ภาพล่าสุด หลังเกิดเหตุถนนทรุด ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2568

ความคืบหน้า "ถนนทรุด" การรื้อถอนอาคาร สน.สามเสน บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ใช้รถแบคโฮติดหัวหนีบตัดคอนกรีตจำนวน 2 คันช่วยรื้อถอน พร้อมจัดรถน้ำดับเพลิงฉีดพ่นลดฝุ่นตลอดการดำเนินงาน ขณะเดียวกันได้มีการเคลื่อนย้ายเศษวัสดุออกจากพื้นที่เพื่อป้องกันผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ นอกจากนี้ ยังมีการตรวจวัดระดับน้ำใต้ดินและสำรวจพื้นที่ทรุดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
 

นายธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ระบุว่าเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม การรื้อถอนได้ดำเนินไปแล้วกว่า 50% พร้อมมีการขึงผ้าใบกันเศษวัสดุตกหล่น เบื้องต้นผู้รับจ้างขอเวลา 20 วันในการรื้อถอน แต่จากการประเมินพบว่าอาจเสร็จเร็วกว่ากำหนด โดยคาดว่าจะสามารถรื้อได้ถึงระดับพื้นดินภายใน 5 วันถัดจากนี้ ก่อนจะดำเนินการย่อยชิ้นส่วนวัสดุและขนย้ายออกในช่วงกลางคืนเพื่อลดผลกระทบด้านการจราจรและเสียงรบกวน

ขณะเดียวกัน ทางโรงพยาบาลวชิรพยาบาลอยู่ระหว่างเตรียมพื้นที่รอบอาคารทีปังกรรัศมีโชติ เพื่อจัดทำทางเดินรถชั่วคราว รวมทั้งนำท่อระบายน้ำขนาด 600 มิลลิเมตรเข้าพื้นที่เพื่อเตรียมวางระบบก่อนสร้างทางลาด (Ramp) เชื่อมถนนสุโขทัยกลับคืนให้โรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม การติดตั้งท่อดังกล่าวต้องรอให้การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเสร็จสิ้นเพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่

ด้านการติดตามความปลอดภัย เจ้าหน้าที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงเผยว่า ขณะนี้ยังไม่พบการเคลื่อนตัวของอาคารโดยรอบเพิ่มเติม เชื่อว่าการถมทรายก่อนหน้านี้ช่วยเสริมความมั่นคงของพื้นที่ได้เป็นอย่างดี โดยมีการตรวจสอบเสถียรภาพดินและวัดระดับน้ำใต้ดินอย่างสม่ำเสมอ พร้อมยืนยันว่าการดำเนินงานเป็นไปตามมาตรฐานด้านวิศวกรรม

ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยผ่านการไลฟ์สดว่า การรื้อถอนอาคาร สน.สามเสนคืบหน้าแล้วประมาณ 70% และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 25 ตุลาคมนี้

อย่างไรก็ตาม พื้นผิวการจราจรอาจยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ทันที เนื่องจากต้องประเมินความปลอดภัยอย่างละเอียด โดยในวันที่ 27 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเปิดภาคเรียน อาจจัดรถ Shuttle Bus เพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกนักเรียนและประชาชน ผู้ว่าฯ ระบุว่าทางกรุงเทพมหานครจะหารือเพื่อสรุปแนวทางในวันที่ 24 ตุลาคม เวลา 13:30 น.

เมื่อการรื้อถอนเสร็จสิ้น จะมีการถมดินในบริเวณโพรง ตรวจสอบความแน่นของดิน และประเมินความแข็งแรงของอาคารและบ้านเรือนที่อพยพออกไป หากปลอดภัยเพียงพอ จะอนุญาตให้ประชาชนกลับเข้าพื้นที่ได้ต่อไป