วิรังรอง เตือนสติ เนติวิทย์!! กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ กว่าจะตื่นรู้และแก้ไข เกียรติภูมิจุฬาแทบมอดไหม้(เจอดี-มีคลิป)

ตามต่อกันที่เรื่องของนักศึกษาสุดอื้อฉาวอย่าง นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ผู้ซึ่งพยายามเหลือเกินที่มีตัวตนในสังคม  และก่อวีรกรรมต่างๆเรื่อยมา เป็นระลอกๆไม่ว่าจะเรื่องหมุดคณะราษฎร์  เรื่องต่อต้านการเกณฑ์ทหาร  และล่าสุด กับเรื่องที่เรียกกระแสให้ตัวเองได้อกีครั้งอย่างการสร้างความปั่นป่วนในงานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตใหม่ประจำปี 2560  ของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยยาลัย  ที่เป็นกระเเสครึกโครม กันอยู่ในช่วงก่อนหน้าไม่นานมานี้สักราวๆ เดือนสองเดือนที่ผ่านมานี้เห็นจะได้  

 

 ซึ่งก็จากกรณีคลิปด้านบนก็ทำให้หลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างก็ออกมาแสดงความเห็นกันมากมาย ถึงเรื่องดังกล่าวว่าไม่เหมาะไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง

อย่างล่าสุด ทางเฟสบุค วิรังรอง ทัพพะรังสี ของคุณ  วิรังรอง  ทัพพะรังสี  อดีต นิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.)   ที่โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวนี้ โดย มีถึง 2 ตอนด้วยกัน ระบุว่า....

