เปิดชีวิตสมาชิกนักร้องนำวง 4เต่าทอง(the beatles) John Lennon บุคคลที่โลกไม่ลืม

เปิดชีวิตสมาชิกนักร้องนำวง 4เต่าทอง John Lennon(the beatles) บุคคลที่โลกไม่ลืม

John Lennon บุคคลที่โลกไม่ลืม

มารู้จักกับอีกหนึ่งบุคคลที่จุดกระแสสันติภาพ ในช่วงสงครามเวียดนามกันครับ

จอห์น เลนนอน เกิดที่ลิเวอร์พูล อังกฤษ เมื่อเขาอายุได้ 4 ขวบ พ่อกับแม่แยกทางกัน จอห์นอยู่กับแม่จึง และแม่ตายก่อนตอนที่เขาอายุ 18 สมัย เด็กๆ จอห์นชอบวาดภาพผู้ที่พิการทุพพลภาพ และครูคิดว่าเขาน่าจะสอบเข้าไปเรียนในวิทยาลัยศิลปะได้ และเขาก็สอบได้ และที่วิทยาลัยแห่งนี้เองที่เขาได้พบกับซินเธีย โพเวลล์ ผู้หญิงซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภรรยาคนแรกของจอห์น

เมื่อตอนที่จอห์นอายุ 16 ปี ได้ตั้งวงดนตรีชื่อควอร์รี่ แมน (Quarry Man) และเปิดการแสดงกันในโรงเรียน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ได้รู้จักกับ พอล แมกคาร์ตนีย์ ณ จุดนี้เอง จอห์นและพอลก็ได้มาร่วมงานกัน พร้อมกับจอร์จ แฮริสัน เป็นที่มาของวงดนตรี “เดอะ บีทเทิลส์” หรือ 4 เต่าทอง

เปิดชีวิตสมาชิกนักร้องนำวง 4เต่าทอง(the beatles) John Lennon บุคคลที่โลกไม่ลืม

ชีวิตในวัยเด็ก

เลนนอนเกิดในช่วงสงครามที่ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 1940 ที่โรงพยาบาลลิเวอร์พูลมาเทอร์นิตี ให้กำเนิดโดย จูเลีย เลนนอน (นามสกุลเดิม สแตนลีย์) และอัลเฟรด เลนนอน เชื้อสายไอริช  มีอาชีพเป็นพ่อค้าเดินเรือ และไม่ได้อยู่ด้วยกันขณะเขาเกิด พวกเขาได้ตั้งชื่อบุตรว่าจอห์นตามชื่อปู่ของเขานามว่า จอห์น "แจ็ก" แลนนอน ส่วนชื่อกลาง  วินสตัน มาจากวินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรในขณะนั้น  พ่อของเขามักจากบ้านไปทำงานบ่อย ๆ แต่ก็ยังส่งเช็คเงินสดมาเป็นประจำที่บ้านเลขที่ 9 ถนนนิวคาสเซิล ลิเวอร์พูล ที่จอห์นอาศัยอยู่กับแม่ ต่อมา เช็คหยุดส่งมาหาพวกเขาในเดือนกุมภาพันธ์ 1944 เนื่องจากพ่อปลดประจำการโดยไม่ได้รับอนุญาตในที่สุด หกเดือนต่อมา พ่อของจอห์นกลับมาบ้าน เสนอว่าจะดูแลครอบครัว แต่จูเลีย ตั้งครรภ์กับชายคนอื่นแล้ว จึงปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว หลังจากพี่สาวของจูเลีย มีมี สมิธ ร้องทุกข์กับบริการสังคมของลิเวอร์พูลถึงสองครั้ง จูเลียจึงส่งเลนนอนให้เธอดูแล ในเดือนกรกฎาคม 1946 พ่อของเลนนอนมาเยี่ยมสมิธ และพาเลนนอนไปเที่ยวในเมืองแบล็กพูล โดยตั้งใจลับ ๆ ว่าจะพาย้ายออกไปอยู่กับเขาที่ประเทศนิวซีแลนด์ แต่จูเลียและสามีคนใหม่ของเธอ บ็อบบี ไดกินส์ ตามไปจนพบ และหลังจากการทะเลาะวิวาทรุนแรง  ผู้เป็นพ่อบังคับให้เลนนอนอายุ 5 ขวบเลือกว่าจะอยู่กับใคร เลนนอนเลือกพ่อของเขาถึงสองครั้ง  แต่ขณะที่แม่ของเขาเดินจากไป เขาเริ่มร้องไห้และเลือกตามแม่ของเขาไปเขาได้ติดต่อกับพ่อของเขาอีกครั้งหลังผ่านไป 20 ปี

