บิ๊กโด้งนำคณะ คปต.ส่วนหน้าโชว์ผลงานแก้ปัญหาใต้ไปได้สวย ย้ำ 3 ข้อ ทำได้..งานนี้ฉลุยแน่ (ดูคลิป)

 วันที่ 27 ก.ย. 60  ที่ ศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ค่ายสมเด็จพระศรีสุริโยทัย อ.หนองจิก จ. ปัตตานี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เป็นประธานในการประชุมสรุปแผนงานการดำเนินการ โดยมีผู้แทนพิเศษของรัฐบาลทั้ง 7 กลุ่ม ภารกิจงาน และส่วนราชการในพื้นที่ ประกอบด้วย ศอ.บต. กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ ตำรวจภูธรภาค 9 เข้าร่วมติดตามและประเมินสรุปผลงานเกี่ยวข้องกับโครงการการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้และนอกจากนี้ยังพบปะกับกลุ่มเป้าหมาย ผู้นำชุมชน, กลุ่มเครือข่ายชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 300 คน

 

ซึ่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ระบุว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีการพัฒนาการก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง เช่นการปล้นรถยนต์แล้วนำไปก่อเหตุทันที โดยรถที่ถูกปล้นยังไม่ได้ระบุหรือรับแจ้งอยู่ในระบบ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ทันระวังป้องกัน ทำให้คนร้ายฉวยโอกาสก่อเหตุในทันที ฉะนั้นเราจึงต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามา ช่วยเสริมในการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงขอเน้นย้ำให้ผู้แทนพิเศษเร่งทำงานให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจถึงผลการทำงานเพื่อไม่ให้สูญเปล่า นอกจากนี้ได้มีการเน้นย้ำให้หัวหน้ากลุ่มงานทุกกลุ่มเร่งดำเนินการขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งด้านการรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพยสิน ด้านความยุติธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบ ด้านสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศ งานการศึกษา โครงการพาคนกลับบ้าน และงานแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งโดยสันติวิธี ซึ่งในภาพรวมจึงยังคงเน้นย้ำประเด็นสำคัญ 3 ข้อ คือ 1 .ประเด็นด้านความมั่นคง 2 .ประเด็นด้านการพัฒนา และ 3.ประเด็นด้านสร้างความเข้าใจ

ด้านนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคณะผู้แทนพิเศษได้มีการดำเนินงานตามโครงการหลายโครงการและประสบผลสำเร็จมาด้วยดี ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาพอสรุปได้ดังนี้คือ ด้านความมั่นคง เช่น การขยายงานป้องกันและบำบัดยาเสพติดในพื้นที่ สร้างจิตอาสาเข้าไปทำงานในหมู่บ้านปัจจุบันมีจิตอาสาแล้ว 3852 คน การบูรณาการการช่วยเหลือเยียวยา การจัดตั้งคณะกรรมการการร่วมบริหารพื้นที่ปลอดภัย ด้านการศึกษา มีโครงการด้านการพัฒนาด้านยุทธศาสตร์การศึกษาชายแดนใต้ 20 ปี เช่นการพัฒนาด้านการศึกษาในโรงเรียน โดยจะเพิ่มทักษาด้านกีฬา ด้านดนตรี ด้านอาชีพ โดยเฉพาะการเรียนรู้ภาษาไทยซึ่งกระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญ เข้าไปในโรงเรียนสอนศาสนาเอกชน ควบคู่กัน การพัฒนาด้านชุมชน พัฒนาด้านเศรษฐกิจตามโครงการ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน นอกจากนี้ยังได้ให้การช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้านให้มีรายได้เพิ่มขึ้น การแก้ปัญหาอ่าวปัตตี ท่าเทียบเรือ เส้นทางคมนาคม ซึ่งในปี 2561 จะมีการกำหนดสร้างอุโมงค์เส้นทางยะลา-เบตงและการขยายทางวิ่งสนามบินเบตง และการขยายทางรถไฟรางคู่ หาดใหญ่-สุไหงโกลก และในด้านการสร้างความเข้าใจ ได้ประสานงานและสร้างความร่วมมือกับกลุ่มคณะผู้แทนองค์การความร่วมมืออิสลาม ภาคประชาชน ผู้นำศาสนา และผู้เห็นต่างสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินการพูดคุยสันติสุข และขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการสนับสนุนงบประมาณเป็นต้น

ภาพ/ข่าว สุไลมาน แวมามะ   ผู้สื่อข่าวภูมิภาค   สำนักข่าวทีนิวส์   จ.ปัตตานี