โดยตอนแรกระบุว่า

 ตอนที่ ๑ ถามจุฬาฯ ว่าปัญหาเนติวิทย์ลบหลู่หรือแค่เดินออกจากแถว......วิเคราะห์บางประโยคต่อประโยค "บันทึกข้อความแจ้งสิทธิ์ตามกฎหมายปกครองถึง เนติวิทย์” ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม (ตามภาพประกอบ) ระบุว่า:
๑. "ด้วยเหตุการณ์และข่าวสารต่างๆในโลก Social Media ที่ส่งผลต่อชื่อเสียงของจุฬาลงกรณ์ฯ.....”
วิรังรองถาม: 
- แค่ประโยคแรกของบันทึกฯ อ่านแล้วก็งง.....ตกลงการกระทำอันไม่สมควรของเนติวิทย์..... หรือกระแสข่าวใน Social Media กันแน่ ที่ส่งผลต่อชื่อเสียงจุฬาฯ??????? (ที่กล่าวว่า"ส่งผลต่อชื่อเสียงของจุฬาฯ" อ่านแล้วเข้าใจว่าเป็นไปในทางลบ อีนัยหนึ่งทำให้เข้าใจว่า เป็นการทำให้จุฬาฯ เสียชื่อเสียง)
- ขอถามผู้บริหารจุฬาฯ.... ก่อนเขียนบันทึกฯ และก่อนตั้งคณะกรรมการฯ ควรตีโจทย์ให้แตกโดยใคร่ครวญถึง "เหตุ และผล" ให้ถูกต้องเสียก่อนดีไหมว่า "โซเชียล หรือ เนติวิทย์" ที่ "ส่งผลต่อชื่อเสียงของจุฬาฯ” ????? เพราะเมื่อมองไม่เห็นเหตุที่แท้จริง ย่อมไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง
เกรงใจเนติวิทย์มากไปหรือเปล่าคะ...เหตุใดจึงไม่เขียนให้ตรงประเด็นและชัดเจนลงไปว่า..... 
"ด้วยความประพฤติอันไม่สมควรในทางจิรยธรรมและมารยาทของเนติวิทย์ ได้ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของจุฬาฯ.....????
วิรังรองตอบ:
- เปล่าเลย..ข่าวสารต่างๆ ใน Social Media มิได้ทำให้ชื่อเสียงจุฬาฯ เสีย แต่เนติวิทย์นั้นแหละเป็นเหตุที่ส่งผลต่อชื่อเสียงของจุฬา (หลายครั้งแล้วด้วยค่ะ) โดยมีฝ่ายบริหารของจุฬาฯ เข้าประกอบ เรียกว่าเข้าประกอบ แปลว่า มีส่วนร่วมทำให้ชื่อเสียงจุฬาฯ เสียด้วย กล่าวคือไม่ให้ความสำคัญกับปัญหา ปล่อยให้เรื่องเดิมๆ เกิดขึ้นซ้ำสอง เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ เชื่องช้าในการแก้ปัญหา และตีโจทย์ไม่แตก เป็นเหตุเสริมที่ส่งผลโดยตรงต่อชื่อเสียงจุฬาฯ
- ข้อสังเกต: การขึ้นต้นบันทัดแรกใน “บันทึกข้อความ” โดยอ้าง Social Media เป็นเหตุให้จุฬาฯ เสียชื่อดังกล่าว แสดงวิสัยทัศน์ของ“ผู้บริหารจุฬาฯ” ว่า หากไม่มีกระแสโซเชียลต่อต้านการกระทำอันไม่เหมาะสมของเนติวิทย์ ผู้บิรหารจุฬาฯ ก็อาจจะไม่เห็นความสำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าว
- ข้อควรทำ: เห็นทีโซเชียลจะต้องช่วยกันเกาะติด ตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพราะคงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ผู้บริหารจุฬาฯ หันมาฟังความคิดเห็นของประชาชนคนไทย จนกว่าผู้บริหารจุฬาฯ จะได้จัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม ขออย่าระดมกดไลค์-แชร์กันเฉพาะช่วงฮิตติดสื่อ (แต่ถ้าเมื่อไรดิฉันโพส ถ้าเห็นด้วยก็ช่วยกดไลค์ ช่วยแชร์ด้วยจักเป็นพระคุณ 5555-678910++++)
๒. "คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิต” เห็นควรให้มีการสอบสวนพิจารณาการกระของเนติวิทย์ ๒ กรณี คือ
๒.๑. ใช้สถานที่ราชการประชุมโดยไม่ได้รับอนุญาต และ
๒.๒ แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมโดยเจตนา เดินออกจากแถวขณะประกอบพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นนิสิตฯ ในวันพฤหัสบดีที่ ๓ สิงหาคม ที่ผ่านมา
วิรังรองถาม: 
- คณะกรรมการชุดที่จะสอบสวนและพิจารณาลงโทษเนติวิทย์เกี่ยวกับจริยธรรมและมารยาทนั้น คือคณะกก. ชุดเดียวกับ "คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิต” หรือมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมา ขอให้ฝ่ายบริหารจุฬาฯ ช่วยตอบให้ชัดเจน ?????
- ตามข่าวจากสื่อที่ปรากฏก่อนหน้า ระบุว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนฯ แต่ในบันทึกฯ มีแต่การเอ่ยถึง "คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิต” ซึ่งเป็นคณะกก.ที่มีอยู่แล้ว โดยมิได้บอกกว่ามีการแต่งตั้งคณะกก. อื่นใดอีก "คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิต” จะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเท่านั้น หรือสอบสวนพิจารณาตัดสินลงโทษด้วย ทั้งนี้หากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาเพื่อสอบสวนพิจารณาและลงโทษโดยเฉพาะ ก็ขอถามว่าได้แต่งตั้งคณะกก. เสร็จหรือยัง ชื่อคณะกก.อะไร???? และขอให้เปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการทั้งหมดที่จะสอบสวนพิจารณาและลงโทษเนติวิทย์ ต่อสาธารณะได้หรือไม่ ?????
