- 28 ต.ค. 2568
เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดปฏิบัติการ “ทลายวิมานดิน” รวบอดีตนิสิตกฎหมายสถาบันดัง ผันตัวเป็นพ่อเล้าบังคับเด็กหญิง ค้าประเวณี
ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตคม.ตร.) และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ดังนี้
1. นายธนัช ฯ หรือวิท อายุ 58 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 5926/2568 ลงวันที่ 9 ต.ค.68
2. นางสาวกรวรรณ ฯ หรือบูม อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 5927/2568
ลงวันที่ 9 ต.ค.68
ในข้อหา
1. ร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยกระทำแก่บุคคลอายุ ไม่เกินสิบห้าปี และกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี
2. ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญฯ โดยเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี และกระทำแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี
3. เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญฯ โดยเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี และกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี
4. ร่วมกันกระทำด้วยประการใด บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตน ไม่สมควรฯ
ตรวจค้นสถานที่จำนวน 2 แห่ง ดังนี้1. โรงแรมแห่งหนึ่ง แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ
2. โรงแรมแห่งหนึ่ง แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ ตามนโยบาย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศตคม.ตร. และ
พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ บก.ปคม.กวาดล้างอาชญากรรม โดยเฉพาะการค้ามนุษย์และการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กและเยาวชน โดยที่ผ่านมา บก.ปคม.ได้ดำเนินการสืบสวนจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดในคดีค้ามนุษย์เป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงการค้ามนุษย์ในรูปแบบการแสวงหาประโยชน์ โดยมิชอบจากการค้าประเวณีเด็ก และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มผู้กระทำความผิดเปลี่ยนรูปแบบวิธีการให้มีความสลับซับซ้อนไปอยู่ในช่องทางออนไลน์ โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดียที่เข้าถึงตัวเด็กและเยาวชนได้ง่ายในการกระทำความผิด
ปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม. ได้ตรวจพบเพจเฟซบุ๊กชื่อ"รับงาน" ซึ่งมีพฤติกรรมโพสต์ภาพหญิงสาวเพื่อการค้าประเวณีอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งมีการนำภาพเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี มาโพสต์เพื่อการค้าประเวณี จึงได้ส่งสายลับแฝงตัวเพื่อปฏิบัติการล่อซื้อ โดยเมื่อวันที่ 23 พ.ค.68 สายลับได้ติดต่อกับเพจดังกล่าว และได้พูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชันไลน์
โดยบัญชีไลน์ได้มีการส่งภาพเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี มาให้เลือกจำนวนหลายราย มีการตกลงราคาค่าบริการในราคาตั้งแต่ 1,500 บาท ขึ้นไป ระยะเวลาบริการ 2-3 ชั่วโมง โดยหักค่านายหน้า 300 บาท พร้อมแจ้งสถานที่นัดหมาย คือ ซอยพุทธมณฑลสาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ สายลับจึงได้ทำการนัดหมายตามที่พูดคุยกัน
ต่อมาเมื่อถึงเวลานัดหมายในวันที่ 24 พ.ค.68 สายลับได้พบกับเด็กสาวรายหนึ่ง อายุ 15 ปี ซึ่งถูกส่งตัวมาค้าบริการทางเพศ จากการพูดคุยกับเด็กสาวรายนี้ พบว่ายังมีเด็กสาวอีกจำนวนมากรับงานค้าบริการทางเพศอยู่ที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งนำไปสู่การขยายผลจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายดังกล่าวในครั้งนี้
ต่อมาในวันที่ 25 พ.ค.68 สายลับได้เดินทางไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จึงได้พบกับนายธนัชฯ หรือลุงวิท และนางสาวกรวรรณฯ ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมและเป็นสามีภรรยากัน สายลับได้พูดคุยกับนายธนัชฯ เรื่องการจัดหาหญิงสาวมาให้บริการในห้องพัก ซึ่งนายธนัชฯ ได้จัดหาหญิงสาวมาให้กับสายลับจริง โดยมีการคิดค่าบริการเป็น 3 อย่าง คือ 1.) ค่าห้อง 540 บาท 2.) ค่าบริการทางเพศ 950 บาท/2 ชม. 3.) ค่าตัวหญิงสาว จำนวน 1,200 บาท รวมเป็นเงินค่าบริการทั้งสิ้น 2,150 บาท โดยสายลับได้โอนเงินค่าบริการดังกล่าวเข้าบัญชีพร้อมเพย์ ปรากฏชื่อบัญชี “นางสาวกรวรรณฯ” โดยหญิงสาวที่นายธนัชฯ จัดหามาให้สายลับนั้น มีอายุเพียง 14 ปีเศษเท่านั้น
ต่อมาสายลับได้ทำการล่อซื้อเพื่อเก็บข้อมูลอีกจำนวน 2 ครั้ง โดยได้โอนเงินค่าจัดหาเด็กสาวมาให้บริการทางเพศเข้าบัญชี “นางสาวกรวรรณฯ” ทั้ง 2 ครั้ง และเด็กสาวที่นายธนัชฯ จัดหามาให้นั้น มีอายุเพียง 14 - 15 ปีเท่านั้น
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม. ยังได้จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาอีกกลุ่มหนึ่ง และช่วยเหลือเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้จำนวน 5 ราย ซึ่งจากการสอบสวนปากคำ พบว่าทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียหายทั้งหมด ต่างเคยเข้าพักที่โรงแรมนี้ และเคยถูกนายธวัชฯ และ นางสาวกรวรรณฯ บังคับค้าประเวณีที่โรงแรมนี้เช่นกัน อีกทั้งในวันตรวจค้นจับกุมนายธวัชฯ และนางสาวกรวรรณฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจพบเด็กหญิงอายุเพียง 16 ปี พักอาศัยอยู่ในห้องภายในโรงแรม โดยได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ถูกนายธวัชฯบังคับให้ค้าประเวณีเช่นกัน โดยได้เงินครั้งละ 1,000 บาท ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา





