ฟังชัดๆ 15 ผู้ต้องหา อั้งยี่-ซ่องโจร ใบหน้าระรื่น สุมหัว ปฏิวัติโค่นล้ม คสช. มันวางแผนกันยังไง....ใครไม่เกี่ยวอย่าร้อนตัว (มีคลิป)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม http://headshot.tnews.co.th

วันที่ 19 สิงหาคม เวลา 09:45 น. เจ้าหน้าจากศาลทหารกรุงเทพ ส่งตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัว 15 ราย ในข้อหามั่วสุมเกิน 5 คน ,ก่อความไม่สงบ ,ร่วมกันก่อวินาศกรรม จากมณฑลทหารบกที่ 11 มาส่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ที่ กองบังคับการปราบปราม ถ.พหลโยธิน

 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่ศาลทหารกรุงเทพ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้นำพยานหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับที่ศาลทหารกรุงเทพฯ เพื่อจับกุม 17 ผู้ต้องหา

 

ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาตาม มาตรา 209  ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา ข้อหาการกระทำผิดอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ทั้งนี้ผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในการควบคุมทั้งหมด 15 คน อีก 2 คน ได้ปล่อยตัวกลับไปแล้ว

   

รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 17 คนซึ่งถูกควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11  (มทบ.11) ยอมรับว่าพวกเขาเป็นสมาชิกของพรรคปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่มีแนวคิดต่อสู้ทางการเมืองกับรัฐ

 

โดยการตรวจค้นบ้าน 1 ใน 17 ผู้ต้องหา พบอาวุธปืนสงคราม AK-47จำนวน 1 กระบอก  ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้มีส่วนก่อเหตุรุนแรงใน 7 จังหวัดภาคใต้ แต่เจ้าหน้าที่จะติดตามสืบสวนความเชื่อมโยงต่อไป

 

และต่อมาเวลา 16.00 น.เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา ศาลทหารได้อนุมัติหมายจับตามคำร้องของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เลขที่ จพ 29/2559 ข้อหา ตาม มาตรา 209  ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา ข้อหาการกระทำผิดอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน

 

ซึ่งในวันนี้ (19 สิงหาคม 2559 ) ได้รับรายงานล่าสุดว่าจะมีการนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 15 คน มาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ซึ่งประกอบด้วย

 

1.ด.ต.ศิริรัตน์ มโนรัตน์ อายุ 71 ปี ชาว จ.พัทลุง

 

2.นายวีระชัฏฐ์  จันทร์สะอาด อายุ 62 ปี ชาวจ.ททบุรี

 

3.นายประพาส โรจนพิทักษ์ อายุ 67 ปี ชาวจ.ตรัง

 

4.นายปราโมทย์ สังหาญ อายุ 63 ปี ชาว จ.สตูล

 

5.นายสรศักดิ์ ดิษปรีชา อายุ 49 ปี ชาว.กทม.

 

6.นางสาวมีนา แสงศรี อายุ 39 ปี ชาว กทม.

 

7.นาย ศิริฐาโรจน์ จินดา อายุ 56 ปี ชาว จ.หนองคาย

 

8.นายชินวร ทิพย์นวล อายุ 71 ปี ชาวจ.เชียงราย

 

9.นายณรงค์ ผดุงศักดิ์ อายุ 60 ปี ชาวจ.อ่างทอง

 

10.นายศรวัชษ์ กุระจินดา อายุ 60 ปี ชาว จ.มหาสารคาม

 

11.นายเหนือไพร เซ็นกลาง อายุ 41 ปี

 

12.นายวิเชียร เจียมสวัสดิ์ อายุ 59 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช

 

13.นายบุญภพ เวียงสมุทร อายุ 61 ปี ชาวจ.เชียงราย

 

14.นางสาวรุจิยา เสาสมภพ อายุ 52 ปี ชาวจ.ร้อยเอ็ด

 

15.นายวิโรจน์ ยอดเจริญ อายุ 67 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช

 

ทั้งนี้ผู้ต้องหาอีก 2 ราย ก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ระบุว่าหลักฐานในการเอาผิดยังไม่เพียงพอ จึงมีการปล่อยตัวชั่วคราวน ซึ่งประกอบด้วย

 

1.ร.ต.ต. หญิง วิลัยวรรณ คูณสวัสดิ์ อายุ 54 ปี ชาวจ.หนองคาย

 

