ประมวลอภินิหารพระโต วัดอินทรวิหาร ห้ามฝนฟ้า คุ้มครองป้องภัย ขอพรได้ทุกด้าน พระสังฆราชแพยังรับรองความศักดิ์สิทธิ์

ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th/

พระอาจารย์ขวัญ วิสิฏโฐ เล่าเรื่องหนึ่งว่า  คราวหนึ่ง มีงานฉลองสุพรรณบัฏสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ  อิศรางกูร) ที่วัดระฆัง ในงานนั้นมีพระอาจารย์ผู้ทรงคุณในทางวิทยาคมมาประชุมกันหลายรูป  พอตกบ่ายฝนตั้งเค้ามืดครึ้ม  เสมียน (ตรา) เหมือน บ้านอยู่หลังตลาดบ้านขมิ้น จังหวัดธนบุรี ผู้ซึ่งมีความเคารพนับถือในเจ้าประคุณสมเด็จฯ มาก ได้กล่าวขึ้นในที่ประชุมว่า ท่านผู้ใดจะสามารถห้ามไม่ให้ฝนตกได้ ที่ประชุมต่างนิ่งไม่มีใครว่าขานอย่างไร

เสมียนเหมือนกล่าวต่อไปว่า “สมเด็จโตถึงจะห้ามฝนได้”

ประมวลอภินิหารพระโต วัดอินทรวิหาร ห้ามฝนฟ้า คุ้มครองป้องภัย ขอพรได้ทุกด้าน พระสังฆราชแพยังรับรองความศักดิ์สิทธิ์

 

ดังนี้ แล้วผินหน้าไปทางรูปหล่อเจ้าประคุณสมเด็จฯ จุดธูปเทียนบูชาสักการะตั้งสัตยาธิษฐานขออย่าให้ฝนตกที่วัด ว่าวันนั้นฝนตกแค่โรงหล่อหาตกที่วัดระฆังไม่  คนทั้งหลายต่างเห็นเป็นสิ่งอัศจรรย์ยิ่งนัก  นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวเล่ากันอีกมากมายหลายเรื่อง

                จะกล่าวถึงอภินิหารพระที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ สร้างต่อไปว่า  เฉพาะพระโตหรือที่เรียกกันว่า “หลวงพ่อโต” ดูเหมือนจะเป็นพระมีอภินิหารศักดิ์สิทธ์ทั้งนั้น ข้อพิสูจน์ก็คือปรากฏว่ามีพุทธศาสนิกชนไปปิดทองบนบานศาลกล่าวและเซียมซีเสี่ยงทายกันเนืองๆ บางแห่งถึงจัดให้มีงานประจำปี  เกิดมีรายได้จากการนี้  ในคราวหนึ่ง ๆ มีจำนวนไม่น้อย

ประมวลอภินิหารพระโต วัดอินทรวิหาร ห้ามฝนฟ้า คุ้มครองป้องภัย ขอพรได้ทุกด้าน พระสังฆราชแพยังรับรองความศักดิ์สิทธิ์

(หลวงพ่อโต อุ้มบาตร วัดอินทรวิหาร)

ในที่นี้จะกล่าวถึงอภินิหารพระโตวัดอินทรวิหารเป็นนิทัศนุทาหรณ์  พระโตองค์นี้เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มาก  ว่าสามารถคุ้มกันสรรพภัยพิบัติและให้เกิดสุขสวัสดิ์ลาภผลอย่างน่ามหัศจรรย์ดังกล่าวพรรณนาไว้ในเรื่องประวัติ (พิมพ์เมื่อวันที่ ๓๑  มีนาคม  พ.ศ. ๒๔๙๐) คัดมาลงไว้ต่อไปนี้

             

