- 07 ม.ค. 2561
รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์ http://www.tnews.co.th
ท่านพ่อลี!!! แนะไว้แท้จริง “ธรรมะ” เป็น “พุทธโอสถ” ที่พระพุทธเจ้าทรงเป็นเพียง “นายแพทย์” ผู้ประทานตำหรับตำราและผสมยาไว้ให้
ในทางคริสตศาสนา บุคคลใดทำความผิดหรือกระทำบาปอะไรไว้ ก็ไปขอล้างบาปล้างโทษของตน โดยเข้าไปสารภาพความผิดกับพ่อบาทหลวง แล้วพระเจ้าก็จะทรงเมตตายกโทษให้แก่คนนั้น ให้พ้นจากบาปความผิด และถึงความบริสุทธิ์ได้ แต่ในทางพระพุทธศาสนาของเรามิได้เป็นเช่นนั้น
ถ้าบุคคลผู้ใดทำความผิด บุคคลผู้นั้นจะต้องเป็นผู้แก้ความผิด เพื่อลบล้างโทษ ลบล้างบาปด้วยตนของตนเอง หมายความว่า เมื่อบุคคลใดมีกิเลสเกิดขึ้นในดวงใจ ผู้นั้นก็จักต้องพยายามแก้ไขตนเองให้พ้นจากกิเลสนั้นๆ แล้วผู้นั้นจึงจะพ้นจากทุกข์จากโทษได้ เปรียบเหมือนบุคคลที่ดื่มยาพิษเข้าไป มีอาการเจ็บปวดในไส้ในพุงทุรนทุราย แล้วจะวิ่งไปหานายแพทย์บอกว่า
“คุณหมอ ฉันกินยาพิษเข้าไป มันปวดท้องเหลือเกิน ขอให้คุณหมอช่วยกินยาแก้ให้ฉันหายทีเถิด”
อย่างนี้ย่อมแก้กันไม่ได้ ถ้าขืนให้หมอกินยาแทนคนไข้แล้ว คนไข้นั้นก็จะต้องมีหวังตายแน่นอน ฉะนั้น จึงขอให้พวกเราเหล่าพุทธบริษัทจงพากันเข้าใจ ดังนี้ คือ เราต้องชำระล้างกิเลสของเราเองด้วย “ธรรมะ” ซึ่งเป็น “พุทธโอสถ” จึงจะพ้นจากบาป จากทุกข์จากโทษภายในจิตใจของตนได้ ไม่ใช่ขอให้พระพุทธเจ้าช่วยแก้และล้างบาปให้เรา พระพุทธเจ้าทรงเป็นเพียง “นายแพทย์” ผู้ประทานตำหรับตำราและผสมยาไว้ให้เราเท่านั้น เมื่อเรามีโรคอันใด ก็ต้องรู้จักรักษาเองแก้เอง จึงจะหายจากโรคนั้นๆ ได้ ฯ
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
ที่มา FB : เพจเกร็ดธรรมะ ประวัติ พระกรรมฐาน