เลนนอนอาศัยอยู่กับลุงและป้า มีมี และ จอร์จ สมิธ ซึ่งไม่มีบุตรเป็นของตนเอง ที่เมนดิปส์ 251 ถนนเมนเลิฟ เมืองวูลตัน ป้าซื้อนวนิยายเรื่องสั้นให้จอห์นหลายเล่ม และลุงเป็นเจ้าของฟาร์มวัวนมเคยซื้อหีบเพลงปากให้จอห์น และร่วมเล่นปริศนาอักษรไขว้กับจอห์นด้วย  จูเลียแวะมาที่เมนดิปส์เป็นประจำ และเมื่อจอห์นอายุได้ 11 ขวบ จอห์นมักจะมาเยี่ยมจูเลีย ที่ 1 ถนนบลอมฟิลด์ เมืองลิเวอร์พูล ซึ่งเธอเคยเล่นแผ่นเสียงของเอลวิส เพรสลีย์ สอนเขาเล่นแบนโจ และแสดงวิธีเล่นเพลงเพลง "เอนต์แดตอะเชม" ของแฟตส์โดมิโน  ในเดือนกันยายน 1980 เลนนอนให้ความเห็นเกี่ยวกับครอบครัวและนิสัยหัวรั้นของเขาว่า

เปิดชีวิตสมาชิกนักร้องนำวง 4เต่าทอง(the beatles) John Lennon บุคคลที่โลกไม่ลืม

 

“ส่วนหนึ่งในตัวผมก็อยากเป็นที่ยอมรับในสังคม และไม่อยากเป็นกวีหรือนักดนตรีที่บ้าและเสียงดังน่ารำคาญ แต่ผมไม่อาจเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้เป็นได้ ผมเป็นคนหนึ่งที่พ่อแม่ของคนอื่น ๆ” รวมถึงพ่อของพอล ต่างก็กล่าวว่า 'อยู่ห่างจากเขาไว้' พ่อแม่ของพวกเขารู้ดีจากสัญชาตญาณว่าผมเป็นคนสร้างปัญหา หมายความว่าผมไม่ปรับตัวและสิ่งที่ผมทำอาจส่งผลต่อลูก ๆ ของพวกเขาได้ ส่วนหนึ่งผมไม่ได้อิจฉาว่าผมไม่มีความเป็นอยู่ในบ้านอย่างเขา แต่ผม มีผู้หญิงห้าคนที่เคยเป็นครอบครัวของผม ผู้หญิงเข้มแข็ง ฉลาด และสวยงามห้าคน พี่สาวน้องสาวห้าคน คนหนึ่งเป็นแม่ของผม  ไม่อาจจัดการกับชีวิตได้ เธออายุน้อยที่สุดและเธอมีสามีที่หนีออกทะเล และสงครามยังปะทุ และเธอไม่อาจรับมือกับผมกับ และต้องจบที่ผมไปอยู่กับพี่สาวของเธอ ตอนนี้ผู้หญิงเหล่านั้นเคยมหัศจรรย์ และนั่นเป็นบทเรียนเกี่ยวกับผู้หญิงครั้งแรกของผม ผมอยากบุกเข้าไปในจิตใจของเด็กชายคนอื่น ๆ และพูดว่า "พ่อแม่ไม่ใช่พระเจ้า เพราะผมไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ผม ดังนั้น ผมจึงรู้"

เขาแวะเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องชื่อ สแตนลีย์ พากส์ ที่ฟลีตวูด เป็นประจำ พากส์ มีอายุมากกว่าเลนนอน 7 ปี เคยพาเขาเดินทางและไปโรงภาพยนตร์ในช่วงหยุดเรียน พากส์มักมาเยี่ยมเลนนอนพร้อมกับเลลา ฮาร์วีย์ ลูกพี่ลูกน้องอีกคนหนึ่ง และพาเขาเดินทางไปแบล็กพูลสองหรือสามครั้งต่อสัปดาห์เพื่อชมการแสดง พวกเขามักไปที่แบล็กพูลทาวเวอร์เซอร์คัส และชมศิลปินมากมาย ได้แก่ ดิกกี วาเลนไทน์ อาเธอร์ แอสกี แมกซ์ บายเกรฟส์ และโจ ลอส โดยพากส์จำได้ว่าเลนนอนชื่นชอบจอร์จ ฟอร์มบีเป็นพิเศษ หลังจากครอบครัวของพากส์ย้ายไปประเทศสกอตแลนด์ ลูกพี่ลูกน้องทั้งสามคนใช้เวลาในวันหยุดร่วมกันที่นั่น พากส์จำได้ว่า "จอห์น เลลา และผม สนิทกันมาก พวกเราขับรถจากเอดินบะระ ขึ้นไปหาครอบครัวที่เดอร์เนส ตั้งแต่จอห์นอายุราว 9 ปี จนกระทั่งเขาอายุ 16 ปี" ลุงจอร์จเสียชีวิตด้วยอาการตกเลือดที่ตับในวันที่ 5 มิถุนายน 1955 (สิริอายุ 52 ปี) เมื่อเลนนอนอายุ 14 ปี

เปิดชีวิตสมาชิกนักร้องนำวง 4เต่าทอง(the beatles) John Lennon บุคคลที่โลกไม่ลืม

เลนนอนนับถือนิกายแองกลิคันและเข้าศึกษาที่โดฟเดลไพรแมรีสกูล หลังจากผ่านการทดสอบอีเลเวนพลัส เขาเข้าศึกษาที่โรงเรียนควอรีแบงก์ไฮสกูล ตั้งแต่เดือนกันยายนปี 1952 ถึง 1957 และฮาร์วีย์พูดถึงเขาว่า "เด็กหนุ่มร่าเริง เรียบง่าย อารมณ์ดี ไม่ทุกข์ไม่ร้อน"[20] เขามักวาดการ์ตูนขบขันลงนิตยสารที่โรงเรียนพิมพ์เองชื่อ เดอะเดลีฮาวล์  แต่แม้ว่าเขามีพรสวรรค์ด้านศิลปะ แต่ผลการเรียนของเขากลับออกมาเลวร้าย: "อยู่บนถนนสู่ความล้มเหลว สิ้นหวัง มากกว่าเป็นตัวตลกในห้องเรียน เสียเวลาของนักเรียนคนอื่น ๆ"

แม่ของเขาซื้อกีตาร์ตัวแรกให้ในปี 1956 กีตาร์โปร่งรุ่นกีตาร์รุ่นแกลโลโทน แชมเปียน ราคาถูก โดยเธอให้ลูกชายยืมเงิน 5 ปอนด์ 10 ชิลลิง ในเงื่อนไขว่ากีตาร์ต้องถูกส่งมาที่บ้านของเธอ ไม่ใช่บ้านของมีมี เนื่องจากตระหนักว่าพี่สาวของเธอไม่สนับสนุนให้ลูกชายเป็นนักดนตรี ขณะที่มีมีสงสัยกับคำกล่าวที่ว่าเขาจะต้องมีชื่อเสียงสักวัน เธอหวังว่าเขาจะเบื่อดนตรี และมักบอกเขาว่า "กีตาร์เป็นสิ่งที่ดีนะจอห์น แต่แกจะหาเลี้ยงชีพจากมันไม่ได้หรอก"  ในวันที่ 15 กรกฎาคม 1958 ขณะเลนนอนอายุ 17 ปี แม่ของเขาเดินออกจากบ้านหลังจากเยี่ยมบ้านของสมิธ ถูกรถยนต์ชนและเสียชีวิต