วิรังรองตอบ:
- ในตอนแรก คงไม่ได้ต้องการใช้บริการ "คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิต” เพราะดิฉันก็ได้ข่าวมาว่า ผู้บริหารจุฬาฯ ได้มีการทาบทามผู้ใหญ่หลายท่าน ผู้มีชื่อเสียง มีตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นที่น่าเชื่อถือ (ภายนอกรั้วจุฬาฯ ) เพื่อให้มาเป็นคณะกรรมการฯ แต่....ได้รับการปฏิเสธ...เรื่องนี้ดิฉันเห็นว่า ก็ในเมื่อเรื่องเกิดในจุฬาฯ อธิการบดีเองก็ประกาศว่าเรื่องนี้เป็นเรื่อง “ภายในจุฬาฯ ไม่เกี่ยวกับคนนอก” ตอนนี้หากจุฬาฯ แสวงหาคนนอกมาเป็นคณะกก. ก็ไม่เหมาะสม ดิฉันคิดว่า อธิการบดีนั้นแหละ ควรนั่งเป็นประธานคณะกรรมการฯ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
- ขอให้ผู้บริหารจุฬาฯ ประกาศรายชื่อคณะกก. ให้สาธารณชนทราบด้วย หวังว่ารายชื่อคณะกก. ดังกล่าวคงไม่ต้องปิดเป็นความลับ เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังทำให้การสอบสวนดูไม่โปร่งใส ยิ่งส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของผู้บิรหารจุฬาฯ เพิ่มมากขึ้น และหากไม่สามารถประกาศรายชื่อคณะกรรมการฯ ได้ ก็ขอให้ “ประกาศเหตุผล” ที่ต้องปิดเป็นความลับระดับท๊อปซีเครตด้วย
วิรังรองถาม:
- ข้อ ๒.๒ ข้างต้นนั้น การใช้คำว่า “แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมโดยเจตนา เดินออกจากแถวขณะประกอบพิธี......” ดิฉันขอถามผู้บริหารจุฬาฯ และ "คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิต” ว่า... มองเห็นปัญหาพฤติกรรมของเนติวิทย์เพียงแค่..."เดินออกจากแถว.....” เท่านั้นหรือ???
- ข้อกล่าวหาดังกล่าวฟังดูแล้วอ่อนมาก เพราะการกระทำของเนติวิทย์ ไม่ใช่เพียงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเรื่องการเดินออกจากแถว ซึ่งเป็นโทษเบา ดิฉันคิดว่าผู้บริหารจุฬาฯ ประเมินสมองและความคิดของ Social Media (เรียกตามในบันทึกจุฬาฯ) ต่ำเกินไป....เพราะพวกเรามิได้เป็นมังสวิรัติ กล่าวคือไม่ได้รับประทาน “หญ้า” เป็นอาหารหลัก.....เราจึงไม่ได้มองแค่การที่เนติวิทย์เดินออกจากแถว....(ขออภัยผู้ที่เป็นมังสวิรัติ มิได้มีเจตนากล่าวว่าท่านรับประทานญ้าเป็นเมนูหลักแต่เป็นการเปรียบเปรยนะคะ อย่าเคืองกันนะ)
แต่ที่ Social Media พากันจับตาเรื่องนี้อย่างกว้างขวงเพราะมองว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจตนาที่จะแสดงความหมิ่น....ลบหลู่....ต่อสถาบันอันเป็นที่รักเคารพของคนไทย ซึ่งเป็นประเด็นหลักและสำคัญที่สุดประการแรก แต่น่าแปลกที่ผู้บริหารจุฬาฯ มองไม่เห็นจุดนี้ หรือว่าเห็นแต่ละเลย ทั้งที่ดิฉันจำได้ว่า ดิฉันเป็นคนยกประเด็นนี้อย่างชัดเจนกลางที่ประชุมกับอธิการบดี, นายเทวินทร์ วงศ์วานิช อดีตนายกสามาคมศิษย์เก่าจุฬาฯ และผู้บริหารจุฬาฯ หลายคน พร้อมกับคณะนิสิตเก่าที่เข้าร่วมประชุมด้วย หลังเนติวิทย์ก่อเรื่องทำนองเดียวกันนี้ครั้งแรก นี้แสดงว่าคำพูดของดิฉันมิได้ทำให้พวกเขาเหล่านั้นสำเหนียกถึงประเด็นที่สำคัญยิ่งนี้เลยแม้กระทั่งในวันนี้ที่ปัญหาได้เกิดขึ้นซ้ำสอง
จึงขอย้ำฝากอธิการบดีไว้อีกครั้งว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบต่อจิตใจคนไทยทั้งชาติ "เป็นพฤติกรรมที่ลบหลู่ หมิ่น และหยามพระเกียรติ พระผู้ทรงให้กำเนินสถาบันที่เนติวิทย์ เข้ามาขอเป็นที่พึ่งที่อาศัยในการศึกษาเล่าเรียนเพื่อเป็นเกียรติประวัติต่อครอบครัว เป็นความภาคภูมิใจของบิดามารดาผู้ให้กำเนิด และเป็นประโยชน์ในการต่อยอดอนาคตของเนติวิทย์ให้สูงขึ้น นี้ยังไม่นับรวมถึงผลที่กระทบถึงขนบธรรมเนียมประเพณีอันเป็นรากเหง้าของชาติไทย และก่อให้เกิดความแตกแยก


