"ยิ่งลักษณ์" ก่อหวอด!!  โพสต์ปลุกระดมมวลชน  ย้อนดูวีรกรรม ขุมพลัง "น.ป.ช."  ครั้งนี้จะซ้ำรอยเดิมหรือไม่ ??

"ยิ่งลักษณ์" ก่อหวอด!! โพสต์ปลุกระดมมวลชน ย้อนดูวีรกรรม ขุมพลัง "น.ป.ช." ครั้งนี้จะซ้ำรอยเดิมหรือไม่ ??

    จากการออกมาเคลื่อนไหวในเชิงปลุกระดมมวลชนอย่างต่อเนื้องของบรรดาพรรคเพื่อไทย ซึ่งรวมไปถึงตัวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ได้ออกมาป่าวประกาศเรียกร้องให้พี่น้องผู้ให้การสนับสนุน ซึ่งการออกมาในครั้งนี้ต้องย้ำกันอีกทีว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เคลื่อนไหวผ่านทางเฟสบุ๊ค ซึ่งมีผู้กดถูกใจ6,040,673 ราย และคนติดตามเพจ 5,965,870 ราย  โดยมีข้อความเชิงปลุกระดมว่า“ดิฉันขอเปลี่ยนกำลังใจจากแฟนเพจและพี่น้องประชาชน มาเป็นพลังให้ดิฉันได้มีความเข้มแข็งและอดทนค่ะ”

    เพราะเมื่อวันที่ 21 ก.ค. ซึ่งเป็นวัดนัดไต่สวนพยานนัดสุดท้ายในคดีที่ถูกอัยการสูงสุดฟ้องร้องละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยมิชอบ กรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ก็ได้มีความพยายามีที่จะระดมมวลชนมาแล้ว  ในครั้งนั้นถือเป็นการหยั่งเสียง ว่ายังมีมวลชนให้การสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ มากน้อยเพียงใด แต่ปรากฏว่า มีมวลชนคนเสื้อแดง ที่มาให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ประมาณ500ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนที่น้อยมาก เมื่อวัดกับการโหมกระแสของพรรคเพื่อไทย

    ทั้งนี้หากย้อนกลับไปดูขุมพลังมวลชนคนเสื้อแดง ก็ต้องไปพิจารณาทางด้านของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือนปช.ว่าจะมีพลังอำนาจในการนำพาคนเข้ามาขับเคลื่อนเหมือนในอดีตที่ผ่านหรือไม่  ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังดังกล่าวนั้น ดังกล่าวน่าจะลดน้อยถอยลงเป็นอย่างมาก เพราะแกนนำแม่เหล็กไม่ว่าจะเป็น นายจตุพร หรือนายอริสมันต์ และอีกหลายๆคนที่เคยขึ้นเวที เป็นที่ทราบกันดีว่าตอนนี้ก็ได้อยู่ในเรือนจำเป็นทีเรียบร้อยแล้ว จะเหลือเพียงหลักๆไม่กี่คน และ
นายณัฐวุฒิ  ใสยเกื้อ ก็ต่างมีชนักติดหลังกันทั้งนั้น

    ก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้ออกากล่าว เตือนที่น้องประชาชน พร้อมยังระบุด้วยว่า รัฐบาลคงไม่ไปสกัดประชาชนที่จะเข้ามา หรือจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ตาม มันไม่มีผลต่อการตัดสินคดี และได้แสดงความเป็นห่วง  โดยกล่าวว่า ที่ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการชุมนุมนั่นก็เพราะว่าเป็นห่วง เนื่องจาก การที่มวลชนออกมา ชุมนุมตามการปลุกระดมของแกนนำนั้น ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ซวยและถูกจับส่วนใหญ่นั้นก็เป็นผู้ที่มาชุมนุม แกนนำเดือดร้อนบ้างไหม ฉะนั้นหากใครมาก็จะต้องตรวจสอบว่าจะมาอย่างไร ถ้ามาเองก็คงเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว แต่ถ้ามีคนไปรับไปเกณฑ์ เอารถไปรับมา อย่างนี้ไม่ได้ถือว่าผิดกติกา อย่าสร้างความวุ่นวายเลย เขตศาลต้องระวัง โทษมันแรง"  