เลนนอนสอบตกการวัดระดับการศึกษาทั่วไประดับโอทุกวิชา และได้รับเลือกเข้าเรียนที่วิทยาลัยศิลปะลิเวอร์พูลหลังจากป้าของเขาและอาจารย์ใหญ่เข้ามาช่วย ขณะเรียนที่วิทยาลัย เขาเริ่มใส่ชุดเท็ดดีบอย และเป็นที่จดจำในเรื่องขัดขวางการเรียนการสอนและล้อเลียนครู ส่งผลให้เขาถูกคัดชื่อออกจากวิชาวาดภาพ วิชาศิลปะกราฟิก และถูกตักเตือนว่าจะถูกไล่ออก หลังจากเขามีพฤติกรรมนั่งบนตักของนางแบบเปลือยในวิชาวาดภาพคน  เขาสอบตกการสอบประจำปี แม้ว่ามีเพื่อนและอนาคตภรรยาของเขา ซินเธีย เพาเอลล์ คอยช่วยเหลือ และเขาถูก "ไล่ออกจากวิทยาลัยก่อนเรียนปีสุดท้าย"


เปิดชีวิตสมาชิกนักร้องนำวง 4เต่าทอง(the beatles) John Lennon บุคคลที่โลกไม่ลืม

บทเพลงแรกของ จอห์น เลนนอน (John Lennon) ที่ทำให้วงดนตรีขนาดเล็กเท่าตัวเต่าทองของเขาโด่งดังข้ามทวีป จากเกาะอังกฤษไปสู่แผ่นดินอื่นเกือบทั่วโลก คือเพลง "Please Please Me" (ค.ศ. 1963) เป็นเพลงรัก เนื้อหาเวียนวนอยู่กับการวอนขอให้ "คุณเอาใจผม เหมือนกับที่ผมเอาใจคุณ" เขาเล่าไว้ว่าได้แรงบันดาลใจจากเพลงของนักร้องนักดนตรีชาวอเมริกันผู้เป็นต้นแบบดนตรีร็อกอย่าง รอย ออร์บิสัน (Roy Orbison) กับ บิง ครอสบี (Bing Crosby) เป็นการได้แรงบันดาลใจในการประพันธ์เนื้อร้องและทำนอง สะท้อนให้เห็นว่าเลนนอนในวัยหนุ่ม (ขณะนั้นเขามีอายุเพียงยี่สิบต้นๆ) เป็นนักดนตรีที่สุงสิงอยู่กับ "ความสนใจของตัวเอง" ทั้งในแง่รูปแบบและเนื้อหาตามประสาวัยรุ่นทั่วไป บทเพลงดังระดับโลกบทสุดท้ายของ จอห์น เลนนอน ที่ทำให้ทั้งชื่อและผลงานของเขากลายเป็น  หนึ่งในสัญลักษณ์ของการเรียกร้องสันติภาพสำหรับมวลมนุษยชาติ คือเพลง "Imagine" (ค.ศ. 1971) เนื้อหาโดยรวมของเพลงอมตะบทนี้คือการเรียกร้องให้ผู้ฟัง และมวลมนุษย์ชาติทุก ๆ คน "จินตนาการ" ถึงสังคมยูโธเปีย ที่ปราศจากการแบ่งแยกชนชาติ ปราศจากการแบ่งแยกทางศาสนา ปราศจากสงคราม ปราศจากนรกและสวรรค์ ให้มวลมนุษย์ทุกคนฝัน  จินตนาการ ถึงสันติภาพ   "ผมหวังว่าสักวันพวกคุณจะร่วมฝันไปกับเรา แล้วโลกก็จะอยู่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว"

จากหนุ่มน้อยผู้ขับกล่อมเพลงรัก เรียกร้องความสนใจจากสาวๆ กลายเป็นหนุ่ม "หัวรุนแรง" ผู้พยายามใช้ชื่อเสียง เงินทอง และศักยภาพทางดนตรีของตน คะยั้นคะยอขอสันติภาพจากเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ในระยะเวลาการทำงานไม่ถึง ๑๐ ปี ดูเหมือน จอห์น เลนนอน จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เติบโตขึ้น มีสาระมากขึ้น และทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้น

เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาดูดีกว่าดารานักร้องทั่วไป แม้คนจำนวนหนึ่งจะไม่ปลาบปลื้มพฤติกรรมของเขา ระแวงว่าเขาสร้างภาพเพียงบนผิวเปลือก วิจารณ์ทัศนคติของเขาว่าตื้นเขินไร้เดียงสา แต่ก็ยากจะ

เปิดชีวิตสมาชิกนักร้องนำวง 4เต่าทอง(the beatles) John Lennon บุคคลที่โลกไม่ลืม

ยุคแรกคือนักร้องขวัญใจวัยรุ่น เป็นหัวหอกของ เดอะบีเทิลส์ (The Beatles) วงร็อกที่โด่งดัง และประสบความสำเร็จมากที่สุดวงหนึ่งในประวัติศาสตร์ดนตรีสมัยใหม่ (อาจเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมากที่สุด หากวัดจากความเป็นตำนานและความสำเร็จเชิงพาณิชย์ที่ยังดำเนินต่อไปไม่จบสิ้น) สถานะของเขาในตอนนั้นไม่ต่างจากความนิยมที่สาวน้อยและสาวใหญ่มีให้ต่อสมาชิกวงประเภท "บอยแบนด์" ในปัจจุบัน นั่นคือห่างไกลจากการกระตุ้นต่อม "สำนึกต่อสังคม" ทั้งในภาพลักษณ์และผลงาน ตัวตนของเขาเป็นเพียงเครื่องหมายการค้า และเป็น "ต้นแบบ" ทางแฟชั่น บทเพลงของเขา (หรือของ "พวกเขา" ในนาม เดอะบีเทิลส์) อาจมีความน่าตื่นเต้นประทับใจในแง่ความแปลกใหม่ของเสียงดนตรี แต่ในด้านสาระและความหมาย มีเพียงไม่กี่เพลงเท่านั้นที่ขยับเคลื่อนห่างออกไปจากคำว่า "รัก"  ทว่า จอห์น เลนนอน ในยุคหลัง กลับกลายเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ การต่อต้านสงคราม การเรียกร้องสันติภาพ และเป็น "วีรบุรุษของชนชั้นกรรมกร" ดังที่เขาขับร้องด้วยน้ำเสียงขื่นขมอมประชดประชันในเพลง "Working Class Hero" จากผลงานอัลบัมเดี่ยว (แต่ทำร่วมกับโยโกะ โอโน่ ภรรยาคนที่สองของเขา) ชุดแรกที่ชื่อ John Lennon/Plastic Ono Band ในปี ๑๙๗๐ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นอย่างชัดเจนของ "จอห์น เลนนอน คนใหม่" ผู้ไม่อาจหวนกลับไปร่ำร้องอ้อนวอนให้สาวๆ "เอาใจ" เขา เหมือนที่เคยทำอีกแล้ว ระหว่าง จอห์น เลนนอน ยุคแรก กับ จอห์น เลนนอน ยุคหลัง ชายหนุ่มคนใดสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของนักร้องนักดนตรีผู้มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลกผู้นี้ เขาเป็นมนุษย์ผู้หมกมุ่นกับความรักและความต้องการของตัวเอง หรือเป็นยอดมนุษย์ผู้ห่วงใยความเป็นไปในสังคมมากกว่าความสุขสบายส่วนตัวกันแน่

คำตอบอาจไม่ใช่ทั้งสองคน ในความต่างของเพลงอย่าง "Please Please Me" และเพลง "Imagine" ยังมีความเหมือนที่แฟนเพลงทั้งสองยุคของเขาอาจไม่สามารถสังเกตเห็นในขณะนั้น แม้เพลงแรกเป็นเพลงที่พูดกับผู้หญิงเพียงหนึ่งคน และเพลงที่สองพูดกับมนุษยชาติ แต่สำหรับผู้พูดที่ชื่อ จอห์น เลนนอน เขาพูดด้วยความรู้สึก อารมณ์ และความต้องการที่ไม่ห่างไกลจากกันเท่าไรนัก

