ครั้งเมื่อสื่อต่างชาติ หมิ่นพระเกียรติ รัชกาลที่ 5 ว่า ฝ่าพระบาทนักเคี้ยวหมาก

พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่เสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียคือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระองค์ได้เสด็จเยือนประเทศนี้ถึง 3 ครั้ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสชวาครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2413

พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่เสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียคือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระองค์ได้เสด็จเยือนประเทศนี้ถึง 3 ครั้ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสชวาครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2413 ครั้งนั้นพระองค์ยังทรงเป็นยุวกษัตริย์ มีพระชนมายุเพียง 17 พรรษา โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สมุหกลาโหมเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน วัตถุประสงค์ของการเสด็จประพาสนั้นพระองค์ทรงตั้งพระทัยไปทอดพระเนตรวิธีการบริหารบ้านเมืองแบบชาวยุโรป และพระองค์ได้นำหลายสิ่งกลับมาพัฒนาประเทศ

 

ครั้งเมื่อสื่อต่างชาติ หมิ่นพระเกียรติ รัชกาลที่ 5 ว่า ฝ่าพระบาทนักเคี้ยวหมาก

 

ก่อนการเสด็จฯ เยือนสิงคโปร์และอินโดนีเซียในครั้งนี้ได้มีการเตรียมการมาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากสิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ และอินโดนีเซียอยู่ภายใต้การปกครองของฮอลันดา ในการเตรียมการนั้นทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายฮอลันดาต้องเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้มาซึ่งการรับเสด็จอย่างสมพระเกียรติตลอดระยะเวลาที่ประทับในชวา จึงทำให้การประสานงานเตรียมการเสด็จฯ เป็นไปอย่างยากลำบากยิ่ง และเนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีพระเจ้าแผ่นดินจากรัฐ "พื้นเมือง" ที่ไม่ใช่พระราชวงศ์พื้นเมืองในอาณานิคมของฮอลันดา อีกทั้งไม่ใช่สมาชิกราชวงศ์ในยุโรป และอีกคำถามหนึ่งที่รัฐบาลอาณานิคมต้องขบคิดคือ การรับรองอย่างไรจึงจะเรียกว่าเป็นการรับรองอย่างสมพระเกียรติ ในที่สุดก็ตกลงได้ว่าจะใช้การรับรองของรัฐบาลอังกฤษในสิงคโปร์เป็นมาตรฐาน เพราะอย่างน้อยที่สุดอังกฤษก็หัวเราะเยาะไม่ได้ว่า "ฮอลันดาเป็นพวกป่าเถื่อน" 

 

ครั้งเมื่อสื่อต่างชาติ หมิ่นพระเกียรติ รัชกาลที่ 5 ว่า ฝ่าพระบาทนักเคี้ยวหมาก
 

ก่อนหน้าเสด็จฯ ไปทรงเยือนนั้นได้มีข่าวลือต่างๆมากมาย ดังเช่นในเอกสารของฮอลันดาได้พูดข่าวลือว่า พระมหากษัตริย์แห่งสยามจะเสด็จมาพร้อมกับเรือรบ 6 ลำ ผู้ติดตามถึง 1000 คน ทำให้ข้าหลวงใหญ่ประจำอาณานิคม และคณะรัฐบาลต้องคิดหนักถ้าตัดสินใจว่าจะต้อนรับพระเจ้าแผ่นดินสยามพร้อมคณะผู้ติดตาม

หัวข้อการเสด็จฯ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นหัวข้อใหญ่ที่ผู้คนในเมืองปัตตาเวียให้ความสนใจและเฝ้ารอ รวมทั้งพูดถึงไม่ขาดปาก จนหนังสือพิมพ์ในปัตตาเวียได้เขียนข่าวว่า

