ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ได้ที่ http://www.tnews.co.th

หลวงพ่อไกร วัดใหญ่ ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท

หลวงพ่อไกร นามเดิมชื่อไกร เกิดปีมะแม เดือน ๑๐ วันศุกร์ พ.ศ. ๒๔๐๑ อยู่บ้านหาดทนง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี บิดาชื่อรุ่ง มารดาชื่อ ทอง อาชีพของโยมบิดา มารดา ของท่านทำไร่ ทำเหล็ก เมื่อก่อนท่านอุปสมบทได้ช่วยเหลือพ่อแม่ท่านทำไร่ทำเหล็กและท่านพอใจชอบเล่นเทิดเทิง (กลองยาว) และท่านตีไม้กระบี่เมื่อยังเป็นเด็กไม่เคยได้อยู่วัดเพื่อศึกษาวิชาหนังสือเลยพออายุพอที่จะอุปสมบทได้ พ่อ แม่ ท่านก็นำไปฝากไว้ในสำนักท่านอาจารย์เปียเจ้าอาวาสวัดใหญ่ คือวัดที่ท่านอยู่ได้ศึกษาวิชาหนังสือไทยพอมีความรู้อ่านได้เขียนได้ก็อุปสมบทที่พัทธสีมาวัดใหญ่ตำบลท่าฉนวน เดือน ๖ ข้างขึ้นปีขาล พ.ศ.(ไม่ทราบแน่นอน)

พระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แบน เจ้าอาวาสวัดหลวง จังหวัดอุทัยธานี

พระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์นุ่ม เจ้าอาวาสวัดขวิด จังหวัดอุทัยธานี

พระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์เปีย เจ้าอาวาสวัดใหญ่

พออุปสมบทแล้วท่านได้อยู่ปฏิบัติพระอาจารย์เปียอยู่ ๑ พรรษา พรรษา ๒ ได้ย้ายไปอยู่วัดขวิดเพื่อศึกษาวิชาได้เรียนมูลกัจจายน์ในสำนักท่านอาจารย์บู๊อยู่ ๑ พรรษา พรรษา ๓ ได้ย้ายจากวัดขวิดไปศึกษามูลกัจจายน์ต่อสำนักท่านอาจารย์เกิด วัดโคก ( เนินสุธาราม ) ๑ พรรษา พรรษา ๔ ได้ย้ายจากวัดโคกได้ไปศึกษามูลกัจจายน์ในสำนักท่านอาจารย์วัดไก่เตี้ยจังหวัดพระนครกรุงศรีอยุธยา(นามวัดและอาจารย์วัดไก่เตี้ยชื่ออะไรข้าพเจ้าไม่รู้จัก)แต่เขาเรียกกันว่าท่านอาจารย์วัดไก่เตี้ยท่านได้ศึกษามูลกัจจายน์และธัมมปทัฎฐกถาในสำนักท่านอาจารย์วัดไก่เตี้ยและได้ศึกษาต่ออีกหลายอย่าง เช่น เทศน์มหาชาติเป็นอาทิฯ รวมเวลาที่ศึกษาอยู่ในสำนักท่านอาจารย์วัดไก่เตี้ย ๑๐ พรรษา จนมีความรู้ทางเทศนาเป็นธรรมถึกได้อย่างดี พรรษาที่ ๑๔ ได้ย้ายไปอยู่ทางจังหวัดราชบุรี ( ชื่อวัดจำไม่ได้ ) สำนักอยู่หนึ่งพรรษา พรรษาที่ ๑๕ ได้ย้ายไปอยู่วัดจินดา ตำบลบ้านแป้ง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี สำนักอยู่ ๖ พรรษา ในระหว่างนี้ได้ย้ายไปอยู่วัดบ้านกล้วย อำเภอบ้านเซ่า จังหวัดลพบุรี อยู่ ๑ พรรษา แล้วกลับไปอยู่วัดจินดาอีก รวมเวลาที่อยู่ ๒ ครั้ง จึงเป็น ๖ พรรษา พรรษาที่ ๒๒ได้ย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดใหญ่ได้เป็น

