จำคุกแน่!! แกนนอนแดง หลักฐานชี้ชัด! สั่งบุก ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน

      มาดูกันที่คดีสุดจะบรรลือ สร้างชื่อเสีย(ง)ให้ประเทศไทยในครั้งเป็นเจ้าภาพ “อาเซียนซัมมิท” ปี 52 ต่อสักหน่อย   ก่อนหน้านี้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจ ภูธรพัทยา จังหวัดชลบุรี ได้เคยออกเรียกตัวนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. หมายเรียให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สภ.พัทยา ในคดีที่ถูกแจ้งข้อหาว่า อยู่เบื้องหลังการบุกล้มการประชุมอาเซียน และร่วมไปถึงแกนนำคนเสื้อแดงอย่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์  นายอดิศร เพียงเกษ และนายแพทย์เหวง โตจิราการ

    ซึ่งก่อนหน้านี้ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง  และพวกอีก 12 คน แกนนำนปช. ผู้ที่ทำหน้าที่นำทัพ บุดล้มการ ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือ “อาเซียนซัมมิท” ปี 52

    เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 60 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้จำคุกนายอริสมันต์และพวก ที่เป็นกลุ่ม นปช.รวม 13 คน คนละ 4 ปีโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งต่อมาถูกคุมตัวเข้าสู่ เรือนจำทันที หลังศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว  ถึงแม้ว่าขณะนี้แกนนำบางส่วนได้ ออกจากเรือนจำแล้วก็ตาม แต่แน่นอนว่า แกนนำคนสำคัญอย่างนายอริสมัน ต์ยังคงชดใช้กรรมอยู่ในเรือนจำ
    ล่าสุดวานนี้(23 ส.ค.) 4 แกนนำ นปช.ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายอดิศร เพียงเกษ, นายแพทย์ เหวง โตจิราการ, และนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ เดินทางเข้าพบอัยการจังหวัดพัทยาเพื่อรายงานตัว หลังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา นำส่งสำนวนคดีสั่งฟ้องกรณีพากลุ่มมวลชนยกขบวนไปปิดล้อม และล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน

    นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าสำหรับการเดินทางมาที่อัยการจังหวัดพัทยา ในครั้งนี้ด้วย พนักงานสอบสวนนัดผู้ถูกกล่าวหาทุกคนมาพบเพื่อนำตัวส่งเจ้าพนักงานอัยการ ซึ่งการดำเนิน การถือว่าครบถ้วนตามกระบวนการ โดยพนักงานอัยการได้รับสำนวน และกำหนดนัดหมายผู้ถูกกล่าวหามาพบอีกครั้งในวันที่ 12 ธันวาคม 2560 เพื่อรับฟังความเห็นของอัยการว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ แต่ในระหว่างรอความเห็น จากอัยการ ทางกลุ่มก็จะทำหนังสือยื่นขอความเป็นธรรมตลอดจนแสดง ข้อมูลหลักฐานข้อเท็จ จริงต่างๆ เพื่อต่อสู้คดีในชั้นอัยการไปเลย
ทั้งนี้ทางกลุ่มได้เคลื่อนไหวและต่อสู้ทางการเมืองโดยยึดหลักสันติวิธีมาโดยตลอด ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่กระทำไปจึงอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบ ทั้งทางกฎหมาย และทางการเมือง ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาของปี 2552 เป็นสิ่งที่เป็นไป ภายใต้กรอบของกฎหมาย ดังนั้นจึงไม่มีข้อกังวลใดๆในการต่อสู้คดี

    นายณัฐวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า ขณะเดียวกันทางกลุ่มก็กำลังรอดูว่าสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติมีมาตรฐานในการปฏิบัติอย่างไรต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนายนี้ ซึ่งขึ้นเป็นพยานเท็จในศาลเพราะจากวันที่ศาลตัดสินจนมาถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นมาตรการอะไรออกมา ซึ่งหลังจากนี้ถ้าหากยังไม่พบมาตรการใดๆก็จะมีการทวงถาม เช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องของการท้วงติงเรื่องของพื้นที่การดำเนินคดีนั้น ในชั้นนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าอยู่ในขอบเขตอำนาจ อย่างไรก็ตามข้อท้วงติงนี้ จะเป็นข้อต่อสู้หนึ่งทั้งในชั้นอัยการและหากมีความเห็นสั่งฟ้องก็จะเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลอย่างแน่นอน
    ขณะที่นายอดิศร เพียงเกษ อดีต สส.ขอนแก่น กล่าว่า สำหรับการดำเนินคดีดังกล่าว ตัวเองไม่รู้ตัวมาก่อนทราบเพียงแต่ว่าพนักงานอัยการเคยมีคำสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ดูเหมือนว่าการดำเนินคดีในครั้งนี้เหมือนจะเร่งรัดในสิ่งที่มีคดีทุกเรื่องของฝ่ายเสื้อแดง ทั้งที่ตัวเองกับหลายคนในครั้งนั้นไม่ได้เดินทางมายังเมืองพัทยาเลย จึงไม่ทราบว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้ประมวลกฎหมายเล่มเดียว กับที่เรียนมาหรือไม่ ซึ่งหากทราบภายหลังว่ามีการตั้งข้อหากลั่นแกล้ง ก็มีความจำเป็นที่จะมีการฟ้องกลับตามกระบวนการพิจารณาของกฎหมายไทยต่อไป