2.ร.ต.ท.สมัย คูณสวัสดิ์ อายุ 57 ปี ชาวจ.หนองคาย

ขณะเดียวกันที่ทีมสืบสวนได้แบ่งกลุ่มที่ก่อเหตุครั้งนี้ ออกเป็นสามกลุ่ม คือ

 

1.กลุ่มผู้บงการ หรือหัวหน้าขบวนการที่ว่าจ้างในการทำระเบิด

 

2.กลุ่มผู้ประสานงานติดต่องานและเคลื่อนไหว

 

3.กลุ่มผู้ประกอบระเบิดและวางระเบิด

 

โดยผู้ต้องหาทั้ง 15 คนที่ถูกออกหมายจับนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ประสานงาน เป็นขบวนการที่ต่อต้านการรัฐประหาร หรือที่ทางทหารเรียกว่าเป็นกลุ่มแดงฮาร์ดคอ ที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ จังหวัดนนทบุรี และ จังหวัดปทุมธานี

 

โดยกลุ่มคน 15 คนนี้ ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างกลุ่มที่เป็นผู้ว่าจ้าง หรือหัวหน้าขบวนการ ขณะที่แนวทางสืบสวนพบว่า เป็นกลุ่มนักการเมืองที่มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กับกลุ่มที่ลงมือประกอบระเบิดและวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัด ซึ่งการสืบสวนพบว่าเป็นกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

 

โดยมีการแบ่งกันทำหน้าที่กันอย่างเป็นระบบ คือ กลุ่มหาวัสดุในการประกอบระเบิด กลุ่มที่ลงมือประกอบระเบิด และกลุ่มที่นำระเบิดไปวางตามสถานที่ต่างๆ

 

นอกจากนี้แนวทางการสืบสวนพบว่าในการประกอบระเบิดครั้งนี้เป็นฝีมือของ นายอาหะมะ เล็งฮะ ชาวจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่ตากใบ

 

ซึ่งหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปกบดานที่ประเทศเพื่อนบ้าน (มาเลย์เชีย) ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม

 

กระทั้งเมื่อเวลา 10:30 น. ที่ผ่านมา พลตำรวจตรีชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม สำนักยุทธศาสตร์ตำรวจ เปิดเผยว่าจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ ยังไม่พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 15 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุวางเพลิงและวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้แต่อย่างใด แต่จากการศึกษาสืบสวนเบื้องต้น พบหลักฐานมีแนวคิดล้มล้างการปกครอง และค้าอาวุธสงคราม แต่ผู้ต้องหาทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ

 

ส่วนกรณีพรรคปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตยใหม่นั้น พบความเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ธันวาคมปี 58 โดยพรรคดังกล่าวเกิดจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ที่แตกออกมาตั้งพรรคใหม่ เพราะไม่พอใจการทำงานของส่วนกลาง จึงแยกตัวออกมาโดยมีนโยบายเคลื่อนไหวแบบพรรคคอมมิวนิสต์แต่ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับเขตใน 7 จังหวัดภาคใต้

 

โดยขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาคือขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  ที่ 3 / 2558 และข้อหาอั้งยี่ ส่วนบางคนโดนดำเนินคดีในข้อหามีอาวุธสงครามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังไม่พบว่าทั้งหมดมีความผิดตามมาตรา 112 แต่อย่างใด ทั้งนี้พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลเพื่อหาตัวบ่งการ และผู้สนับสนุนเงินทุน

 

อย่างไรก็ตามจากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งหมดยังไม่มีทนายความส่วนตัวจึงได้ประสานไปยังสภาทนายความขอทนายความอาสาว่าความแก้ต่างให้กับผู้ต้องหาแล้วจำนวน 5 ท่าน อีกด้วย

 

ขณะที่พันเอกบุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ ได้กล่าวว่าการจับกุมกลุ่มดังกล่าว เกิดขึ้นหลังเหตุการ 7 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และทำการสอบสวนเพิ่มเติม

 

เพื่อที่จะให้ได้ทราบว่าพยานหลักฐานโยงไปถึงใครหรือ กลุ่มการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ รวมถึงเกี่ยวกับผู้บงการหรือนายทุน ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าบางส่วนในกลุ่มผู้ต้องหา คือ กลุ่ม นปช. เดิม ที่แตกออกมาจากกลุ่ม นปช. กลาง เพื่อมารวมตัวกับกลุ่มดังกล่าวเพราะมีแนวคิดทางการเมืองที่สอดคล้องกัน

 

ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้นทั้ง15คน ยังไม่เกี่ยวข้องหรือเข้าฐานความผิดตามมาตรา112 ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว