รีบสะสาง ก่อนเลือกตั้ง !!! "ไพศาล"อัดยับคดี"โชกุน" ชี้ คนทำผิดคิดชั่ว ไม่กลัวกฎหมาย....เพราะมีขบวนการช่วยเหลือ (รายละเอียด)

จากกรณี นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือศรัณย์พัชร์ กิติขจรพัชร์ หรือ โชกุน ที่หลอกลูกทัวร์ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ก่อนปล่อยลอยแพ ก่อนถูกจับได้ขณะที่ไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในสำนักสงฆ์พรรั้ง จังหวัดระนอง ซึ่งจากรณีดังกล่าว นายไพศาล พืชมงคล ได้โพสต์ถึงกรณีทีเกิดขึ้นว่า

การหลอกลวงต้มตุ๋น ฉ้อโกงประชาชน จนต้องไปค้างอยู่ที่สนามบิน 2000 คนนั้น ปรากฏว่า ผู้ต้องหาในเรื่องนี้เคยต้องคดี แบบเดียวกันนี้เป็นจำนวนมากแต่ยังมาทำอย่างนี้อยู่ได้

นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่ามีการบิดเบือนการบังคับใช้กฎหมายหรืออาจมีการทุจริตในการใช้อำนาจหน้าที่อยู่ด้วย

การที่คนทำผิด คิดชั่วไม่กลัวกฎหมายก็เพราะเชื่อว่ามีขบวนการที่ช่วยเหลือพวกขี้โกง ผู้กระทำความผิดกฎหมายไม่ให้อยู่ภายใต้อำนาจของกฎหมายได้นั่นเอง
ตรงนี้จึงเป็นจุดที่จะต้องรีบชำระสะสางก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง

โดยกรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อมีผู้โดยสารกว่า2000คนที่ซื้อทัวร์ไปญี่ปุ่นกับบริษัท แต่กลับติดค้างอยู่ที่สนามบินเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ตามที่บริษัทขายตรงบริษัทหนึ่งได้กล่าวอ้างว่า จะพาสมาชิกไปท่องเที่ยว แต่กลับเกิดความวุ่นวาย เนื่องจากเจ้าของบริษัท คือ นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือรู้จักกันในนาม "ซินแส โชกุน" ได้ปิดโทรศัพท์หายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้

ต่อมา มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม สามารถจับกุมตัว น.ส.พสิษฐ์ อริญชญ์ลาภิศ หรือน.ส.ศรัณย์พัชร์ กิติขจรพัชร์ หรือ ซินแส โชกุน ผู้ต้องหาที่หลอกลวงประชาชน ได้ที่ด่าน จ.ระนอง ในขณะกำลังเดินทางหลบหนี โดยจะนำตัว น.ส.พสิษฐ์ หรือ "ซินแส โชกุน" ผู้ต้องหาที่หลอกลวงประชาชน มาทำการสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม โดยเจ้าหน้าที่จะนำตัว น.ส.พสิษฐ์ มาถึงในช่วงเย็นของวันที่ 12 เมษายน 2560 

ขณะที่ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  ระบุว่า เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา ฉ้อโกงประชาชน  ก่อนเร่งดำเนินการยึดทรัพย์สินของ ซินแสโชกุน มาเฉลี่ยคืนผู้เสียหายทุกคนให้ได้ เบื้องต้นประเมินความเสียหายไว้ที่ประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนแม่ข่าย จะไม่ถูกดำเนินคดี เพราะเชื่อว่าถูกหลอกและเป็นผู้เสียหายเช่นกัน

ด้านาน พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้เรียกสอบผู้เสียหายไปแล้วจำนวนกว่า 40 ปาก ส่วนผู้เสียหายรายอื่นๆ ตำรวจได้มีการแนะนำให้แจ้งความร้องทุกข์ตามภูมิลำเนาที่เกิดเหตุของตัวเอง หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะนำสำนวนการสอบสวนส่งให้ บก.ป. เพื่อจะได้รวมกับสำนวนของผู้เสียหายรายอื่นต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมตัวบุคลลที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการหลอกผู้เสียหายจำนวนหนึ่งไว้ด้วย โดยควบคุมตัวไว้ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

 

 

 

อ้างอิงข้อมูล Paisal Puechmongkol