“….อภินิหารของหลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์มาก ดังเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วโดยทั่วกันในอดีต กล่าวคือในระหว่างที่บ้านเมืองกำลังอยู่ในระหว่างสงคราม (พ.ศ. ๒๔๘๔ - ๒๔๘๗)  หลวงพ่อโตหาได้กระทบกระเทือนแต่อย่างใดไม่ คงอยู่เป็นมิ่งขวัญเป็นที่สักการะของชาวเราอยู่ตลอดไป ได้มีผู้กล่าวสรรเสริญถึงอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ของท่านอยู่เสมอมิได้ขาด ในยามสงครามประชาชนในเขตอื่นๆ อพยพกันเป็นจ้าละหวั่น แต่ในบริเวณเขตหลวงพ่อโตมิใคร่จะมีใครอพยพกัน ซึ่งบางท่านกล่าวว่าจะไม่ยอมไปไกลจากองค์หลวงพ่อโตเป็นอันขาด แต่มีบางท่านที่จะต้องอพยพ  ได้ไปทูลลาสมเด็จพระสังฆราช (แพ  ติสสเทว)” วัดสุทัศน์ มีรับสั่งว่า

“อย่าไปเลย ในบริเวณวัดอินทรวิหารเหมาะและปลอดภัยดีแล้ว เพราะหลวงพ่อโตท่านก็คุ้มครองอยู่คงจะปัดเป่าภยันตรายไปได้  และสมเด็จพระพุฒาจารย์ฯ (โต) ท่านเป็นผู้สร้าง ได้ทำไว้ดีแล้วประชาชนส่วนมากในบริเวณวัดอินทรวิหาร จึงไม่ใคร่อพยพจากไป  นอกจากนั้นเมื่อมีภัยทางอากาศเกิดขึ้นในคราวใด  ประชาชนในเขตอื่นๆ ยังพลอยหลบภัยเข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณหลวงพ่อโตเป็นจำนวนมาก  ปรากฏว่ามีเครื่องบินมาทิ้งลูกระเบิดที่บริเวณวัด           อินทรวิหารเหมือนกัน เป็นลูกระเบิดเพลิงรวมด้วยกัน ๑๑ ลูก แต่ไม่ระเบิดและไม่เกิดเพลิงแต่อย่างใด  ในครั้งต่อมาได้มีเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่ตำบลเทเวศร์ โดยเฉพาะองค์หลวงพ่อโตวัดอินทรวิหารใกล้กับจุดอันตรายมาก แต่ก็หาเป็นอันตรายแม้แต่น้อยไม่ ซึ่งประชาชนส่วนมากที่หลบภัยเข้ามาในบริเวณหน้าหลวงพ่อโต  มองเห็นฝูงเครื่องบินมาทิ้งระเบิดบ่ายโฉมหน้ามุ่งหมายตรงมายังหลวงพ่อโต ครั้นมาถึงในระยะใกล้เครื่องบินฝูงนั้นกลับวกมุ่งไปทางทิศอื่น ซึ่งดูประหนึ่งว่าหลวงพ่อโตท่านโบกพระหัตถ์ให้ไปทางอื่นเสีย ประชาชนและบ้านเรือนในบริเวณหน้าหลวงพ่อโตวัดอินทรวิหารจึงหาเป็นอันตรายแต่ประการใดไม่

ประมวลอภินิหารพระโต วัดอินทรวิหาร ห้ามฝนฟ้า คุ้มครองป้องภัย ขอพรได้ทุกด้าน พระสังฆราชแพยังรับรองความศักดิ์สิทธิ์

(รูปเคารพขี้ผึ้ง สมเด็จโต ในวัดอินทรวิหาร)

                “เรื่องที่กล่าวมานี้  นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อยู่มิใช่น้อย  นี่ก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วว่าหลวงพ่อโตวัดอินทรวิหารท่านมีอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์มากเพียงใด จนกระทั่งในทุกวันนี้ประชาชนก็พากันมานมัสการสักการบูชามิได้ขาด ชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาชมพระนครก็ยังได้เลยมานมัสการหลวงพ่อโตเสมอ”

 

(ขอบคุณเนื้อหาจาก “มือใหม่อยากรู้ ดูพระสมเด็จ”  โดย สนพ.กรีนปัญญาญาณ)