เป็นคำพูดของผู้ที่คิดว่าตัวเองขาดไร้ความรัก และทุกข์ตรมอยู่กับผลลัพธ์ของ "ความจริง"

เพลง "Imagine" อาจได้รับคำสรรเสริญเยินยอว่ามีเนื้อหางดงาม แต่เนื้อหาของมันย่อมต้อง มีจุดกำเนิดจากความหม่นเศร้าและผิดหวัง มีเพียงชีวิตในโลกแห่งการแบ่งแยก สงคราม และ

ความอยุติธรรมเท่านั้นที่ผู้คนจำเป็นต้องร้องเพลงอย่าง "Imagine" เพื่อวอนขอความสงบสุข เพื่อปลอบประโลมตัวเองว่า "ความฝัน" อันสวยงามในอุดมคติ "อาจจะ" เป็นจริงได้สักวัน

มนุษย์คงไม่จำเป็นต้องมี "จินตนาการ" หากโลกและชีวิตดำเนินไปตามความคาดหวังโดย

เพียบพร้อมสมบูรณ์

เปิดชีวิตสมาชิกนักร้องนำวง 4เต่าทอง(the beatles) John Lennon บุคคลที่โลกไม่ลืม

บทเพลงแรกในอัลบัม John Lennon/Plastic Ono Band ชื่อเพลง "Mother" ไม่ใช่เพลงที่ จอห์น เลนนอน แต่งขึ้นเพื่อสรรเสริญเทิดทูนมารดาของตัวเองแต่อย่างไร

Mother, you had me
But I never had you
I wanted you
But you didn't want me
So, I got to tell you
Goodbye, goodbye

แม่ของ จอห์น เลนนอน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนขณะที่เลนนอนอายุ ๑๗ ปี ส่วนพ่อของเขาทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่เลนนอนยังเป็นทารก เนื้อหาของเพลง "Mother" (ขับร้องด้วยน้ำเสียงโอดครวญของคนเจ็บปวดสาหัส) จึงไม่ได้มุ่งหวังประจานความบกพร่องในหน้าที่ผู้ปกครองของคนทั้งสอง หากแต่เป็นการเปิดโปงสภาวะ "ขาดความอบอุ่น" ของผู้ประพันธ์ หากตีความว่ามันเป็นบทเพลงของมนุษย์ผู้ปราศจากความรัก และผิดหวังกับสภาพแวดล้อมของตนเอง"Mother" ก็คล้ายคลึงกับ "Please Please Me" และ "Imagine" อย่างน่าประหลาดใจ ทั้งที่เพลงหนึ่งแต่งโดยหนุ่มหล่อขวัญใจวัยรุ่น เพลงหนึ่งแต่งโดยผู้นำขบวนประท้วงต่อต้านสงคราม และอีกเพลงหนึ่งแต่งโดยผู้ป่วยทางจิตที่ต้องการการบำบัดโดย ซิกมุนด์ ฟรอยด์ "Isolation" ("ความโดดเดี่ย;เดียวดาย") อีกบทเพลงจากอัลบัมเดียวกัน สารภาพว่า

People say we got it made
Don't they know
We're so afraid?
Isolation
We're afraid to be alone
Everybody got to have a home
Isolation