 

    อย่างที่ทางด้าน พล.อ.ประยุทธได้กล่าวเตือนไปนั้นใน “ประมวลกฎหมายอาญา” ได้กำหนดเรื่องการ “ดูหมิ่น” และ “ละเมิดอำนาจศาล” เอาไว้หลายวรรคหลายตอน ไม่ว่าจะเป็น มาตรา 198 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

    เช่นเดียวกับ “ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง” ในมาตรา 30  ที่ก็บัญญัติเรื่องนี้เอาไว้เช่นกันว่า “ให้ศาลมีอำนาจออกข้อกำหนดใดๆ แก่คู่ความ หรือแก่บุคคลภายนอกที่อยู่ต่อหน้าศาลตามที่เห็นจำเป็น เพื่อความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาล และเพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปตามเที่ยงธรรมและรวดเร็ว ... ”

     นอกจากนี้ ในมาตรา 31 กฎหมายเดียวกัน ยังได้ระบุฐานความผิดละเมิดอำนาจศาลว่า “ผู้ใดกระทำการอย่างใด ๆ ดังกล่าวต่อไปนี้ ให้ถือว่ากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
     1.ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลตามมาตราก่อนอันว่าด้วยการรักษาความเรียบร้อย หรือประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล

    2.เมื่อได้มีคำร้องและได้รับอนุญาตจากศาลให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลตามมาตรา 156/1 แล้ว ปรากฏว่าได้แสดงข้อเท็จจริงหรือเสนอพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาลในการไต่สวนคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล
    3.เมื่อรู้ว่าจะมีการส่งคำคู่ความหรือส่งเอกสารอื่น ๆ ถึงตน แล้วจงใจไปเสียให้พ้น หรือหาทางหลีกเลี่ยงที่จะไม่รับคำคู่ความหรือเอกสารนั้นโดยสถานอื่น
    4.ตรวจเอกสารทั้งหมด หรือฉบับใดฉบับหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสำนวนความ หรือคัดเอาสำเนาเอกสารเหล่านั้นไป โดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ มาตรา 54
    5.ขัดขืนไม่มาศาล เมื่อศาลได้มีคำสั่งตามมาตรา 19 หรือมีหมายเรียกตามมาตรา 277”
ขณะที่มาตรา 33 กำหนดบทลงโทษไว้ว่า  "ถ้าคู่ความฝ่ายใดหรือบุคคลใดกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลใด ให้ศาลนั้นมีอำนาจสั่งลงโทษโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือทั้งสองวิธีดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
 (ก) ไล่ออกจากบริเวณศาล หรือ
(ข) ให้ลงโทษจำคุก หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ

    “การไล่ออกจากบริเวณศาลนั้นให้กระทำได้ชั่วระยะเวลาที่ศาลนั่งพิจารณาหรือภายในระยะเวลาใด ๆ ก็ได้ตามที่ศาลเห็นสมควร เมื่อจำเป็นจะเรียกให้ตำรวจช่วยจัดการก็ได้ ในกรณีกำหนดโทษจำคุกและปรับนั้นให้จำคุกได้ไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท"

    อย่างไรก็ตามก็ต้องจับตาดูกันไปว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองเรา 25สิงหาคมนี้ จะได้รู้กันว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางมาฟังคำพิพากษาหรือไม่ และจะปลุกระดมสำเร็จ หรือไม่ จะมีคนเสื้อแดงออกมามากมายขนาดไหน จะเท่า10ล้านคน ตามที่นายวัฒนา เมืองสุข ได้ข่มขู่ไว้หรือไม่