เจ้าอาวาสปกครองวัดใหญ่ปกครองวัดใหญ่อยู่ ๓๖ ปีหลวงพ่อไกรนี้เมื่อยังครองชีวิตอยู่เป็นคฤหัสถ์ก็ประพฤติมีศีลธรรมอันดีงามเป็นที่รักใคร่แก่ประชาชนเป็นอันมากครั้นอุปสมบทแล้วก็ประพฤติเคร่งครัดต่อพระวินัยมิได้เสียหายประการใดนอกจากนี้ก็ตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรม จนมีความรู้เทศนาสั่งสอนประชาชนให้เกิดความเลื่อมใสและนับถือในพระศาสนาเป็นอันมากนับแต่ท่านบรรพชาอุปสมบทได้ทรงคุณความดีหลายประการ แต่จะยกขึ้นกล่าวที่ข้อสำคัญ ๗ ประการ คือ

อำนาจจิตล้ำลึก..เกจิดัง \"หลวงพ่อไกร\" ทำตะกรุดใต้น้ำครั้งเดียวในวันเพ็ญเดือนสิบสอง..ตะกรุดลอยขึ้นทวนน้ำอย่างอัศจรรย์..

หลวงพ่อไกร

๑. เป็นผู้สันโดษ ไม่สะสมทรัพย์สมบัติ

๒. ถือการบริจาคทานเป็นประจำ

๓. รักษาสุนัขบ้า ผู้ที่ถูกพิษสุนัขบ้าหายได้อย่างศักดิ์สิทธิ์

๔. ถือการเทศนา สั่งสอน คฤหัสถ์ บรรพชิตเป็นประจำ

๕. ถือการเจริญพุทธมนต์ สรรเสริญคุณพระเจ้า ๕ พระองค์เป็นวัตต์

๖. เป็นนักปฏิบัติสมณกัมมัฎฐาน

๗. เป็นผู้มีความรู้ทางประวัติศาสตร์

นอกจากนี้ท่านยังมีอัธยาศัยโอบอ้อมอารีแก่คฤหัสถ์บรรพชิตเป็นทุกถ้วนหน้านับว่าจะหาผู้ทรงคุณความดีได้อย่างท่านนั้นยากที่สุดท่านจะไปอยู่ในสถานที่ใดก็มุ่งให้ความสุขแก่เขาทุกถ้วนหน้าที่จะมุ่งให้ความชั่วแก่เขาไม่มี นับว่าท่านได้นำอุบัติมาทำประโยชน์ให้แก่สัตว์โลกจนมรณภาพแต่ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ก็เนื่องด้วยท่านไปเทศนาสอนประชาชนที่ศาลาวัดใหญ่วันสิ้นเดือน พ.ศ. ๒๔๗๘ เมื่อกลับจากเทศนาที่ศาลา ถูกไอฝนเลยอาพาธเป็นไข้หวัด ถึงกระนั้นท่านก็มิได้ท้อถอยในการเทศนาอุตส่าห์ไปเทศนาสอนประชาชนอีก ๒ – ๓ เวลา เพราะที่วัดใหญ่มีเทศนาสอนประชาชนในวันเข้าพรรษาทุกวันพระ ทุก ๆ ปี การอาพาธของท่านก็ยังไม่ทุเลา โรคริดสีดวงทวารที่มีประจำอยู่ในกายของท่านก็ยังไม่ทุเลาก็กำเริบหนัก ลงเป็นเลือดเป็นหนองแพทย์ได้ประกอบยาบำบัดหลายขนานอาการก็ไม่ทุเลามีแต่หนักขึ้นทุกที แต่แพทย์ที่ประกอบยานั้นถึง ๔ คน ภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ได้พยาบาลกันอย่างเต็มความสามารถ ชั่วโมงหนึ่งลงเป็นเลือดเป็นหนองตั้ง ๕๐ ครั้งเศษ มีแต่หนักลงทุกที ผลที่สุดจึง

