ใจหาย!!!นายกบิ๊กตู่ รู้สึกเวลาเดินเร็ว เผลอๆจะถึงวันถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงร.9แล้ว

พล.อ ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวสับสนเกี่ยวกับวันปิดเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ของประชาชน ว่า จะสามารถเข้าถวายสักการะได้ถึงวันใด ก็ขอให้รอพระราชวินิจฉัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร แต่วันนี้ยังสามารถกราบถวายบังคมพระบรมศพได้อยู่ เมื่อใกล้เวลาคาดว่า คงต้องมีเวลาในการเตรียมการบ้าง แต่ยังไม่ทราบว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด เพราะอยู่ในขั้นตอนการเตรียมงานของคณะกรรมการจัดงาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนก็รู้สึกเห็นใจประชาชนในเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่จะมีการประกาศวันหยุดเพิ่มเติมในช่วงวันถวายพระเพลิงพระบรมศพอีกหรือไม่ 

 

 

 

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้คงมีวันเดียว คือวันที่ 26 ตค.2560 ที่จะมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ คงเป็นวันเดียวก่อน ยังไม่มีการพิจารณาวันหยุดเพิ่มเติม ขอดูสถานการณ์ต่างๆเพื่อทำการพิจารณาเพิ่มเติมอีกครั้ง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลจะมีการออกประกาศ และข้อปฎิบัติในช่วงเวลาดังกล่าวสำหรับสถานบันเทิงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า ได้มีการหารือ เป็นมติครม.แล้วที่ขอความร่วมมือจากสถานประกอบการ สถานบันเทิงต่างๆ

ซึ่งคาดว่าสถานประกอบการทุกแห่งน่าจะทราบดีในข้อปฎิบัติว่าควรจะต้องปฎิบัติอย่างไรในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะฉะนั้นอะไรไม่ได้ ไม่เห็นจะต้องให้รัฐบาลบังคับอะไร ทุกคนควรรู้กับช่วงเวลาที่คนไทยเสียใจ 

"ใจหายเหมือนกัน แป๊ปๆเดียวจะตุลาคมแล้ว ถึงครบรอบ1ปี ใจหายเหมือนกัน คนไทยทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นใครที่เป็นคนไทยต้องคิดด้วย อย่าให้ต้องสั่ง"

 

 

 และนอกจากนี้เกี่ยวกับความคืบหน้าในการก่อสร้างพระเมรุมาศจำลอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คืบหน้าไปมากมีการดำเนินการไปแล้วขณะนี้ โดยรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ และวางแบบในการก่อสร้างแล้ว ก้าวหน้าไปมาก และจะแล้วเสร็จในวันที่ 15 ตค.

ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่มีพระราชวินิจฉัยให้ดำเนินการได้ โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงประชาชนที่ต้องเดินทางเข้ามากรุงเทพเป็นจำนวนมาก จึงจะจัดสร้างพระเมรุมาศจำลองขึ้นทั้ง4มุมเมืองของกรุงเทพมหานคร โดยมีที่ลานพระราชวังดุสิตและในทุกจังหวัดๆละ1แห่ง และใช้ขนาดมาตราฐานเดียวกันทุกแห่ง แต่วัสดุอุปกรณ์อาจแตกต่างกัน ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นกังวลในเรื่องนี้ด้วย