    สังคมมองปัญหาในเรื่องนี้ว่า มิได้อยู่ที่ “การกระทำ” ของเนติวิทย์ แต่อยู่ที่เจตนาและเหตุของเจตนาแห่งการกระทำนั้นๆ ถ้าหากว่าผู้บริหารจุฬาฯ ตั้งคณะกก. ขึ้นมาเพื่อสอบสวนเนติวิทย์เรื่องเดินออกจากแถวซึ่งเป็นแค่ "การกระทำ” โดยมองไม่เห็นถึงเจตนาและเหตุของเจตนาแห่งการกระทำนั้นของเนติวิทย์ ก็ขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าดิฉันเชื่อว่า เสียเวลาเปล่า....


    เนติวิทย์ มิใช่เด็กแล้ว มีเสียงหนาหูว่า "อย่าไปให้ค่าเด็ก หรือเดี๋ยวก็เงียบไปเอง...” แต่วัยนี้คือวัยรุ่นที่กำลังจะเป็นผู้ใหญ่ เป็นทรัพยากรมนุษย์ เป็นอนาคตของชาติ หากเนติวิทย์ใช้ความกล้าและความคิดปัจจเจกที่มีในทางสร้างสรรค์เพื่อความปรองดองสามัคคี มีความกตัญญรู้คุณ เขาจะเป็นผู้นำที่ดี เราส่งลูกเข้าโรงเรียนเพื่อให้เขาเรียนวิชาและให้คุณครูสอนให้เขาเป็นคนดี แล้วเหตุใดเล่า เมื่อเขาสร้างปัญหาขึ้น เรากลับผลักไสเขาและบอว่า...อย่าไปให้ค่าเด็กคนนั้นที่อาจพลาดพลั้งทำผิดไป นี้จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายวิสัยทัศน์ของอธิการบดีจุฬาฯ ที่จะแสดงจุดยืนของผู้บริหารระดับสูงที่ชัดเจนในเรื่องนี้ให้แก่คณะผู้บริหารระดับรองลงมา และคณาจารย์ โดยเฉพาะคณะบดีและอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ว่าหน้าที่ของสถาบันจุฬาฯ และหน้าที่ของอาจารย์ที่มีต่อนิสิตที่พวกคุณสกรีนรับเข้ามาเองนั้นน่ะ....คืออะไร 

    และจะต้องทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหานี้...ทำอย่างไรที่จะแปรสสภาพคนที่คิดต่างในทางที่เป็นโทษต่อตนเองและสังคมให้เป็นคนดีให้ได้.....อย่าแก้ปัญหาเหมือนเรื่องนี้เป็นแค่ปัญหาเฉพาะหน้า ขายผ้าเอาหน้ารอดไว้ก่อน หรือผักชีโรยหน้าเยอะๆ เข้าไว้คงไม่เป็นไร อย่าคิดเพียงว่า อีกสองสามปีก็เรียนจบออกไปจากจุฬาฯ แล้วเรื่องก็จบ เพราะมันอาจจะไม่จบแม้ในจุฬาฯ ด้วยผลไม้พิษได้แพร่พิษขยายพันธ์หยั่งรากลึกไว้เรียบร้อยแล้วในร่มรั้วจุฬาฯ ส่วนพ่อพิษก็ได้ออกไปกระจายพันธ์ในสังคมที่ใหญ่กว่า


