป เปลี่ยนภพภูมิไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่า ธรรมดาของพระโพธิสัตว์ เมื่อประสูติพุทธมารดาจะต้องอยู่ในท่ายืน และพระโพธิสัตว์ที่ประสูติมาจะไม่มีสิ่งอะไรที่ไม่สะอาดเกาะติดร่างกาย และเมื่อประสูติมาแล้วเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์ก็คือจะต้องเดินไป 7 ก้าว แล้วก็ประกาศว่าจะมาประกาศธรรม ธรรมดาแบบนี้ผมก็อยากจะทำความเข้าใจว่า ถ้าเราบินได้แปลกไหม

 

 

ยุคล : แปลกครับ

 

 

สนธิญาณ : นกบิน

 

 

ยุคล : ไม่แปลก

 

 

สนธิญาณ : เพราะเป็นธรรมดาของนก เราไปดำน้ำโดยไม่ใส่เครื่องช่วยดำน้ำใต้น้ำนานๆ ไม่ได้ แต่ปลาอยู่ได้ เพราะเป็น

 

 

ยุคล : ธรรมดาของปลา

 

 

สนธิญาณ : นั่นแหละครับเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์ เพราะฉะนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การที่พระองค์ท่านมาประสูติก็มาตามกฎแห่งกรรม มาตามปรารถนาของพระองค์ท่านที่จะมาโปรดสัตว์คือถ้าเราดูทิศทางการสืบสันตติวงศ์ต้องเรียกว่าไม่มีโอกาสหรือโอกาสน้อยมากที่พระองค์ท่านจะได้เป็นพระมหากษัตริย์ คือลำดับของการสืบสันตติวงศ์หลายชั้นกว่าจะถึงพระองค์ท่านก็จะจัดสรรค์ให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม แท้จริงแล้วที่พวกเราคนไทยพูดกันว่าพวกเราดีใจหรือภาคภูมิใจที่ได้เกิดมารัชกาลที่ 9 ผมอยากจะให้พวกเราใช้คำว่าเป็นบุญอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ได้เกิดมาในสมัยรัชกาลที่ 9 เกิดมาในรัชสมัยพระมหากษัตริย์ที่ปรารถนาพุทธภูมิลงมาโปรดสัตว์ในฐานะของพระโพธิสัตว์ เปรียบเทียบแบบนี้อาจจะเห็นภาพไม่ชัด ต้องไปดูพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันหรือเรียกว่าพระโคตมะโคดม พระชาติที่เกิดมาเป็นพระเวสสันดร ก็เกิดในวงศ์ของกษัตริย์เหมือนกันก็ลงมาบำเพ็ญเพียรทานบารมีเป็นพระชาติสุดท้ายก่อนที่จะมาบังเกิดเป็นพระพุทธเจ้า แต่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อีก 5 ชาติ นี่ถ้าตามหลวงปู่ฤาษีลิงดาว่า

 

 

ดังนั้นในความหมายที่ผมเรียนว่าพวกเราเป็นบุญแล้วสิ่งที่เราจะต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำช่วยกันปฏิบัติในวันนี้คือการบำเพ็ญบุญ ทาน ศีล ภาวนา และตั้งสัมมาทิฏฐิให้ชัดเจนเพราะแน่นอนและแน่นอนเป็นที่สุดก็คือพระองค์ท่านเสด็จไปสู่ที่ที่ดีหลังจากที่ได้ลงมาบำเพ็ญเพียรพระบารมี เหนื่อยพระวรกาย เหนื่อพระราชหฤทัยในช่วง 70 ปีที่ผ่านมาเพื่อพวกเราคนไทยทุกคน อันนี้เป็นสิ่งที่พวกเราจะต้องสำนึก และถ้าจิตใจของเราสามารถที่จะคลายจากความเศร้าหมองได้ นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่พระองค์ท่านซึ่งประทับอยู่บนสวรรค์ในขณะนี้ ทอดพระเนตรลงมาก็น่าที่จะมีแต่ความอิ่มเอมพระทัยว่าในสิ่งที่พระองค์ท่านพร่ำสอน ในสิ่งที่พระองค์ท่านพร่ำปฏิบัติให้ดูเป็นตัวอย่าง เราคนไทยทุกคนเข้าใจและจะปฏิบัติไปในทางที่พระองค์ท่านสอน ความเศร้าโศกเสียใจในทางพุทธมันทำให้จิตใจเศร้าหมองและมันเป็นการนำพาไปสู่สิ่งที่ไม่ดีกับตัวเราเองด้วย อันนี้สำคัญ ถ้าใจเราเศร้าหมองมันจะทำให้เรามีความรู้สึกกดทับ และต้องเรียนตรงๆ เลยนะครับว่าผมเองแม้จะตระหนักและพิจารณาในสิ่งเหล่านี้แต่ก็เพิ่งเข้าใจนะคุณยุคลว่าอาการของโรคซึมเศร้าเป็นอย่างไร