  

      จำคุกแน่!!  แกนนอนแดง หลักฐานชี้ชัด! สั่งบุก ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (เจอดี- มีคลิป)

    ด้านฝั่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา กล่าวว่าหลังจากมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการรวบรวมหลักฐานสรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องและนัดผู้ต้องหามาแล้วส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมผู้ต้องหาให้อัยการจังหวัด โดยว23 ส.ค. มีผู้ต้องหามาเพียง 4 คน จาก 7 คน ขาดนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ที่ป่วยและให้ใบรับรองแพทย์มาแล้ว ซึ่งจะมีการแยกสำนวนการสอบสวนออกไปอีก สำนวนหนึ่งภายหลัง ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ นั้นมีหมายขังแนบมาด้วย รวมถึงนายจักรภพ เพ็ญแขร์ ที่หลบหนี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับ ไว้แล้ว     

       และถือว่าเป็นการดำเนินการส่งสำนวนและตัวผู้ต้องหาให้อัยการพิจารณาในชั้นอัยการต่อไป เบื้องต้นถือว่าเสร็จสิ้นในกระบวนการ ยกเว้นว่าอัยการสั่งให้มีการสอบสวน เพิ่มเติมหรือไม่เท่านั้น ส่วนอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่นั้นคงพิจารณาจากสำนวน ที่พนักงานสอบสวนยื่นให้ โดยอัยการนัดผู้ต้องหาอีกครั้งในวันที่ 12 ธันวาคม 2560 ทั้งนี้ไม่หนักใจหากทางกลุ่มจะมีการฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ มีหน้าที่รวบรวมหลักฐานตามความเป็นจริง จึงไม่หนักใจต่อการดำเนินการ

        ทั้งนี้ในโลกออนไลน์ได้มีการเปิดเผยถึงคนที่อยู่เบื้องหลังการบุกล้มการประชุมอาเซียน โดยอ้างว่าคือนายณัฐวุฒิเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการล้มการประชุมอาเซียนครั้งนี้ ซึ่งเป็นการปราศรัยของนายอริสมันต์ บนเวทีของคนเสื้อแดง บอกว่า “ณัฐวุฒิโทรมาหาตน และบอกว่าพี่กี้ไม่ต้องรอแล้ว บุกได้ทันที และขณะนั้นพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภารัตน์ กำลังปลุกใจพี่น้องประชาชนอยู่ ตนบอกพี่ไวพจน์ ว่าให้คนเสื้อแดงบุกเข้าห้องประชุมทันที เดินทางเข้าโรงแรมทันที เพราะว่าณัฐวุฒิให้ตังค์มาแล้ว180,000บาท และตนจะใช้แสนแปดนี้ให้คุ้มค่าที่ สุดในการไล่ล่านายอภิสิทธิ์ให้สำเร็จ”

  

        อีกทั้งยังพบหลักฐานเรียกว่ามัดตัว นายณัฐวุฒิ  ที่มีการเผยแพร่ยูทูปในระหว่าง ที่มีการชุมนุมคนเสื้อแดง โดยนายณัฐวุฒิ ได้ระบุตอนหนึ่งว่า
“มีพี่น้องเราสับสนกับสถานการณ์ พยายามโทรหาผมว่ามีการบุกเข้าไปในโรงแรม ใช่นโยบายของทางเราหรือไม่ มีการบุกเข้าไปในโรงแรม แสดงว่าคนเสื้อแดงกระทำนอกเหนือเวทีใหญ่ใช่หรือไม่ ผมตอบว่าไม่ใช่เราต้องบุกเข้าไปในโรงแรม”  

       เรียกว่าคดีนี้อย่างไรเสียทั้งพยานและหลักฐานก็ชี้ชัดเจนอยู่แล้วว่า  ผู้ที่กระทำการดังกล่าวมีความผิดจริงโดยศาลได้ตัดสินจำคุกนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง พร้อมพวกอีก 12 คนละ 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา   ซึ่งก่อนหน้านั้น ศาลชั้นต้นก็ได้ตัดสินในทำนองเดียวกันคือจำคุกคนละ  4 ปี  และในเมื่อหลักฐานชี้ชัดขนาดนี้แล้ว เพราะฉะนั้นแล้วใครก็ตามที่เป็นคนสั่งการหรือจ้างวานก็มีโอกาศเข้าคุกอย่างแน่นอน   ที่สำคัญกรณีนายอนิสมันต์ ศาลไม่ให้ประกันตัว

จำคุกแน่!!  แกนนอนแดง หลักฐานชี้ชัด! สั่งบุก ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (เจอดี- มีคลิป)

จำคุกแน่!!  แกนนอนแดง หลักฐานชี้ชัด! สั่งบุก ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (เจอดี- มีคลิป)