ศักดิ์สิทธิ์นัก!! เปิดตำนาน.."หมากเสก" วิธีการแก้คุณไสยของ "หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค" เผย..หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นผู้มอบตำรับยานี้ให้ !!

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

ศักดิ์สิทธิ์นัก!! เปิดตำนาน..\"หมากเสก\" วิธีการแก้คุณไสยของ \"หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค\" เผย..หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นผู้มอบตำรับยานี้ให้ !!

            หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งพระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดบางนมโครูปที่ ๓ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางนมโคระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๗๘ จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ทรงอภิญญารูปหนึ่ง แม้ว่าจะมรณภาพไปนานแล้วก็ตาม ชื่อเสียงของท่าน ยิ่งเป็นที่รู้จัก ในบรรดานักสะสมพระเครื่องทั้งหลาย และการสร้างพระของท่านก็ไม่เหมือนกับวัดอื่น คือท่านมักจะสร้างเป็นรูปพระพุทธเจ้าอยู่เหนือสัตว์พาหนะอันมี ครุฑ หนุมาน เม่น ไก่ นก และปลา เป็นต้น ส่วนในเรื่องการรักษาโรคช่วยชีวิตคนของหลวงพ่อปาน เป็นที่เลื่องลือมากในสมัยนั้น ผู้คนต่างแห่กันมาที่วัดจนแน่นขนัด จนไม่มีที่รับรองแขกเพียงพอ​เลยก็ว่าได้

ศักดิ์สิทธิ์นัก!! เปิดตำนาน..\"หมากเสก\" วิธีการแก้คุณไสยของ \"หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค\" เผย..หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นผู้มอบตำรับยานี้ให้ !!

           วิชาการรักษาโรคและวิชาการบางอย่างที่หลวงพ่อปานสำเร็จมาจากหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ และนำมาช่วยเหลือผู้ได้รับทุกข์ เท่าที่เกิดปาฏิหาริย์และได้รับการบันทึกไว้มีมากมาย ตัวอย่างเช่น รักษาโรคด้วยน้ำมนต์ โรคที่ท่านรักษาด้วยน้ำมนต์ เรียกว่าโรคภายใน เช่น บางคนถูกของ ถูกคุณ ถูกเขากระทำมา โรคที่เกิดจากกรรมเวร ถูกผีสิง เป็นต้น บางครั้งก็ต้องแป้งเสกควบคู่ด้วย​ ในตอนเพล ขณะที่ท่านพักผ่อนท่านจะทำการเสกน้ำมนต์เตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อเวลาอาบจะได้สะดวก และท่านได้ใช้เวลาในการอาบนั้นบริกรรมเสกเป่าเฉพาะรายอีกด้วย​ น้ำมนต์ของท่านนี้ศักดิ์สิทธิ์นักและกรรมวิธีในการรักษาโรคด้วยน้ำมนต์ แบ่งออกเป็น ๓ ช่วงระยะ คือ 

 

ศักดิ์สิทธิ์นัก!! เปิดตำนาน..\"หมากเสก\" วิธีการแก้คุณไสยของ \"หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค\" เผย..หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นผู้มอบตำรับยานี้ให้ !!

          ช่วงแรก ท่านจะเรียกคนไข้มาหาแล้วถามชื่อเสียงเรียงนาม ถามอาการแล้วยื่นหมากให้คำหนึ่ง คาถาที่ใช้เสกหมากนี้ท่านบอกผู้ใกล้ชิดว่า ใช้ดังนี้จะขลังหรือไม่อยู่ที่จิตของผู้ทำ

"ตั้ง นะโม 3 จบ แล้วว่า โสทาย นะโม พุทธายะ ลัมอิทังโล นันโทเทติ ยาทาโลเทตีติ"​

           เมื่อคนไข้ได้รับหมากเสกแล้วให้เคี้ยวให้แหลก บ้วนน้ำหมากทิ้งเสียสามที กลืนลงคอไป ให้คนไข้สังเกตดูว่าหมากนั้นมีรสอะไร แล้วบอกหลวงพ่อปาน จากนั้นก็จะทำการรักษาตามวิธีของท่าน หลวงพ่อปานท่านบอกว่า รสหมากนั้นบอกโรคได้ดังนี้​

