เรือดำน้ำผ่านแล้ว !?!? ซื้อลับๆ เรือดำน้ำจีน ความจำเป็นของไทย ... กับการเสริมเขี้ยวเล็บกองทัพ

ในที่สุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธาน ก็อนุมัติโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนแบบลับๆ ตามที่กองทัพเรือเสนอ เบื้องต้นจัดซื้อแค่ 1 ลำ วงเงิน 13,500 ล้านบาท จากแผนงานโครงการที่จะจัดซื้อทั้งหมด 3 ลำ ภายใน  11 ปี นับจากนี้ รวมงบประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท

โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ เป็นความต้องการของกองทัพเรือมาแต่ช้านาน นับตั้งแต่เรือดำน้ำรุ่นสงครามโลกครั้งที่ 1 ของไทยปลดประจำการไปเมื่อเกือบ 70 ปีก่อน โดยกองทัพให้เหตุผลว่า เพื่อเพิ่มศักยภาพ ขีดความสามารถในการป้องกันอธิปไตยทางท้องทะเล แม้จะมีเสียงโต้แย้งจากหลายฝ่ายถึงความจำเป็น ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้งบประมาณแผ่นดินในการนี้ เพราะประเทศอยู่ในสภาวะไม่พร้อมใช้จ่ายเกินควร ทั้งยังเห็นว่าสงครามยังเป็นเรื่องห่างไกล 

โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนที่ผ่านการอนุมัตินี้ กองทัพเรือซื้อเรือดำน้ำชั้นหยวน S 26 T ระวางขับน้ำ 2,600 ตัน จัดซื้อแบบแพ็คเก็จรวมอาวุธ มีระบบ AIP ซึ่งเป็นระบบช่วยต่อเครื่องยนต์แบบไม่พึ่งพาออกซิเจน ทำให้ดำน้ำได้นานถึง 21 วัน ไม่ต้องมาเติมออกซิเจนที่ผิวน้ำ ความสามารถในการดำน้ำนี้สูงกว่าเรือดำน้ำรุ่นอื่น ที่ดำได้เพียง 4-5 วัน 

 

 

เรือดำน้ำรุ่นนี้นับว่ามีศักยภาพสูง มีต้นแบบอาวุธจากเรือดำน้ำรัสเซียที่ได้ฉายาว่าหลุมดำแห่งห้วงมหาสมุทร ยาว 77.6 เมตร กว้าง 8.4 เมตร มีอาวุธหนักคือท่อยิงตอร์ปิโด 21 นิ้ว 6 ท่อ ผลิตและจำหน่ายโดย China Shipbuilding & Offshore International หรือ CSOC  เมื่อทำสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว จะใช้เวลา 5-6 ปี ในการประกอบเรือ 

แต่หากพูดถึงความจำเป็นในการมีเรือดำน้ำ คงแล้วแต่ว่าเหตุผลนั้นมาจากใคร กองทัพหรือคนที่เห็นต่างออกไป  รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวว่า เรือดำน้ำจะเป็นประโยชน์ต่อทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลซึ่งมีมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะพื้นที่ทะเลฝั่งอันดามัน ซึ่งไม่เคยมีการลงไปสำรวจมาก่อน และเรือดำน้ำยังมีประโยชน์ต่อการป้องกันอธิปไตยของชาติด้วย  และสาเหตุที่กองทัพเรือเลือกซื้อจากจีนเนื่องจากมีเหตุผล เพราะราคาถูกมากเมื่อเทียบกับ 9 ประเทศ ซึ่งทุกประเทศนอกจากมีราคาแพงแล้ว ยังไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ และเครื่องมือต่าง ๆ ติดมาด้วย

สำหรับการใช้เรือดำน้ำเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บตัวเองในประเทศอาเซียน พบว่า สิงคโปร์ มีมากสุดถึง 6 ลำ จัดซื้อเพิ่มเติมอีก 2 ลำ ด้านเวียดนาม มี 4 ลำ กำลังจัดหาเพิ่มอีก 2 ลำ ส่วนอินโดนีเซียนั้นมี 2 ลำ และกำลังหาเพิ่มอีก 3 ลำ ขณะที่มาเลเซีย มี 2 ลำ ส่วนประเทศที่เหลือรวมทั้งไทย ไม่มีเรือดำน้ำประจำการในกองทัพ 

 

มติ ครม.เรื่องการอนุมัติโครงการซื้อเรือดำน้ำ เป็นไปอย่างลับๆ ไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชน “เสธไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล บอกว่า เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเอกสารลับที่สุด หรือ มุมแดง อีกทั้งเกี่ยวกับงานด้านความมั่นคง จึงไม่จำเป็นต้องแถลงข่าว
    
แม้จะเป็นเรื่องใหญ่ที่สื่อมวลชนและคนไทยทั้งประเทศเฝ้าติดตาม แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นแบบลับๆ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงต้องมองถึงผลประโยชน์ชาติความจำเป็น เป็นสำคัญ