เหยื่อร้อง DSI ถูกหลอกเช่าซื้อรถติดไฟแนนซ์ 30คัน ผ่านเฟซบุ๊ก-ไลน์ ถูกเชิดรถหาย เดือดร้อนกว่า 20ล้านบาท ถูกไฟแนนซ์ติดตามทวงหนี้ทั้งที่ไม่มีรถ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 กันยายน 2560 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)นายอนุพงษ์ ชำนาญเสริม อายุ 37 ปี นายประจักษ์ เคนคำ อายุ 38 ปี นายปารีส ปันแก้ว อายุ43 ปี น.ส.บุณยนุช อยู่สบาย อายุ 35 ปี เป็นตัวแทนของกลุ่มผู้เสียหายจากการนำรถยนต์จำนวน 30 คัน ไปขายดาวน์ 

ให้กับกลุ่มบุคคลที่รับซื้อรถยนต์ติดไฟแนนซ์  ที่ทำการโพสต์ข้อความรับซื้อผ่านทางเฟซบุ๊กซึ่งทำสัญญาเช่า จ่ายเงินให้บางส่วน และบอกว่าจะไปผ่อนต่อไปแนนซ์ให้จนครบสัญญา แต่สุดท้ายเชิดรถยนต์ของผู้เสียหายหนีไป โดยไม่ผ่อนรถกับไฟแนนซ์ต่อให้ 

จึงทำให้เดือดร้อนถูก บริษัทสินเชื่อฟ้องร้องเอาผิดกับผู้เสียหายรวมมูลค่าประมาณ 20ล้านบาท  ทั้งนี้ พ.ต.จรัล แสงหิรัญ รองผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ ได้มารับเรื่องไว้ และระบุว่าจะส่งต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ทางกลุ่มผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า พวกตนได้เจอโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ค-ไลน์ ประกาศซื้อ ขายรถ “รับให้คำปรึกษา รถผ่อนไม่ไหว ไม่เสียเครดิส”โดยหลังติดต่อไปมีนายหน้าเข้ามาติดต่อขอซื้อรถจากกลุ่มผู้เสียหาย และได้พาผู้ซื้อมาทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จริง 

โดยทำการซื้อดาวน์รถ แบบไม่เปลี่ยนสัญญา  โดยผู้ซื้อจะอ้างว่าเครดิตเต็มไม่สามารถกู้ได้และยืนยันจะส่งค่างวดให้ตรงตามกำหนดเวลา ซึ่งท้ายสัญญาซื้อขายระบุว่าจะปิดค่างวดรถให้ภายใน 6 เดือน และถ้าขาดส่งค่างวดติดต่อกันเกิน 2 เดือนผู้ขายสามารถยึดรถกลับคืนมาได้

ผู้เสียหายรายหนึ่ง  กล่าวว่า ตนเป็นเจ้าของรถโตโยต้า ปี 2011 ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กับนางนฤมล รุ่งน้อย ระบุจ่ายเงินให้ 260,000 บาท หลังจากนั้นนางนฤมล ผู้เช่าซื้อไปชำระเงินค่างวดต่อกับไฟแนนซ์งวดละ 21,684 บาท จำนวน 23 งวด รวมเป็นเงิน 498,732 บาท แต่ปรากฏว่าเมื่อนางนฤมล นำรถไปแล้วไม่ได้ส่งต่อไฟแนนซ์แม้แต่งวดเดียว  ทำให้ติดค้างค่างวดผ่อนส่งกับไฟแนนซ์ทั้งที่ไม่มีรถแล้ว

ทั้งนี้ พวกตนได้เข้าร้องเรียนต่อกองปราบปรามเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา แต่แจ้งว่าพวกตนไม่มีสิทธิ์แจ้งความเพราะไฟแนนซ์เป็นเจ้าของรถไม่ใช่พวกตน ดังนั้น ต้องไปขอเอกสารจากไฟแนนซ์มอบอำนาจ ขณะที่ไฟแนนซ์ก็บอกให้พวกตนชำระเงินค่างวดที่ค้างทั้งหมดมาก่อน 

ขณะที่กรณีนี้นางนฤมล  ถูกจับกุมแล้วและหลอกลวงผู้เสียจำนวนมากถึง 30 ราย กระจายอยู่ในหลายจังหวัด เช่น จ.กำแพงเพชร จ.นครสวรรค์ จ.ชลบุรี จ.สุโขทัย จ.เพชรบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.นครราชสีมา จึงมาร้องทุกข์เพื่อให้ดีเอสไอช่วยดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มขบวนการนายหน้าจำนวน 3-4ราย ที่ร่วมมือกับนางนฤมล ด้วย