วิรังรอง ทัพพะรังสี
นิสิตเก่า สิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ รุ่น ๓๐ 
๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐

ซึ่งอีกไม่นาน ก็ตามต่อด้วยตอนที่ 2 โดยมีข้อความระบุว่า

ตอนที่ ๒: กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ กว่าอธิการบดีจะตื่นรู้และแก้ที่เหตุ...เกียรติภูมิจุฬาฯ .....ก็แทบมอดไหม้..

ไม่จบง่ายๆ เมื่อสภานิสิตฯ ไม่ยอมรับคำสั่งจุฬาฯ.... สืบเนื่องจากวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๐ จุฬาฯ ได้มีคำสั่งตัดคะแนนความประพฤติเนติวิทย์และให้พ้นจากสมาชิกสภานิสิตสามัญซึ่งมีผลให้พ้นสภาพประธานสภานิสิตฯ โดยเนติวิทย์ได้รับคำสั่งดังกล่าวในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ช่วงบ่าย หลังจากที่ได้รับมอบเข็มกลัดประธานสภาฯ ในพิธีไหว้ครูของจุฬาฯ ในช่วงเช้า รวมเวลาติดเข็มกลัดประธานสภานิสิตฯ บวก-ลบ...ไม่น่าจะถึง ๒ ชม. ก่อนถูกปลด

ล่าสุดใสวันเดียวกัน (๓๑ ส.ค. ) สภานิสิตจุฬาฯ ได้ทำหนังสือ...ที่จริงก็ไม่ทราบว่าจะเรียกว่าอะไร เลยขอเรียกว่าหนังสือเพราะง่ายดี เนื่องจากไม่มีแสดงที่หัวเอกสารว่าเป็นหนังสือเปิดผนึก แถลงการณ์ หรืออะไร....แต่มีข้อความ"แสดงจุดยืนไม่ยอมรับคำสั่งทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว และขอเรียกร้องให้คณะกรรมการชี้แจงกระบวนการพิจารณาและข้อกล่าวหาอย่างชัดเจนแก่นิสิตที่ถูกสอบสวน รวมทั้งเปิดโอกาสให้นิสิตที่ถูกสอบสวนได้มีระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและแก้ข้อกล่าวหาอย่างเต็มที่ในชั้นของการอุทธรณ์ต่อไป”

สรุปสั้นๆ ว่า...เนติวิทย์และพวก จะยื่นอุธรณ์... ซึ่งเรื่องนี้ดิฉันไม่ติดใจ เพราะเป็นเรื่องที่เนติวิทย์สามารถทำได้ในการยื่นอุธรณ์ แต่ติดใจตรงที่สภานิสิตฯ ออกจาดหมายไม่ยอมรับคำสั่งนั้น ทั้งที่จุฬาฯ ไม่ได้มีคำสั่งยุบสภานิสิต หรือเปลี่ยนแปลงริดรอนหน้าที่ของสภานิสิตฯ ซะหน่อย...การที่สภานิสิตออกจดหมายจึงเป็นเรื่องที่จุฬาฯ ควรให้ความสนใจว่า กลไกกิจการนิสิตมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างไร...เพื่อที่จะได้ไปอบรม ให้ความรู้ สั่งสอนสภานิสิตถึงขอบเขตอำนาจหน้าที่ของสภานิสิตว่ามีอะไรบ้าง และชี้แจงว่าไม่ควรนำสภนิสิตฯ ไปทำเรื่องเรื่องส่วนบุคคล หากต้องการแสดงออกเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยหรือสิทธิเสรีภาพใดๆ นิสิตควรทำได้ในนามส่วนตัวไม่