 

 

ก่อนหน้านี้ผมจะดูถูกคนอื่นว่าเป็นทำไมโรคซึมเศร้า เพราะตัวเองเป็นคนเข้มแข็ง ทุกคนเห็นได้ เพื่อนร่วมงานทุกคนเห็นได้ แต่ทุกครั้งเวลานึกถึงพระองค์ท่านเราจะน้ำตาไหล และพอไหลออกมามันจะมีแต่ความรู้สึกซึมเศร้า 7 วันที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 13 ถึงวันที่ 19 ผมปฏิบัติทาน ศีล ภาวนาอย่างเคร่งครัด นั่งสมาธิวันหนึ่งหลายๆ รอบ เรียกว่าไม่ทำงาน ทำการอะไรเลย นอกเหนือจากการตรวจสอบเช็คข่าว ต้องพยายามปรับความรู้สึกของตัวเองตลอดเวลา ด้วยความนิ่งแล้วก็ใช้สมาธิเป็นตัวช่วย เพราะฉะนั้นอันนี้ถึงเรียนมากับพวกเราพี่น้องประชาชนคนไทยว่าจะต้องเปลี่ยนความซึมเศร้ามาเป็นการมุ่งมั่นบำเพ็ญบุญ

 

 

ยุคล : เพราะฉะนั้นจากที่ฟังคุณสนธิญาณพูด เวลาเราเห็นคำหรือว่าประโยคที่บอกว่า ทรงเสด็จสู่สวรรคาลัย อันนี้เป็นความจริงไม่ได้ประดิษฐ์ประดอยขึ้นมา

 

 

สนธิญาณ : แน่นอนครับเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

 

 

ยุคล : สุดท้ายเบรกหน้าคุณสนธิญาณให้ข้อมูลอะไรให้กับคุณผู้ชม

 

 

สนธิญาณ : เนี่ยแหละครับ มาทำความเข้าใจสวรรคาลัยที่ว่าเป็นแบบไหน

 

 

ยุคล : เดี๋ยวช่วงหน้าจะได้มาตามกันต่อนะครับว่าสวรรคาลัยที่พวกเราพูดถึงกันนั้นคืออะไร สักครู่เดียวครับ (จบช่วงที่สาม)

 

 

ยุคล : กลับเข้ามาในช่วงสุดท้ายนะครับ ที่คุณสนธิญาณระบุว่าจะได้มาอธิบายขยายความเกี่ยวกับคำว่าการเสด็จสู่สวรรคาลัย แต่ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาตรงนั้นในโลกออนไลน์มีการแชร์ข้อมูลมาชุดหนึ่งแล้วก็หลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการเสด็จสวรรคตของพระองค์ท่าน ข้อมูลที่จะได้อ่านให้ฟังแล้วจะให้พี่ต้อยช่วยอธิบายนะครับเขาแชร์กันแบบนี้ครับว่า วันที่ฟ้าเปิดเหล่าทวยเทพชั้นผู้ใหญ่พระสยามเทวาธิราชเสด็จมารับด้วยตนเอง พร้อมบริวารเทวดา นางฟ้า ครุฑ ท้าวจตุมหาราชทั้ง 4 ทิศ มาเป็นล้านๆ องค์นับไม่ได้ แน่นไปหมด น่าอัศจรรย์ใจ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์จึงมีปรากฏการณ์ที่มองได้ด้วยตาเปล่า ไม่ว่าภาพแสงส่องลงมาที่ศิริราช ก็เพราะฉัพพรรณรังษีของสมเด็จพ่ออยู่หัวในพระบรมโกศสว่างไปทั่วหมื่นโลกธาตุ ไม่ใช่เพียงมนุษย์นะโยม เทพาอารักษ์ เมืองบาดาล พญานาคราช ก็โศกกันหมดเพราะท่านเกิดดับมาแล้ว 16 อสงไขยแสนกำไรกัป มีความเกี่ยวเนื่องทุกชั้นของวัฏสงสารเทวดามาร พรหม รับรู้หมดถึงมีปรากกฏการณ์น่าอัศจรรย์ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ อย่างผี เปรต สัมภเวสีที่อยู่ในอากาศ เมืองลับแลที่รอไปเกิดที่เป็นภพซ้อนกับเราก็โศกร่ำไห้ให้กับพระองค์

