"อีฟ ทยา"จวกยิ่งลักษณ์ ไหนว่าจะไม่หนี?? แต่ก็ทำให้คนบางกลุ่มตาสว่างขึ้น และถือเป็นนิมิตหมายที่ดีกับการเมืองไทย

ยังคงกลายเป็นประเด็ดร้อนที่สุดและถูกหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างววกว้างภายหลังจากเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันชี้ชะตาตัดสินคดีจำนำข้าวของนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ท้ายที่สุดแล้วนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เดินทางมารับฟังการคำพิพากษา อ้างว่าน้ำในหูไม่เท่ากัน ล่าสุดศาลออกหมายจับแล้ว พร้อมยึดหลักทรัพย์ประกันตัว 30 ล้านบาท และนัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง 27 กันยายน 2560 ในเวลา 09:00 น. หากนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่เดินทางมา ศาลอาจจะมีการพิจารณาพิพากษาลับหลังจำเลยได้

หากจะเอ่ยชื่อสตรีนักสู้ที่เดินเคียงบ่าเคียงไหล่พร้อมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

หรือกลุ่ม กปปส. เมื่อครั้งที่มีการต่อต้านรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชนิดที่เรียกว่าถึงไหนถึงกันคงหนีไม่พ้นสตรีท่านนี้

นางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยานายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)

ทั้งนี้นางทยา ทีปสุวรรณ ชื่อเล่นอีฟ ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้เพื่อความถูกต้อง ในหลายต่อหลายครั้งพบว่าเธอนั้นได้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาผ่านทางเฟซบุ๊กหรือแฟนเพจส่วนตัวของเธอ

หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้หลายฝ่ายก็จับตาและออกมาวิเคราะห์สถานการณ์ร้อนทางการเมืองที่ส่อแววว่าจะปะทุขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่ ภายหลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกำหนดวันชี้ชะตานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ซึ่งตกเป็นจำเลยในคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายเป็นมูลค่ามากถึง 5 แสนล้านบาท หลายฝ่ายก็ออกมาแสดงความคิดเห็นว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะอยู่รอฟังคำพิพากษาคดีในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 หรือไม่ หรืออาจจะหลบหนีเหมือนกับพี่ชายของเธอนั่นคือนายทักษิณ ชินวัตร

 

ล่าสุดนางทยา ทีปสุวรรณ ได้โพสต์ข้อความในแฟนเพจส่วนตัวซึ่งมีเนื้อหาดังรายละเอียดต่อไปนี้

จากเหตุการณ์คดีประวัติศาสตร์นี้คงส่งผลกระทบในทางการเมืองหลายมุมที่น่าจะทำให้คนบางกลุ่มตาสว่างขึ้นและถือเป็นนิมิตหมายที่ดีกับการเมืองไทยในหลายประเด็น

1. วันนี้คุณยิ่งลักษณ์ได้แสดงธาตุแท้ให้คนทั้งประเทศเห็นแล้วว่า คำพูดที่กล่าวมาโดยตลอดว่า "ดิฉันจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้อง จะสู้คดีไม่หนีไปไหน เพราะถ้าหนี หนีนานแล้ว!!" ทั้งหมดนี้เป็นการโกหกคำโตของอดีตผู้นำประเทศที่หลอกหลวงประชาชนมาโดยตลอด

2. วันนี้เหล่าพลพรรคเพื่อไทยที่ออกมาแอ่นอกว่านายหญิงของตนจะยอมรับการตรวจสอบ กล้าเดินขึ้นศาลอย่างสง่างามนั้นก็หน้าแตกไปตามๆกันและคงต้องกลับไปไตร่ตรองว่าต่อไปจะฝากชีวิตไว้กับเจ้านายแบบนี้และพรรคของคนตระกูลนี้ได้อีกหรือไม่

3. วันนี้มวลชนคนเสื้อแดงที่เคยเทิดทูนบูชา แห่กันมาให้กำลังใจ เพราะคิดว่านารีขี่ม้าขาวของพวกเขา จะมีความกล้าหาญ ออกมาสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม แต่กลับหลบหนีตามรอยพี่ชายด้วยความขี้ขลาด ไร้ซึ่งภาวะผู้นำ มวลชลเหล่านั้นก็ต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไป แต่ทีสำคัญพวกเขาจะมองเห็นความจริงกันบ้างหรือยัง?

4. การปล่อยให้ลูกน้องที่ทำงานรับใช้นโยบายจำนำข้าว ต้องเดินคอตกเข้าเรือนจำกันหลายชีวิต มันบ่งบอกถึงการเอาตัวรอดและการไร้ซึ่งความรับผิดชอบอย่างชัดเจน

5. การตัดสินคดีในวันนี้ เป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองใหม่ว่านักการเมืองที่ตั้งใจเข้ามาหาผลประโยชน์จากการออกนโยบายทุจริตคอรัปชั่นนั้นจะทำได้ยากขึ้น และจะมีกระบวนการตรวจสอบและบทลงโทษที่เข้มงวดและชัดเจนมากขึ้น

6. ข้าราชการที่รับใช่นักการเมืองได้เห็นบทสรุปและชะตากรรมจากคดีนี้ คงต้องคิดหนักหากจะยอมเป็นกลไกในการหาผลประโยชน์และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการโกงกินจากนโยบายหาเสียงเหล่านั้น

7. ทหาร ตำรวจและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายควรต้องทบทวนมาตราการป้องกันผู้ต้องหาหนีคดีให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ เพราะขนาดมีอำนาจในมือเต็มที่ ยังปล่อยให้เกิดช่องทางการหนีได้ หรือหากมีคนในเครื่องแบบ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่สมรู้ร่วมคิด ก็ต้องจับดำเนินคดีเช่นกัน

สรุปสั้นๆว่า...กฎแห่งกรรมมีจริง และถึงแม้จะหนีคดีได้ แต่ย่อมหนีความจริงไม่ได้!!

ขอขอบพระคุณแหล่งที่มาของข้อมูลจาก : Taya Teepsuwan