คำถามที่สงสัย
๑. การกระทำของเนติวิทย์เป็นเรื่องความผิดส่วนบุคคล สภานิสิตฯ มีหน้าที่เพียงแค่ “กำกับดูแลการบริหารงานขององค์การบริหารสโมสรนิสิต (อบจ.) ให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อสภานิสิตฯ พิจารณาและควบคุมการจัดสรรงบประมาณ การเงิน และบัญชี เป็นต้น เท่านั้น ไม่มีหน้าที่อื่นใดโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการไต่สวนหรือพิจารณาคดีความผิดส่วนบุคคลของนิสิต ดังนั้นการออกหนังสือดังกล่าวน่าจะเป็นการกระทำเกินหน้าที่ของสภานิสิตฯ ที่ฝ่ายบริหารจุฬาฯ ได้กำหนดไว้หรือไม่?

อนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ สภานิสิตฯ ได้เคยออกแถลงการณ์สนับสนุนโจชัว หว่อง นักศึกษาและแกนนำนักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง โดยอ้างในนามสภานิสิตจุฬาฯ ย่อหน้าสุดท้าย ความว่า “ทั้งนี้ สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้แทนนิสิตฯ จุฬาฯ....จึงออกแถลงการณ์ฉบับนี้เพื่อ......” การออกแถลงการณ์ดังกล่าว นอกจากเป็นการทำที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า นิสิตจุฬาฯ ส่วนใหญ่เห็นด้วยและสนับสนุนกับแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองภายในของมิตรประเทศดังกล่าวแล้วยังเป็นการใช้ชื่อสภานิสิตฯ ไปปทำกิจกรรมอันนอกเหนือจากหน้าที่ของสภานิสิตฯ ที่จุฬาฯ ได้กำหนดไว้ โดยที่จุฬาฯ ไม่ได้ตักเตือน ห้ามปราม ทบทวนหน้าที่ของสภานิสิตฯ ให้เข้าใจ กลับปล่อยเลยผ่านไป จึงทำให้สภานิสิตฯ ออกหนังสือฉบับอื่นตามมาดังกล่าวข้างต้น

อ่าน "กรณีโจชัว หว่อง..และแถลงการณ์สภานิสิตฯ ได้ที่: https://www.facebook.com/Dabbaransi.Wirangrong/posts/10157187155583973?notif_t=like&notif_id=1503312831156896

หากการออหนังสือและแถลงการณ์สองฉบับนี้ โดยเฉพาะฉบับที่ข้ามไปสนับสนุนโจชัว หว่อง ถึงเกาะฮ่องกง เป็นการทำเกินอำนาจหน้าที่ สภานิสิตฯ ควรที่จะต้องได้รับการพิจารณาตักเตือนและลงโทษตามสมควรหรือไม่ ในเบื้องต้น เช่น ทําทัณฑ์บน????

๒. สภานิสิตฯ ได้ศึกษา ทำความเข้าใจหน้าที่ของสภาฯ ดังที่กล่าวมาแล้วหรือไม่ ก่อนที่จะได้สมัครเข้ารับเลือกตั้งว่าหากได้รับเลือกแล้วจะเข้ามาทำหน้าที่อะไรได้บ้างตามที่จุฬาฯ กำหนดไว้??? การกระทำของสภานิสิตฯ ที่ออกหนังสือที่เกินอำนาจหน้าที่ นั้นเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่????

