- 12 ธ.ค. 2559
ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th/
พระอาจารย์ขวัญ วิสิฏโฐ เล่าเรื่องหนึ่งว่า คราวหนึ่ง มีงานฉลองสุพรรณบัฏสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร) ที่วัดระฆัง ในงานนั้นมีพระอาจารย์ผู้ทรงคุณในทางวิทยาคมมาประชุมกันหลายรูป พอตกบ่ายฝนตั้งเค้ามืดครึ้ม เสมียน (ตรา) เหมือน บ้านอยู่หลังตลาดบ้านขมิ้น จังหวัดธนบุรี ผู้ซึ่งมีความเคารพนับถือในเจ้าประคุณสมเด็จฯ มาก ได้กล่าวขึ้นในที่ประชุมว่า ท่านผู้ใดจะสามารถห้ามไม่ให้ฝนตกได้ ที่ประชุมต่างนิ่งไม่มีใครว่าขานอย่างไร
เสมียนเหมือนกล่าวต่อไปว่า “สมเด็จโตถึงจะห้ามฝนได้”
ดังนี้ แล้วผินหน้าไปทางรูปหล่อเจ้าประคุณสมเด็จฯ จุดธูปเทียนบูชาสักการะตั้งสัตยาธิษฐานขออย่าให้ฝนตกที่วัด ว่าวันนั้นฝนตกแค่โรงหล่อหาตกที่วัดระฆังไม่ คนทั้งหลายต่างเห็นเป็นสิ่งอัศจรรย์ยิ่งนัก นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวเล่ากันอีกมากมายหลายเรื่อง
จะกล่าวถึงอภินิหารพระที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ สร้างต่อไปว่า เฉพาะพระโตหรือที่เรียกกันว่า “หลวงพ่อโต” ดูเหมือนจะเป็นพระมีอภินิหารศักดิ์สิทธ์ทั้งนั้น ข้อพิสูจน์ก็คือปรากฏว่ามีพุทธศาสนิกชนไปปิดทองบนบานศาลกล่าวและเซียมซีเสี่ยงทายกันเนืองๆ บางแห่งถึงจัดให้มีงานประจำปี เกิดมีรายได้จากการนี้ ในคราวหนึ่ง ๆ มีจำนวนไม่น้อย
(หลวงพ่อโต อุ้มบาตร วัดอินทรวิหาร)
ในที่นี้จะกล่าวถึงอภินิหารพระโตวัดอินทรวิหารเป็นนิทัศนุทาหรณ์ พระโตองค์นี้เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ว่าสามารถคุ้มกันสรรพภัยพิบัติและให้เกิดสุขสวัสดิ์ลาภผลอย่างน่ามหัศจรรย์ดังกล่าวพรรณนาไว้ในเรื่องประวัติ (พิมพ์เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๐) คัดมาลงไว้ต่อไปนี้
“….อภินิหารของหลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์มาก ดังเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วโดยทั่วกันในอดีต กล่าวคือในระหว่างที่บ้านเมืองกำลังอยู่ในระหว่างสงคราม (พ.ศ. ๒๔๘๔ - ๒๔๘๗) หลวงพ่อโตหาได้กระทบกระเทือนแต่อย่างใดไม่ คงอยู่เป็นมิ่งขวัญเป็นที่สักการะของชาวเราอยู่ตลอดไป ได้มีผู้กล่าวสรรเสริญถึงอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ของท่านอยู่เสมอมิได้ขาด ในยามสงครามประชาชนในเขตอื่นๆ อพยพกันเป็นจ้าละหวั่น แต่ในบริเวณเขตหลวงพ่อโตมิใคร่จะมีใครอพยพกัน ซึ่งบางท่านกล่าวว่าจะไม่ยอมไปไกลจากองค์หลวงพ่อโตเป็นอันขาด แต่มีบางท่านที่จะต้องอพยพ ได้ไปทูลลาสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทว)” วัดสุทัศน์ มีรับสั่งว่า
“อย่าไปเลย ในบริเวณวัดอินทรวิหารเหมาะและปลอดภัยดีแล้ว เพราะหลวงพ่อโตท่านก็คุ้มครองอยู่คงจะปัดเป่าภยันตรายไปได้ และสมเด็จพระพุฒาจารย์ฯ (โต) ท่านเป็นผู้สร้าง ได้ทำไว้ดีแล้วประชาชนส่วนมากในบริเวณวัดอินทรวิหาร จึงไม่ใคร่อพยพจากไป นอกจากนั้นเมื่อมีภัยทางอากาศเกิดขึ้นในคราวใด ประชาชนในเขตอื่นๆ ยังพลอยหลบภัยเข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณหลวงพ่อโตเป็นจำนวนมาก ปรากฏว่ามีเครื่องบินมาทิ้งลูกระเบิดที่บริเวณวัด อินทรวิหารเหมือนกัน เป็นลูกระเบิดเพลิงรวมด้วยกัน ๑๑ ลูก แต่ไม่ระเบิดและไม่เกิดเพลิงแต่อย่างใด ในครั้งต่อมาได้มีเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่ตำบลเทเวศร์ โดยเฉพาะองค์หลวงพ่อโตวัดอินทรวิหารใกล้กับจุดอันตรายมาก แต่ก็หาเป็นอันตรายแม้แต่น้อยไม่ ซึ่งประชาชนส่วนมากที่หลบภัยเข้ามาในบริเวณหน้าหลวงพ่อโต มองเห็นฝูงเครื่องบินมาทิ้งระเบิดบ่ายโฉมหน้ามุ่งหมายตรงมายังหลวงพ่อโต ครั้นมาถึงในระยะใกล้เครื่องบินฝูงนั้นกลับวกมุ่งไปทางทิศอื่น ซึ่งดูประหนึ่งว่าหลวงพ่อโตท่านโบกพระหัตถ์ให้ไปทางอื่นเสีย ประชาชนและบ้านเรือนในบริเวณหน้าหลวงพ่อโตวัดอินทรวิหารจึงหาเป็นอันตรายแต่ประการใดไม่
(รูปเคารพขี้ผึ้ง สมเด็จโต ในวัดอินทรวิหาร)
“เรื่องที่กล่าวมานี้ นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อยู่มิใช่น้อย นี่ก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วว่าหลวงพ่อโตวัดอินทรวิหารท่านมีอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์มากเพียงใด จนกระทั่งในทุกวันนี้ประชาชนก็พากันมานมัสการสักการบูชามิได้ขาด ชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาชมพระนครก็ยังได้เลยมานมัสการหลวงพ่อโตเสมอ”
(ขอบคุณเนื้อหาจาก “มือใหม่อยากรู้ ดูพระสมเด็จ” โดย สนพ.กรีนปัญญาญาณ)