ในขณะที่ทางเมล์ครั้งล่าสุดรายงานถึงโรคระบาดฝีดาษที่เมืองฮอลแลนด์ ที่ปัตตาเวียก็มีโรคระบาดเหมือนกันแต่โรคระบาดที่เกิดค่อนข้างจะไร้เดียงสา และถ้ามีเหยื่อของโรคระบาดนี้พวกเขาก็กำลังทุรนทุรายกับโรคระบาดที่เรียกว่า Siammania Furibundz และจำนวนของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อนั้นมีมากทีเดียว จากโปรแกรมที่ประกาศสำหรับการจัดการต้อนรับทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายกันยกใหญ่ บทสนทนาก็มีแต่เรื่องพระเจ้าแผ่นดินสยาม

 

ครั้งเมื่อสื่อต่างชาติ หมิ่นพระเกียรติ รัชกาลที่ 5 ว่า ฝ่าพระบาทนักเคี้ยวหมาก

ในเวลาอันสั้นก่อนเสด็จฯ ถึงได้มีสื่อมวลชนเรียกพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ว่า Hooge Siriekaauwer ซึ่งแปลว่า ฝ่าพระบาทนักเคี้ยวหมาก และมีถ้อยคำดูถูกดูหมิ่นพระองค์ท่านอีกมากมาย แต่เมื่อเสด็จฯ ถึงชวาแล้ว ก็มีหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า 

และตอนนี้ ท่านที่เคารพ ผมติดหนี้คำพรรณนาที่ใต้ฝ่าพระบาทนักเคี้ยวหมากสร้างความประทับใจแก่ผม ผมคงต้องเริ่มต้นด้วยการขอโทษ เกี่ยวกับคำใส่ร้ายป้ายสีที่มีต่อกษัตริย์ผู้น่าสงสาร ทำไมผู้คนและหนังสือพิมพ์ต้องโกหก เขาไม่ได้เป็นนักเคี้ยวหมากเขาไม่ได้ดูเหมือนคนจีนซักนิดเดียว เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี อายุราว 20 ปี ก็เหมือนกับที่คนเรียก sinjo (คำที่ใช้เรียกลูกครึ่งที่เกิดจากคนดัตช์กับคนพื้นเมือง) แต่งตัวดี ภูมิฐาน สวมชุดสีเทาทั้งชุดกางเกงขาสั้น (ทรงพระภูษาโจงกระเบน) พ้นจากกางเกงขาสั้นก็เป็นถุงเท้าขาวที่ยาวจากกางเกงลงมา รองเท้าส้นเตี้ยและมีหมวกอยู่บนศีรษะ เขาดูเหมือนว่าจะชื่นชมมากกับการต้องรับที่ทรงเกียรติ ข้าหลวงใหญ่ประจำอาณานิคมอยู่ข้างเขาตลอดเวลา และตามโปรแกรมทุกๆบ่ายทั้งคู่จะออกเดินเล่น ท่านข้าหลวงใหญ่ก็แสนจะสุภาพเท่าที่คนเป็นข้าหลวงใหญ่จะสุภาพได้

 

ครั้งเมื่อสื่อต่างชาติ หมิ่นพระเกียรติ รัชกาลที่ 5 ว่า ฝ่าพระบาทนักเคี้ยวหมาก

แต่อย่างไรก็ตาม ในหนังสือพิมพ์บางฉบับได้วิจารณ์ไว้ว่า ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมข้าหลวงใหญ่ประจำอาณานิคม ต้องลดตัวไปสมาคมกับราชาผิวสีน้ำตาลนั้นด้วย

แต่หลังจากเสด็จฯ กลับแล้ว ก็ได้ทรงพิสูจน์ให้รัฐบาลฮอลันดาได้เห็นถึงพระราชจริยวัตรอันงดงาม ได้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและปฏิภาณไหวพริบของเด็กหนุ่มวัย 17 ปีเศษ อย่างชัดเจน เป็นที่มาของข้อความสรรเสริญพระเกียรติคุณอีกมากมาย

 

ครั้งเมื่อสื่อต่างชาติ หมิ่นพระเกียรติ รัชกาลที่ 5 ว่า ฝ่าพระบาทนักเคี้ยวหมาก

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ ชมรมประวัติศาสตร์สยาม

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก: หนังสือ ตามรอยเสด็จพระผ่านฟ้า เปิดพระราชมรรคาสู่เอเชีย อ.เผ่าทอง ทองเจือ จัดพิมพ์โดย ธนาคารกรุงเทพ