จากการที่ได้ผ่านตาข่าวของเนติวิทย์กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับมหาวิทยาล้ยที่ทำแบบนี้ ยังหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม เพราะตนยังมีงานต้องทำอีกมากในจุฬาฯ ตามวิสัยทัศน์ที่ตนคิดไว้....เอ้อ...อ่านแล้วขอโทษนะคะ เนติวิทย์รุ่นน้องสิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ เราห่างกัน ๔๑ รุ่น คณะเรานี้สอนให้อ่านหนังสือละเอียดละออมากนะ เราเรียนรู้การเป็นผู้นำ การปกครองและกฎหมายปกครอง....แต่ที่พี่ได้รับข่าวมาว่าน้องพูดเช่นนี้ ถ้าเป็นความจริง ทำให้พี่เห็นว่า น้องยังไม่พร้อมพี่จะเป็นผู้นำกิจกรรมใดๆ ในจุฬาฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้องไม่ได้ศึกษา อ่านให้ดีก่อนว่า สภานิสิตฯ มีหน้าที่เฉพาะมาก ไม่ใช่ว่าได้ตำแหน่งประธานสภานิสิตฯ มา จะทำให้น้องใช้ชื่อสภานิสิตฯ ไปทำงานอื่นใดตามวิสัยทัศน์ได้ โน้น ถ้าอยากทำอะไรเช่นนั้น น้องต้องทำเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่แอบอิงอาศัยตำแน่งประธาน โลโก้ และชื่อสภานิสิตฯ ไปใช้เพื่อโพรโหมดวิศัยทัศน์ของน้องซึ่ง ณ ขณะนี้ พี่ยังมีความเชื่อว่า นิสิตส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับวิศัยทัศน์ของน้อง การที่น้องกล่าวเช่นนี้เป็นการไม่รอบคอบ และขาดวิสัยทัศน์ ส่วนหนึ่งพี่ก็เคยชื่นชมน้องว่าเป็นคนรุ่นใหม่มีความคิดของตนเอง มีอุดมการณ์ แม้พี่จะคิดว่าสุดโต่งตรงข้ามกับพี่ก็ตาม แต่ตอนนี้ คำพูดที่น้องแสดงออกมาจากความคิดของน้อง มันเหมือนพวกนักการเมืองรุ่นเก่าน้ำเน่าใช้กัน คือไม่มีอุดมการณ์ เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ที่ได้มาเล็กน้อยๆ จิ๊บๆ ไปในทางที่ผิด ไม่อยากเลยไปถึงว่าเป็นการเล่นพวกเล่นพ้องช่วยเหลือกันเฉพาะกลุ่ม นี้ไม่ใช่ความคิดและพฤติกรรมของคนที่แสวงหาความยุติธรรมจากสังคม ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำคนอื่น คนที่เรียกร้องหาความเท่าเทียม ถามหาสังคมที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่กลับเอาสภานิสิตฯ ไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งส่วนตัวเช่นนี้ จะเป็นผู้นำ หรือเรียกว่าเป็นผู้มีอุดมการณ์ได้หรือ?????

๓. ก่อนที่จะสมัครเข้ารับเลือกตั้ง... สภานิสิตฯ ได้ศึกษา ทำความเข้าใจถึงกฏ ระเบียบ ข้อกำหนดของจุฬาฯ เกี่ยวกับที่มา และที่ไปของสมาชิกสภาฯ หรือไม่ เหตุใดจึงยอมรับข้อกำหนด “ที่มา” ของสมาชิกสภา แต่เมื่อ "ต้องไป คือเมื่อมีเหตุต้องให้สิ้นสุดสถานภาพ” กลับไม่ยอมรับระเบียบจุฬาฯ ว่าด้วยสโมสรนิสิตจุฬาฯ พ.ศ. ๒๕๒๙ ที่ระบุว่า สมาชิกสภานิสิต จะต้องไม่เป็นนิสิตที่เคยถูกลงโทษตัดคะแนนความประพฤติสะสมตั้งแต่ ๒๐ คะแนนขึ้นไป

๓. ขั้นตอนการออกหนังสือนี้ถูกต้องหรือไม่ หนังสือนี้ออกวันที่ ๓๑ ส.ค. ๒๕๖๐ หลังเนติวิทย์ได้รับคำสั่งฯ....องค์ประชุมครบหรือไม่ สมาชิกสภาฯ ได้ร่วมร่างหนังสือ อ่าน และพิจารณา ข้อความในหนังสือ "ก่อนลงมติ” หรือไม่???

