- 17 ก.ค. 2560
แชร์ |
คู่ครัวชั้นดี....ประโยชน์ที่คุณต้องรู้ ดอกขจรเอาอยู่แน่นอน
ถ้าพูดถึง ขจร หลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อหรือคุ้นเคยกับชื่อนี้แน่นอน บางบ้านอาจปลูกขจรไว้เองเพื่อรับประทาน เพราะเป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันกับต้นไม้ชนิดอื่นได้ สามารถเลื้อยพันไปได้ไกลประมาณ 2-5 เมตร เถามีขนาดเล็ก แต่รู้หรือไม่ว่าสรรพคุณประโยชน์ของขจรนั้นมีมากมาย ส่วนรายละเอียดต่างๆมีดังต่อไปนี้
คุณค่าทางโภชนาการของขจรในส่วนที่รับประทานได้ ต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 72 แคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 10.6 กรัม
- โปรตีน 5.0 กรัม
- ไขมัน 1.1 กรัม
- ใยอาหาร 0.8 กรัม
- น้ำ 80.5 กรัม
- เถ้า 1.0 กรัม
- วิตามินเอ 3,000 หน่วยสากล (บ้างว่า 3,150 หน่วยสากล[7])
- วิตามินบี 1 0.04 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 2 0.12 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 3 0.17 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 68 มิลลิกรัม
- ธาตุแคลเซียม 70 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 1.0 มิลลิกรัม
- ธาตุฟอสฟอรัส 90 มิลลิกรัม
แหล่งที่มา : กองโภชนาการ กรมอนามัย. ตารางแสดงคุณค่าอาหารไทยในส่วนที่กินได้ 100 กรัม.[2]
สรรพคุณของขจร
- ช่วยบำรุงโลหิต (ดอก, ยอดใบอ่อน)
- ช่วยรักษาโลหิตเป็นพิษ (ราก)
- ช่วยบำรุงหัวใจ (ดอก, ยอดใบอ่อน)
- แก่นและเปลือกใช้เป็นยาบำรุงธาตุในร่างกาย (แก่น, เปลือก)
- ดอกและยอดใบอ่อนมีวิตามินสูง การรับประทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี (ดอก, ยอดใบอ่อน)
- ช่วยรักษาหวัดที่เกิดจากการตากลมหรือตากอากาศเย็น (ดอก)
- ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน (ดอก)
- รากมีรสเบื่อเย็น ใช้รับประทานเพื่อให้เกิดอาการอาเจียน ช่วยถอนพิษยาเยื่อเบา (ราก)
- รากนำมาฝนหยอดตาแก้ตาอักเสบ ตาแดง ตาแฉะ ตามัว (ราก) บ้างว่านำมาใช้ผสมกับยาหยอดตาแล้วใช้หยอดตา
- ช่วยขับเสมหะ แก้เสมหะและโลหิต (ดอก)
- ดอกมีรสเย็นขมและหอม ช่วยบำรุงปอด (ดอก)
- ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ (ดอก)
- ช่วยในการขับถ่าย (ดอก)
- ช่วยบำรุงฮอร์โมนของสตรี (ดอก)
- ช่วยบำรุงตับและไต (ดอก, ยอดใบอ่อน)
- รากใช้เป็นยาดับพิษทั้งปวง (ราก)
- ช่วยทำให้รู้รสชาติของอาหารและช่วยดับพิษยา (ราก)
- ดอกใช้เข้าเครื่องยาหอม
ประโยชน์ของขจร
- ยอดอ่อน ผลอ่อน และดอกใช้รับประทานเป็นผักสด หรือนำมาต้มหรือลวกให้สุกใช้รับประทานร่วมกับน้ำพริก ส่วนดอกยังสามารถนำไปปรุงอาหารได้อีกหลายเมนู เช่น แกงส้มดอกขจร แกงจืดดอกขจร แกงเลียง ขจรผัดไข่ ขจรชุบแป้งทอด ยำดอกขจร ข้าวต้มดอกขจร ผัดน้ำมันหอย ผัดกับปลาหมึก เป็นต้น (ยอดอ่อนคือส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด)
- ในสมัยก่อนจะนำดอกขจรมานึ่งให้สุก ผสมกับมะพร้าวอ่อนหรือมะพร้าวแก่ขูดฝอย นำมาปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย งา และเกลือเล็กน้อย ใช้ทำเป็นขนมที่เรียกว่า “ขนมดอกขจร” แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยพบว่ามีขายแล้ว
- ดอกสวยของขจร นอกจากจะรับประทานเป็นผักได้แล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในงานดอกไม้สด ด้วยการนำไปร้อยอุบะติดชายมาลัยหรือเครื่องแขวนต่าง ๆ ได้อีกด้วย
- เถาของต้นขจรมีความเหนียวมาก สามารถนำมาใช้แทนเชือกได้
- นอกจากจะปลูกเพื่อนำดอกมารับประทานแล้ว ก็ยังสามารถปลูกเป็นไม้ประดับได้อีกด้วย
รู้ถึงประโยชน์ของขจร รวมถึงการนำไปปรุงอาหารได้อย่างหลากหลายแล้ว ก็อย่าลืมลองนำไปประกอบเมนูอาหารเพื่อรับประทานกันดู เพราะนอกจากได้บำรุงสุขภาพแล้วยังมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยเช่นกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://medthai.com/