ได้มรณภาพ จึงเป็นที่โทมนัสแก่บรรดาผู้ที่เคารพนับถือท่านเป็นอันมาก การมรณภาพของท่านเดือน ๑๐ แรม ๙ ค่ำกลางคืน เวลา ๕ ทุ่มพ.ศ. ๒๔๗๘ รวมเวลาที่ท่านทรงชีวิตอยู่ ๗๗ ปี อุปสมบทได้ ๕๗ พรรษา เป็นเจ้าอาวาสวัดใหญ่ ๓๖ ปี

อำนาจจิตล้ำลึก..เกจิดัง \"หลวงพ่อไกร\" ทำตะกรุดใต้น้ำครั้งเดียวในวันเพ็ญเดือนสิบสอง..ตะกรุดลอยขึ้นทวนน้ำอย่างอัศจรรย์..

หลวงพ่อไกรเป็นพระที่ชอบบริจาคทานเป็นประจำขนาดขโมยมาลักตะเกียงลาน ตะเกียงเจ้าพายุ ขโมยเอื้อมมือหยิบไม่ถึงหลวงพ่อไกรยังเอาเท้าท่านถีบส่งให้ขโมย หลวงพ่อไกรเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูงเป็นที่เคารพของประชาชนชาวบ้านวัดใหญ่และบริเวณใกล้เคียงลูกศิษย์์ท่านก็เยอะทั้งที่เป็นฆราวาสก็มี พระภิกษุก็มี อย่างเช่น หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี และ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ก็ยังเคยมาเรียนวิชากับท่านและฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อไกรนั้นอาวุโสน้อยกว่าหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าประมาณ ๑๐ ปี ท่านไปมาหาสู่กันเป็นประจำส่วนมากจะมาทางเรือเสียส่วนมากเพราะว่าสมัยก่อนนั้นการคมนาคมไม่สะดวก

เมื่อสมัยท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้มี เสื้อยันต์แดง ตะกรุด มีเนื้อฝาบาตร ( ถาดตราช้าง ) เนื้อตะกั่ว และมีรูปถ่ายห้อยคอขนาดเล็กเท่าปลายเล็บหัวแม่มือ ประสบการณ์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุด ในสมัยก่อนขโมยเยอะชอบมาลักวัวควายจึงมีคนนำของมาให้หลวงพ่อไกรลงอักขระแล้วนำไปบูชาติดตัวซึ่งวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังของหลวงพ่อไกรทุกชนิดท่านมิได้สร้างเพียงแต่ญาติโยมเป็นผู้นำสิ่งของนั้นมาให้ท่านลงอักขระปลุกเสกของท่านขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก ท่านจะทำตะกรุดเพียงครั้งเดียว คือจะทำในวันเพ็ญเดือนสิบสองเท่านั้นส่วนกรรมวิธีการทำนั้นท่านทำใต้น้ำหน้าวัดใหญ่ซึ่งจะต้องรอให้น้ำนิ่งท่านจะให้ลูกศิษย์ยืนรอบริเวณนั้นท่านสั่งก่อนที่จะลงไปทำว่าถ้าตะกรุดดอกไหนลอยขึ้นหน้าวัดใหญ่มาแล้วลอยทวนน้ำท่านให้เอาตะแกรงนั้นซ้อนขึ้นมาเป็นอันว่าใช้ได้เสร็จสมบูรณ์ครั้งหนึ่งจะได้ตะกรุดประมาณ ๑๕–๒๐ดอกเท่านั้นจึงเป็นที่ต้องการของบรรดาเซียนพระและประชาชนชาวบ้านในระแวกนั้นเป็นอย่างมากแต่จำนวนไม่เพียงพอแก่ความต้องการ

อำนาจจิตล้ำลึก..เกจิดัง \"หลวงพ่อไกร\" ทำตะกรุดใต้น้ำครั้งเดียวในวันเพ็ญเดือนสิบสอง..ตะกรุดลอยขึ้นทวนน้ำอย่างอัศจรรย์..

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

http://www.watyai.th.gs

http://www.konrakmeed.com/

เพื่อเผยแผ่กิตติคุณเป็นสังฆบูชา