๔. เพิ่งเขียนไปในตอนที่ ๑ ว่า ตั้งแต่มีปัญหากรณีเนติวิทย์เกิดขึ้น ไมเคยเห็นหน้าดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาฯ ออกมาแถลงข่าวเลย เห็นแต่มอบหมายให้คนอื่นทำหน้าที่แทนไปเสียหมด แต่แล้วล่าสุดมีข่าวว่า วันที่ ๓ กันยายน ศกนี้ เนติวิทย์และพวก อาจจะจัดแถลงข่าว ณ คณะสังคมวิทยาฯ เกี่ยวกับประเด็นสิทธิเสรีภาพในสถาบันการศึกษา...เรื่องนี้ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ทราบหรือไม่และคิดว่าการแถลงข่าวดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นจะส่งผลดี-เสีย ต่อจุฬาฯ อย่างไรหรือไม่?? ผู้นำ ผู้บริหารควรต้องเดินนำหน้า ก้าวไปข้างหน้าก่อนอย่างน้อย ๑ ก้าว ไม่ใช่แอบอยู่ข้างหลังลูกน้อง นี้เห็นเนติวิทย์รุกเดินหน้าฝ่ายเดียว ระดับผู้บริหารจุฬาฯ เอาแต่ตั้งรับอย่าง...ไม่ค่อยจะเป็นท่านัก....

๕. คำถามสุดท้ายคือ สงสัยว่า ทำไมเนติวิทย์ไม่ "ออกหนังสือหรือแถลงการณ์ในนามตนเอง" "อย่างเป็นทางการ” ให้ชัดเจน ว่าไม่ยอมรับคำตัดสินและจะอุธรณ์??? ซึ่งดิฉันคิดว่า หากเนติวิทย์ทำเช่นนั้น ยังสง่างามมากกว่าการกระทำในนามสภานิสิตฯ เพราะจะเป็นการแสดงออกถึงซึ่งการเคารพกฏ ระเบียบและเป็นไปตามสิทธิที่จุฬาฯ กำหนดให้ไว้แก่นิสิตทุกคน

สรุป ดิฉันมีความสงสัยเกี่ยวกับหนังสือของสภานิสิตทั้งหน้าที่ของสภานิสิตว่ามีอำนาจหน้าที่ออกหนังสือดังกล่าวได้หรือไม่ ความเหมาะสมในเนื้อหาที่ปรากฏ และขั้นตอนกระบวนการในการออกหนังสือดังกล่าว ตลอดจนท่าทีของฝ่ายบริหารจุฬาฯ ว่ามีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไร จะปล่อยให้สภานิสิตฯ ออกหนังสือ หรือแถลงการณ์ครอบจักรวาลได้ทุกเรื่องไปได้ทั่วโลกตามอำเภอใจเช่นนี้ต่อไปโดยเอาหูไปนาเอาตาไปไร่...ชั่วกาลนาน หรือจะชี้แจง ตักเตือน ห้ามปราม อบรม

ติดตามบทความต่อไปนะคะ เรื่องผู้บริหารจุฬาฯ บางคนที่เพิ่งลาออกไม่นานนี้.....

วิรังรอง ทัพพะรังสี
นิสิตเก่า คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
๑ กันยายน ๒๕๖๐

คติพจน์วันนี้...กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้...กว่าอธิการบดีจะตื่นรู้และแก้ที่เหตุ...เกียรติภูมิจุฬาฯ .....ก็แทบมอดไหม้...

ป.ล. เนติวิทย์เข้าพบคณะกรรมการฯ เพื่อให้ปากคำโดยมี ส. ศิวรักษ์ ไปด้วย ในฐานะ "ผู้ปกครอง" แต่ส. ศิวรักษ์ ไม่ได้รับการอนุญาตให้สอบถามหรือกล่าวสิ่งใดๆ...จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน.....

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เฟสบุค วิรังรอง ทัพพะรังสี