"ใครๆ ก็บอกว่าเราได้ดีไปแล้ว พวกเขาไม่รู้หรือว่าเราหวาดกลัวเหลือเกิน" จอห์น เลนนอน หมายถึงตัวเขา ภรรยา และพรรคพวกคนดังที่สังคมอิจฉาริษยาในความสำเร็จร่ำรวยแต่กระทั่งคนอย่าง พวกเขาก็ไม่สามารถหลบหนีหลุดพ้นจากความรู้สึกหวาดกลัวการถูกทอดทิ้งซึ่งสร้างความทุกข์ลึกๆ ให้มนุษย์ส่วนใหญ่ จอห์น เลนนอน อาจหยิบยกคนอื่นมาอ้างอิงเชื่อมโยงไปกับความรู้สึกของตัวเองบ่อยครั้ง ทว่า ในความหมายที่แท้จริง เขาไม่ได้พูดถึงใครนอกจาก จอห์น เลนนอน อัลบัม John Lennon/Plastic Ono Band คับคั่งไปด้วยบทเพลงเปิดโปงความทุกข์และเปลือยเปล่า ความอ่อนแอ นอกจาก "Mother" และ "Isolation" ยังมี "God" ("The dream is over..."ความฝันสิ้นสุดลงแล้ว) และอีกหลายบทหลายตอนในแต่ละเพลงที่ จอห์น เลนนอน กู่ตะโกนบอกกับโลกที่รู้จักเขาดี ว่าเขาเป็นเพียงคนอมทุกข์ที่พยายามหาหนทางดำรงชีวิตอยู่อย่างสันติกับความทรงจำขมๆ และความสับสนขื่นๆ ไปให้ได้เท่านั้น กระทั่งในเพลงเบาๆ ที่อ่อนโยนอย่าง "Love" เขายังสื่อว่า "Love is wanting to be loved,"ความรักคือการ "ต้องการได้ความรัก" จากคนอื่น  "ความต้องการ" นั่นคือแก่นสำคัญในตัวตน และผลงานของ จอห์น เลนนอน "ความต้องการ" ที่ไม่เคยได้รับการตอบสนองเพียงพอ

หลังจากอัลบัม John Lennon/Plastic Ono Band และก่อนที่เขาจะถูกฆาตกรรมเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๘๐ จอห์น เลนนอน สร้างงานดนตรีออกมาอีกไม่น้อย หลายเพลงได้รับสถานะ
ของความเป็น "อมตะ" ไม่แพ้ "Imagine" และหลายเพลงเช่นกันที่สะท้อนตัวตนของคน "ขาดความรัก" อย่างตรงไปตรงมา ทำให้เขาเป็นหนึ่งในต้นแบบของนักร้องประเภท "ระบายเรื่องส่วนตัว" ที่กลายเป็นวัฒนธรรมเล็กๆ สืบเนื่องต่อมาในวงการดนตรีร่วมสมัยหากไม่มีเพลงเปลือยอารมณ์ของ จอห์น เลนนอน วงการเพลงอาจไม่เคยมี เคิร์ท โคเบนอาจไม่เคยมีคนอย่างเอมิเน็ม หรือใครก็ตามที่จงใจสร้างงานศิลปะจากปัญหาส่วนตัวโดยไม่เหนียมอายหวาดหวั่นต่อสายตาวิพากษ์ของสังคม

You can live a lie until you die
One thing you can't hide
Is when you're crippled inside

"คุณจะอยู่อย่างเสแสร้งหลอกลวงไปจนวันตายก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณไม่อาจปกปิดบดบัง คือความพิกลพิการภายในจิตใจของคุณ" จอห์น เลนนอน ครวญในบทเพลง "Crippled Inside" จากอัลบัม Imagine นั่นดูเหมือนจะเป็น "คติ" ประจำตัวที่เขาเชื่อมั่นและยึดปฏิบัตินับตั้งแต่หลุดพ้นจากภาพของร็อกเกอร์หนุ่มหนึ่งใน "สี่เต่าทอง" วงดนตรีที่โด่งดังที่สุดในโลก
หรือบางที มันอาจเป็นคติที่เขาได้มาจากประสบการณ์เนิ่นนานก่อนหน้านั้นตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็กชายไร้ชื่อเสียง
ผู้ยื่นแขนร้องขอการโอบกอดแต่ไม่เคยได้รับการตอบสนองจากใครเลยสักคนเดียว

เปิดชีวิตสมาชิกนักร้องนำวง 4เต่าทอง(the beatles) John Lennon บุคคลที่โลกไม่ลืม

เปิดชีวิตสมาชิกนักร้องนำวง 4เต่าทอง(the beatles) John Lennon บุคคลที่โลกไม่ลืม

ขอขอบคุณเว็บ  ddeardoo.blogspot.com ,talk.mthai.com เเละ วิกิพิเดีย  ที่มาของข้อมูล

ภาพจาก playbuzz.com , ultimateclassicrock.com , .rollingstone.com ,billboard.com