 

 

ท่านเป็นโพธิสัตว์โดยแท้ อาตมากำหนดดูพระอริยเจ้า ครูบาอาจารย์ก็ได้ทรงมารับเสด็จแน่นไปหมด พระองค์ท่านที่มารับท่านในคืนนั้น คือสมเด็จองค์ปฐมพระพุทธเจ้า อัศจรรย์มากนะ อาตมาเป็นเพียงผู้ทรงศีลยังอดปิติสุขในใจอย่างหาที่สุดมิได้เพราะบารมีท่านมาก มากไปเป็นหมื่นโลกธาตุ นี่ยังไม่พูดถึงประชาชนในประเทศของพระองค์ โลกทิพย์หากผู้ใดมีญาณสมาบัติแก่กล้าจะรู้ถึงความโศกเศร้าที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่าง คืนหลังท่านสวรรคต เที่ยงคืนวันที่ 14 เป็นต้นไป สาธุชนในประเทศนอนไม่หลับกันนะ เทวดาที่ประจำตัวพ่อเกิดแม่เกิดก็ต่างโศกเศร้า เลยทำให้ชาวเราสยามประเทศนอนไม่หลับ จิตส่งผ่านคิดถึงท่านทุกขณะจิตเพราะพระบารมีของท่านแท้ๆ

 

 

คือนึกถึงภาพลอยมาเลยนะ ใช้คำว่าวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ แต่สิ่งที่มันเกิดพอนึกภาพออกว่า ทั้งเทวดา ทวยเทพ หรือว่าภูตผีปีศาจต่างออกมารับพระองค์ท่าน

 

 

สนธิญาณ : ผมอยากเรียนแบบนี้ เวลามีสิ่งเหล่านี้เผยแพร่ คือถ้าในห้วงปกติธรรมดา เราจะพูดกันว่า เป็นความเชื่อส่วนบุคคล หรือการเอาสิ่งเหล่านี้มาเผยแพร่เหลวไหลหรือไม่เหลวไหล แต่เผอิญการมาเผยแพร่ในเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ จึงทำให้ไม่มีการกล้าวิพากษ์วิจารณ์ สิ่งที่ผมอยากจะเรียนในวันนี้ว่าในฐานะที่เราเป็นคนพุทธและถึงแม้แต่ศาสนาอื่นก็เถอะครับ ทุกศาสนาสอนเหมือนกันหมดว่ามีนรกและมีสวรรค์ ศาสนาพุทธลงละเอียดว่า สวรรค์มีอยู่ทั้งสิ้น 26 ชั้น 6 ชั้นแรกเรียกว่า กามาพจร ยังเป็นเทวดาที่ยังเกี่ยวข้องกับกามคือความอยากตัณหาอยู่ กามไม่ได้หมายถึงเพศเพียงอย่างเดียว ส่วนอีก 20 ชั้น ก็ได้แก่ ชั้นพรหม ในชั้นพรหม ก็แบ่งเป็น รูปพรหม อรูปพรหม รูปพรหมคือพรหมที่ยังมีสมมติเป็นรูปอยู่ ยังมีสมมติที่เป็นรูปร่าง อรูปพรหมก็คือไม่มีรูปแล้วมีแต่ดวงจิตเสวยความสุขอยู่ เรื่องแบบนี้จะต้องทำความเข้าใจกันก่อนไม่งั้นเวลาเราพูดเรื่องนาค ก็เหมือนกับเป็นเรื่องเหลวไหล มีคนพยายามจะไปพิสูจน์บั้งไฟพญานาคว่าพญานาคจะมีไหม มีหมดแหละครับ ในพระไตรปิฎก แต่เดี๋ยวจะลำดับความให้เข้าใจแล้วก็เกี่ยวข้องกับพระองค์ท่านในเหมือนกับบทความที่เผยแพร่หรือแชร์กันอยู่ในขณะนี้ว่าเป็นพระอริยเจ้าองค์หนึ่งได้เทศน์ได้บอกกับลูกศิษย์แต่ไม่ให้บอกว่าพระองค์ไหนเป็นองค์เทศน์

