หวนรำลึกความงดงามราชินีสิริกิติ์แห่งสยามประเทศ

เชื่อว่าพสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่าต่างเฝ้ารอวันมหามงคลยิ่งสำหรับปวงชนชาวไทยที่จะได้มีโอกาสถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา 12 สิงหาคม 2560 ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 

หวนรำลึกความงดงามราชินีสิริกิติ์แห่งสยามประเทศ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร (ภายหลังเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านักขัตรมงคล กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ) ประสูติแต่หม่อมหลวงบัว กิติยากร (สกุลเดิม: สนิทวงศ์) เมื่อวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ณ บ้านของพลเอก เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) บ้านเลขที่ 1808 ถนนพระรามที่ 6 ตำบลวังใหม่ อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร อันเป็นบ้านของพระอัยกาฝ่ายพระมารดา มีพระเชษฐา 2 พระองค์คือ หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์และหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ และมีพระกนิษฐาพระองค์หนึ่งคือหม่อมราชวงศ์บุษบา กิติยากร

หวนรำลึกความงดงามราชินีสิริกิติ์แห่งสยามประเทศ

เมื่อหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์มีอายุราว 2 ปี ขณะที่พี่เลี้ยงอุ้มอยู่นั้นก็มีแขกเลี้ยงวัวเข้ามาทำนายทายทัก ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะมีบุญวาสนาได้เป็นราชินีในอนาคต ดังที่ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ได้เล่าไว้ ความว่า  วันหนึ่งขณะที่พี่เลี้ยงอุ้ม ม.ร.ว.สิริกิติ์ เดินเล่น พอดีขณะนั้นมีแขกเลี้ยงวัว ซึ่งเป็นเพื่อนของแขกยามประจำบ้านมาหากัน พอแขกที่มาเหลือบเห็น ม.ร.ว.สิริกิติ์ ก็จ้องมองพร้อมทั้งกวักมือเรียกพี่เลี้ยงขอให้เห็นใกล้ ๆ หน่อย เมื่อเข้ามาใกล้มองดูสักครู่ก็พูดว่า "ต่อไปจะเป็นมหารานี" พี่เลี้ยงได้ฟังก็ชอบใจเที่ยวเล่าให้คุณยายและใครต่อใครฟัง ถึงไม่เชื่อแต่ก็ปลื้มใจ ต่อมาเมื่อ ม.ร.ว.สิริกิติ์ เจริญวัยขึ้น เลยเป็นเหตุให้คุณพี่ชายทั้งสองคนเอามาล้อเลียนเป็นที่ขบขันว่าเป็นราชินีแห่งอบิสซีเนีย [เอธิโอเปียในปัจจุบัน] บางครั้งถึงกับทำให้ผู้ถูกล้อต้องนั่งร้องไห้ด้วยความอายและเจ็บใจ แต่พี่ชายทั้งสองก็ยังไม่หยุดล้อ กลับเอาเศษผ้าขาด ๆ มาทำเป็นธงโบกอยู่ไปมา พร้อมทั้งบอกว่าเป็นธงประจำตัวของราชินี...     
— ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา

หวนรำลึกความงดงามราชินีสิริกิติ์แห่งสยามประเทศ

จนกระทั่ง ม.ร.ว.สิริกิติ์ อายุได้ 17 ปี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงขอหมั้นเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 และทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชินี ณ วังสระปทุม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเฉลิมพระยศสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เป็น "สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี" เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ต่อมาทรงได้รับสถาปนาเป็น "สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ" และนับแต่นั้นมา ทรงเป็น "มิ่งแก้วคู่พระบารมี" เคียงข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเสด็จฯ ณ ที่แห่งใดก็ตาม
หวนรำลึกความงดงามราชินีสิริกิติ์แห่งสยามประเทศ

พระสิริโฉมอันงดงามของสมเด็จพระราชินีแห่งประเทศไทย ได้รับคำกล่าวขานและยกย่องเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้โดยเสด็จฯพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปและสหรัฐอเมริกา หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในสองทวีปลงข่าวกันเอิกเกริกเกี่ยวกับความงามของพระองค์ อาทิ ไดเว็ลท์รายวันในกรุงบอนน์ ประเทศเยอรมนีตะวันตก (ในขณะนั้นยังแบ่งเป็นเยอรมนีตะวันออกและตะวันตก) ลงข่าวว่า

หวนรำลึกความงดงามราชินีสิริกิติ์แห่งสยามประเทศ


"ผู้มีเกียรติและบุคคลอื่น ๆ ที่ไปร่วมในพิธีการรับเสด็จต่างมีความมุ่งหมายอย่างเดียวกันคือ จะได้แลเห็นพระสิริโฉมอันงดงามของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ฉลองพระองค์สีขาวประทับเคียงข้างประธานาธิบดีลุบเก้แห่งเยอรมนี พร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงมีพระสิริโฉมเป็นเสน่ห์ราวเทพธิดา งดงาม และทรงประทับอยู่ด้วยความสง่าบนพรมผืนมหึมา แวดล้อมด้วยผู้มีเกียรติที่มาเฝ้าฯรับเสด็จ การแย้มพระสรวลของพระองค์ได้แปลงความรู้สึกของผู้ที่ได้พบเห็น จากความนับถือด้วยความสุภาพธรรมดา เป็นความรู้สึกด้วยความจริงใจ..."

หวนรำลึกความงดงามราชินีสิริกิติ์แห่งสยามประเทศ

หนังสือพิมพ์ในกรุงลอนดอน ถวายสดุดีว่า "ทรงเป็นพระราชินีที่สดใสท่ามกลางสายพระพิรุณ" ส่วนหนังสือพิมพ์ในประเทศอิตาลี พาดหัวข่าวว่า"พระองค์ (ราชินี) มีพระชนม์ 28 แต่ดูเหมือนน้อยกว่านั้น 10 ปี"หนังสือพิมพ์ในกรุงปารีส พาดหัวข่าวว่า "ปารีสรักสิริกิติ์-พระราชินีผู้ทรงยิ้ม" อีกฉบับของฝรั่งเศส เขียนสดุดีว่า ประเทศไทยใช้อาวุธคือความงามของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

หวนรำลึกความงดงามราชินีสิริกิติ์แห่งสยามประเทศ

หวนรำลึกความงดงามราชินีสิริกิติ์แห่งสยามประเทศ