เบิกตัว นช.เณรคำ ขึ้นศาลคดีพรากผู้เยาว์ ยังปากแข็งขอสู้คดีนัดสืบพยาน มิ.ย. 61 (มีคลิป)

กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตาอีกครั้ง สำหรับข่าวดังกระฉ่อนไปทั่วโลกกระทบวงการพระพุทธศาสนาไทย ตั้งแต่ปี 2556 คดีของ “เณรคำ” ซึ่งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา ถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยเป็นที่เรียบร้อย หลังศาลแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีคำสั่งให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนข้อหาพรากผู้เยาว์ และกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี

เบิกตัว นช.เณรคำ ขึ้นศาลคดีพรากผู้เยาว์ ยังปากแข็งขอสู้คดีนัดสืบพยาน มิ.ย. 61 (มีคลิป)

ย้อนดูต้นกำเนิดของพระฉาว “หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก” มีนามเดิมว่า “วิรพล สุขผล” เกิดที่บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2522  “หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก” เป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้องทั้ง 5 คน ของนายรัตน์ สุขผล และนางสุดใจ สุขผล เมื่อหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก บวชเป็นพระภิกษุแล้ว ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “ฉัตติโก” หรือ “พระอาจารย์ วิรพล ฉัตติโก

 

“เณรคำ” มาจากครอบครัวที่ยากจน เลิกเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากนั้นได้บวชเป็นเณรที่วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่13 กันยายน 2537 ซึ่งขณะนั้นอายุได้ 15 ปี กระทั่งอายุ 20 ปี ได้บวชเป็นพระที่วัดดอนทาด ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2542 ต่อมาได้ไปสังกัดที่วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี หลังจากนั้นจึงย้ายไปอยู่ที่วัดป่าบ้านยางหรือวัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ

เบิกตัว นช.เณรคำ ขึ้นศาลคดีพรากผู้เยาว์ ยังปากแข็งขอสู้คดีนัดสืบพยาน มิ.ย. 61 (มีคลิป)

(18 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีดำที่ อ.2340/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายวิรพล สุขผล หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ เป็นจำเลยในความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จากบิดา มารดา หรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจาร

เบิกตัว นช.เณรคำ ขึ้นศาลคดีพรากผู้เยาว์ ยังปากแข็งขอสู้คดีนัดสืบพยาน มิ.ย. 61 (มีคลิป)

ซึ่งโจทก์ได้ขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ศาลชั้นต้นแห่งรัฐบาลกลางรัฐแห่งแคลิฟอร์เนียมีคำสั่งให้ส่งตัวมาไทย โดยผู้เสียหายดังกล่าวได้เคยยื่นฟ้องจำเลยเองต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษ เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1917/2556 ที่ศาลยกฟ้องเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 2820/2557 ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราและความผิดต่อเสรีภาพ ซึ่งศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องแล้วแต่ผู้เสียหายไม่มาเบิกความต่อศาลคงมีเพียงบุคคลที่อ้างเป็นคนรู้จักข้างบ้าน มาเบิกความเป็นพยานปากเดียวเท่านั้นซึ่งไม่รู้เห็นการกระทำผิดของจำเลย ดังนั้น การฟ้องคดีดังกล่าวจึงมีพฤติการณ์บ่งชี้ว่าเป็นการดำเนินคดีในลักษณะสมยอมเป็นการกระทำโดยไม่สุจริต จึงไม่เป็นเหตุให้สิทธิการนำคดีอาญานั้นมาฟ้องต้องระงับไป โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยคดีนี้ โดยก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยยื่นคำร้องขอสืบพยานไว้ล่วงหน้าแล้ว 2 ปากตั้งปี 2559  โดยวานนี้เจ้าหน้าราชทัณฑ์เบิกตัวจำเลยทั้งมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องแล้ว จำเลยยืนยันให้การปฏิเสธ ขณะที่ทนายความแถลงขอนำพยานบุคคลเข้าสืบจำนวน 9 ปาก ใช้เวลา 6 นัด ฝ่ายจำเลยขอสืบพยาน 9 ปาก ใช้เวลาสืบพยาน 3 นัด ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต และนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ในวันที่ 8 มิ.ย. 2561 เวลา 09.30 น.