 

 

ผมก็จะไล่เรียงต่อว่าอย่างนี้ เหมือนเวลาเราพูดว่า พรหม พูดว่าพระพรหม เป็นศาสนาฮินดู เป็นพราหมณ์ ไม่ใช่หรอกครับ ในศาสนาพุทธก็มีพรหม เหมือนที่ได้เรียนอธิบายไปแล้วว่ามีอยู่ถึง 20 ชั้นซะด้วยซ้ำไป และมีคำสอนที่อยู่ในพระไตรปิฎกมากมายที่มีพรหม ที่เรียกว่า เป็นมิจฉาทิฏฐิมาลองฤทธิ์กับพระพุทธเจ้าก็มี จนพระพุทธเจ้าได้สอนประลองฤทธิ์ให้รู้ว่าธรรมะการเกิดแก่เจ็บตายเป็นอย่างไร บางทีเป็นพรหมก็ยังหลงอยู่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดเลยว่าเป็นคนธรรมดาไม่หลง หรือไม่เข้าใจ ผมจะเรียนแบบนี้ คำเทศนาที่เอามาเผยแพร่ดังกล่าวมันจะสอดคล้องกับถ้อยคำของหลวงปู่ฤาษีลิงดำที่เราได้อ่านไปแล้วให้ฟังเมื่อสักครู่ว่า พระองค์ท่านเกิดดับมาแล้ว 16 อสงไขยกับอีกแสนกำไรกัป มีความเกี่ยวเนื่องกับทุกชั้นวัฏสงสาร ทุกชั้นก็เหมือนที่ผมอธิบาย ก็คือใน 6 ชั้น พระไตรปิฎกกำหนดไว้ชัดเจนว่าจิตจะต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน 6 ชั้นนี้ และพวกที่เวียนว่ายตายเกิดจะมีสองพวกนะ พวกที่มีกายสังขารกับพวกที่ไม่มีกายสังขาร มีกายสังขารคืออะไร กายสังขารประกอบด้วยธาตุ 4  ดินน้ำลมไฟ ไม่มีกายสังขารเรียกว่า พวกที่เกิดขึ้นเป็นโอปปาติกะ เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างเลยแต่ภายใต้ดวงจิตไม่มีเนื้อหนังมังสา

 

 