รสเปรี้ยว

          แสดงว่าต้องเสนียดที่อยู่อาศัย เข้ามาเกี่ยวข้อง คือมีของต้องห้ามอยู่กับบ้าน เช่น มีไม้ไผ่ผูกส่วนต้นส่วนปลายอยู่ในบ้าน มีตออยู่ใต้ถุนบ้าน ที่เรียกว่า ปลูกเรือนคร่อมตอ หรืออย่างอื่น ต้องจัดการเรื่องนี้เสียก่อนแล้วจึงรักษาหาย ส่วนมากแล้วหลวงพ่อปานจะใช้ญาณดูแล้วบอกว่ามีอย่างไหนบ้าง ให้แก้เสียก่อน

 

ศักดิ์สิทธิ์นัก!! เปิดตำนาน..\"หมากเสก\" วิธีการแก้คุณไสยของ \"หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค\" เผย..หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นผู้มอบตำรับยานี้ให้ !!

รสหวาน

         แสดงว่าต้องแรงสินบนอย่างใดอย่างหนึ่ง คนไข้หรือคนในบ้านบนไว้ ต้องนึกให้ออกว่า ตนเคยบนบานศาลกล่าวอะไรบ้าง ถ้านึกได้ ผู้ป่วยไข้จะต้องเอาดอกไม้ธูปเทียนไปจุดบูชากลางแจ้ง ขอทำการแก้บนให้ถูกต้องในภายหน้าต่อไป เมื่อกลับมาหาท่าน ท่านจะรดน้ำมนต์ให้ รดแล้วจะต้องให้กินหมากเสกอีกว่า หมดสิ้นหรือยัง ถ้าไม่มีรสหวานก็หมดแล้ว ถ้ายังหวานอยู่ก็ต้องนึกดู ก็ต้องแก้บนอีก แล้วจึงรักษาหาย

 

รสขม

        แสดงว่าต้องคุณคน คือถูกของที่มีผู้ใช้เดียรัจฉานวิชานำมาไว้ในตัว เช่น ในท้องมีตะปูบ้าง มีเข็มเย็บผ้าบ้าง ไม้กลัดผูกกากบาทบ้าง ด้ายตราสังข์มัดศพ เปลวหมูบ้าง หนังสัตว์บ้าง ของเหล่านี้จะทำให้คนไข้เจ็บปวดเสียดแทงในร่างกายเป็นที่ทรมานนัก คนไข้ประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นหญิง ที่เป็นชายมีน้อย โดยมากพวกนี้มักจะรับจ้างทำร้ายผู้อื่น หรือไม่ก็ปล่อยไปตามยถากรรม ถูกใครก็เจ็บไป ทำร้ายใครไม่ได้ก็กลับมาเข้าตัวเอง เคยมีแขกผู้หนึ่งถูกของของตัวเอง หลวงพ่อปานท่านแก้ให้แล้วขอสัญญา ให้เลิกอาชีพนี้เสีย คนไข้ประเภทนี้ หลวงพ่อท่านจะเสกน้ำมนต์พิเศษใส่กระป๋องน้ำ เพื่อให้คนที่แช่เท้าทั้งสองข้างไว้ เพื่อเวลารดน้ำมนต์ ของที่อยู่ในตัวจะได้หลุดออกมาทางเท้าอยู่ในกระป๋องน้ำมนต์ ถ้ามีอาการยันหมาก มึนงงศีรษะ เวียนศีรษะ หลวงพ่อท่านว่าถูกคุณผี คือมีอาการใช้ผีมาเข้าสิง คนไข้จะสำแดงอาการกิริยาผิดปกติ ถ้าผียังสิงอยู่ จะไม่ยอมกินหมากเสกหลวงพ่อต้องใช้อำนาจจิตบังคับให้กิน ถ้าผีแกล้งออกไปชั่วระยะ คนไข้จะยอมกินหมากแล้วมีอาการยันหมาก ผีประเภทนี้ เป็นผีตายโหง ที่มีผู้มีวิชานำวิญญาณมาใช้ทำอันตรายคนทำให้เสียสติเพ้อคลั่ง เสียคน เป็นต้น

