แสบๆคันๆ "ชูชาติ" ซัด "เพื่อไทย" หลังออกมาดิ้น โวยวาย "พ.ร.บ.ลับหลัง" จวก "พวกคิดคอร์รัปชั่นเท่านั้นที่เดือดร้อน"

แสบๆคันๆ "ชูชาติ" ซัด "เพื่อไทย" หลังออกมาดิ้น โวยวาย "พ.ร.บ.ลับหลัง" จวก "พวกคิดคอร์รัปชั่นเท่านั้นที่เดือดร้อน"

เรียกว่าอยู่เฉยไมได้แล้ว สำหรับบรรดาลิ้วล่อของนายใหญ่ในต่างแดน ภายหลังที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติเอกฉันท์ 176 คะแนน เห็นชอบให้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้รับการประกาศใช้เป็นกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยหลักการสำคัญของพ.ร.บ. ฉบับนี้คือ การที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สามารถพิจารณาไต่สวนคดี”ลับหลัง”จำเลย ได้ หากจำเลยได้หนี้ออกนอกประเทศ

ล่าสุดด้านนายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ก็ได้กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.ฉบับ ดังกล่าว เช่นกัน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว บางช่วงบางตอนระบุว่า .. ในประเด็นสำคัญ 3 เรื่องคือ
1 ถ้าจำเลยหลบหนีในระหว่างการพิจารณาของศาลให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้
2 ถ้าจำเลยหลบหนีในระหว่างคดีของศาลมิให้นับระยะเวลาที่จำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ
3 เมื่อศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกแล้ว หากจำเลยหลบหนีมิให้นับระยะเวลาที่จำเลยหลบหนีมานับเป็นกำหนดเวลาที่จะพ้นจากการถูกลงโทษ


นายชูชาติ ได้ย้ำอีกด้วยว่า ต่อจากนี้ไปถ้าจำเลยถูกฟ้องต่อศาลแล้ว หากจำเลยหลบหนี ศาลก็สามารถพิจารณาคดีต่อไปและพิพากษาคดีได้ และระยะเวลาที่จำเลยหลบไปนั้นไม่ให้นับเป็นอายุความ ทั้งถ้าศาลพิพากษาลงโทษแล้วหลบหนีก็ไม่อายุความเช่นเดียวกันได้ตัวเมื่อใดก็นำมาลงโทษได้คือต้องหนีกันจนตาย
และสำหรับประเด็น ที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยออกมากล่าวหา สนช. ว่าจ้องเอาผิดเฉพาะนักการเมือง แต่กับพวกข้าราชการกลับปล่อยปละละเลย เป็นการเลือกปฏิบัติ
นายชูชาติ กล่าว่า ความจริงบทบัญญัติดังกล่าวได้มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2559


การแก้ไขกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงทางการเมืองเป็นการแก้ไขให้สอดคล้องกับกฎหมายวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบซึ่งใช้ในการพิจารณาพิพากษาคดีที่ข้าราชทุกประเภทถูกดำเนินคดีในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
การออกมาโวยวายด่า สนช. ของบุคคลดังกล่าว เป็นกระทำที่ต้องการให้ประชาชนทั่วไปสับสนเข้าใจผิด  โดยความจริงไม่ว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือข้าราชประจำหากไม่มีความคิดที่จะทุจริตคอร์รัปชั่นหรือประพฤติมิชอบก็ไม่ต้องเดือดร้อนอะไรและเกรงกลัวบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว 

“เว้นแต่พวกคิดที่ทุจริตคอร์รัปชั่นเท่านั้นที่เดือดร้อนเพราะหากถูกดำเนินคดีไม่สามารถหลบหนีให้พ้นจากการถูกลงโทษได้”