มาดูต่อนะครับว่า ท้าวจตุมหาราชทั้ง 4 มากัน เทวดาเป็นล้านๆ มันมาจากความหมายอะไรเป็นแบบนี้ครับ เมื่อกี้ผมบอกสวรรค์มีอยู่ 26 ชั้น 6 ชั้นเป็นกามาพจร ชั้นแรกเรียกว่า สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีผู้เป็นใหญ่ มีเทวดาผู้เป็นใหญ่ปกครองอยู่เป็น 4 ทิศ จึงเรียกว่าจาตุมหาราชิกา ชั้นที่ 2 ก็คือชั้นดาวดึงส์ เราได้ยินอยู่บ่อยๆ คุณยุคลจะเห็นว่าที่บริษัทเราบูชาองค์พระอินทร์ราชาธิราชทรงช้างเอราวัณ สวรรค์ชั้นที่ 2 คือชั้นดาวดึงส์ ผู้ที่เป็นใหญ่ปกครองอยู่คือ พระอินทร์ ที่มีช้างเอราวัณซึ่งเป็นเทวดาเหมือนกัน เป็นเทพบุตรเหมือนกัน แต่ว่าพระอินทร์จะเสด็จไปไหนก็เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นช้างเอราวัณเพื่อที่ให้พระอินทร์เสด็จประทับ นี้คือสวรรค์ชั้นที่ 2 เป็นสวรรค์ชั้นที่พระพุทธเจ้าโคตมองค์ที่ 4 เสด็จไปเทศน์โปรดพระมารดา แต่พระพุทธมารดาเกิดอยู่ที่ชั้นดุสิตในสวรรค์ถึงกันหมด ชั้นที่ 3 ของสวรรค์ชื่อว่าชั้นยามา ชั้นที่ 4 ชั้นดุสิตนี่ก็คือชั้นที่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะไปอยู่ที่ชั้นนี้ เพื่อที่จะรอมาบังเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ชั้นที่ 5 คือนิมมานนรดี และก็ชั้นที่ 6 ปรนิมิตวสวัตตี นี่คือสวรรค์ 6 ชั้น ภายใต้สวรรค์ 6 ชั้นอายุของเทวดาของสัตว์ทั้งหลายไม่เท่าเทียมกัน เป็นไปตามกรรม เป็นไปตามไปเกิด เกิดเป็นยุ่งมีอายุ 7 วัน เกิดเป็นคนมีอายุ 100 ปี เกิดเป็นเต่าก็มีอายุ ช้างก็มีอายุ เทวดาก็เหมือนกัน เทวดาที่ไปเกิดในชั้นจาตุมหาราชิกา 1 วันเท่ากับ 50 ล้านปีในโลกมนุษย์ ดาวดึงส์เท่ากับร้อยล้านปี ชั้นยามาเท่ากับ 200 ล้านปี

 

 

เพราะฉะนั้นมาถึงนาทีนี้อยากจะเรียนว่าคำเทศนานี้ มีโอกาสอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับความจริงตามคำสอนในพระพุทธศาสนาว่าถึงเวลานี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สู่สวรรคาลัยไปสู่ที่ดี ขอให้เราท่านทั้งหลายเปลี่ยนความเศร้าโศกเสียใจมาเป็นการบำเพ็ญบุญ มาเป็นการตั้งจิตตั้งใจในการที่จะเดินตามรอยพระบาทที่พระองค์ท่านได้ทรงสั่งสอนพวกเราไว้ ช่วยกันทำให้ประเทศไทย กลายเป็นพื้นที่แห่งความเมตตา พื้นที่แห่งองค์ความรู้ ที่จะนำพาสรรพสัตว์และเพื่อนมนุษย์ทั้งโลกนี้ โลกนี้กำลังเกิดความวุ่นวายอย่างแสนสาหัส จีนเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ ไม่รู้สงครามจะเกิดขึ้นวันไหน ความต้องการของอาหาร ความต้องการอาหารกายอาหาารใจเกิดขึ้นอย่างมากมาย สิ่งเหล่านี้ดำรงคงอยู่ในประเทศไทย ดำรงคงอยู่อยู่ภายใต้คนไทยที่มีพระมหากษัตริย์อันประเสริฐและในก้าวต่อไปข้างหน้า ภายใต้คำพยากรณ์ว่าในรัชกาลต่อไปคือรัชกาลที่ประเทศไทยจะมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างหาที่สุดมิได้ ก็เป็นเรื่องที่คนไทยเราทุกคนจะต้องน้อมจิตน้อมใจพิจารณาคำสอนของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และแสดงความจงรักภักดีถวายความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 สร้างประเทศชาติของเราให้เข้มแข็ง สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ชาติใดหรือใครไม่หวังดี คิดว่าประเทศชาติเราจะอ่อนแอ ทำให้คนเหล่านั้นผิดหวังไป ให้เรายืนอยู่ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์จิตใจอันจงรักภักดีที่มีต่อพระองค์ท่าน

 

 

ยุคล : ขอบพระคุณมากนะครับ วันนี้ถือว่าเป็นความรู้ที่คุณสนธิญาณนำมามอบให้กับทั้งตัวผมแล้วก็คุณผู้ชม และทั้งหมดก็คือรายการยุคลถามตรงสนธิญาณฟันธงตอบประจำค่ำคืนนี้นะครับ เราจะกลับมาพบกันอีกครั้งในวันเสาร์หน้า วันนี้ขอลาไปก่อนสวัสดีครับ (จบรายการ)