              คนไข้ประเภทนี้ หลวงพ่อปานท่านจะทำน้ำมนต์พิเศษจากพระดินเผาของท่านเอง ซึ่งท่านมักจะใส่ในกระเป๋าอังสะของท่านอยู่เสมอ เพื่อทำน้ำมนต์ให้คนไข้อาบ และใช้มีดหมอของท่านกดกลางศีรษะ และรดน้ำมนต์ให้เรื่อยไปจนกว่าผีจะออก ถ้าดิ้นรนก็ต้องมีคนมาช่วยจับและรดน้ำมนต์ในระหว่างที่ท่านกดมีดหมอและบริกรรมอยู่ เมื่อหายแล้วจะจำอะไรไม่ได้เลย และท่านมักจะให้สายสิญจน์มงคล ไว้คล้องคอเพื่อกันถูกกระทำซ้ำอีกทุกราย ถ้ามีอาการร้อนหูร้อนหน้า แสดงว่าร้ายแรงมาก ถึงขนาดที่ถูกน้ำมันผีพราย ประเภทนี้จะอาการป้ำๆ เป๋อๆ ๆ คุ้มดีคุ้มร้าย ชาวบ้านเรียกว่า ลมเพลมพัด ขาดสติ ปวดศีรษะบ่อยๆ คนไข้ชนิดนี้ท่านจะให้แช่เท้าในกระป๋องด้วย เหมือนกับที่ถูกคุณคน เมื่อเวลารดน้ำมนต์นั้น น้ำมันพรายจะซึมออกมา เป็นฝ้าน้ำมันลอยอยู่ในน้ำให้เห็น หลวงพ่อบอกว่า คนไข้ประเภทนี้หายยาก เพราะว่าน้ำมันซึมอยู่ในร่างกาย ต้องมารักษาบ่อยๆ เป็นเวลาติดต่อกันนานๆ จนกว่าจะหมดน้ำมันพรายและท่านมักจะสั่งห้ามกินน้ำมันสัตว์ เพราะจะไปเพิ่มน้ำมันให้กับน้ำมันพราย

ศักดิ์สิทธิ์นัก!! เปิดตำนาน..\"หมากเสก\" วิธีการแก้คุณไสยของ \"หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค\" เผย..หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นผู้มอบตำรับยานี้ให้ !!

(หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ)

              หมากเสกของท่านนี้ ถ้ากินแล้วร้อนลึกเข้าไปในทรวงอก ท่านว่าเป็นโรคฝีในท้อง วัณโรค นอกจากรดน้ำมนต์แล้ว ยังต้องกินยาคุณพระควบไปด้วยอีกทางหนึ่ง เป็นการขับถ่ายพิษร้ายออกจากร่างกาย นอกจากน้ำมนต์แล้ว ท่านยังมียาคุณพระพุทธคุณให้กินอีกด้วย ยานี้มีสรรพคุณแก้โรคได้ทุกชนิด แล้วแต่ชนิดของโรค คือยานี้เป็นยาอธิษฐานของหลวงพ่อปาน นอกจากจะรักษาโรคแล้ว ยังเป็นยาที่หลวงพ่อปานให้กินเวลาท่านรดน้ำมนต์แก้ถูกกระทำไปแล้ว ยาของท่าน ท่านจะบอกกับผู้ใกล้ชิดว่า ตำรับยานี้เป็นของหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ องค์อุปัชฌาย์ของท่านมอบให้ท่านเป็นทายาทแทนเมื่อหลวงพ่อสุ่นล่วงลับไปแล้ว

              นอกจากนี้หลวงพ่อสุ่นยังได้ถ่ายทอดวิชาทางแพทย์แผนโบราณ การพิจารณารากไม้สมุนไพร การต้ม การรักษาโรคด้วยสมุนไพรใบยา และด้วยอิทธิฤทธิ์ การปราบภูตผีปีศาจ การแก้ผู้ถูกของกระทำย่ำยี ซึ่งหลวงพ่อปานก็ได้อาศัยใช้ช่วยชีวิต ของคนผู้ได้รับความทุกข์ทรมานให้หายมามากต่อมาก หลวงพ่อสุ่นได้กล่าวแก่หลวงพ่อปานว่า การเป็นหมอบังคับไม่ให้คนตายไม่ได้ เป็นแต่เพียงช่วยระงับทุกขเวทนาเท่านั้น จะต้องตรวจให้รู้ก่อนว่าเป็นโรคอะไร คือ ทำให้ร่างกายคนไข้เป็นอากาศ เป็นช่องว่าง แล้วอธิษฐานให้โรคนั้นปรากฏ ทำใจของเราให้สว่าง แล้วจะมองเห็นโรคได้ชัดโรคที่เป็นจริงมันเป็นตรงไหน อาการเป็นอย่างไร เป็นเรื่อง "จักษุญาณ" จากนั้นหลวงพ่อสุ่นก็ถ่ายทอดกระสิณต่างๆให้หลวงพ่อปานจนหมดสิ้นความรู้

       

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://palungjit.org จากหนังสืออนุสรณ์ ๑๐๐ ปี หลวงพ่อปาน

                           http://www.dharma-gateway.com