"สนธิญาณ" แปลกใจ"พล.อ.ประยุทธ์"รู้หรือไม่ปมหลัง"วิษณุ" รองนายก2ยุค?? เชื่อมโยงมหาเถรฯ เบื้องหลังความขัดแย้งวงการสงฆ์??

เมื่อก่อนไม่มีสำนังานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นกรมการศาสนา ที่หยิบยกเรื่องนี้มา เพื่อจะย้ำว่าเรื่องคณะสงฆ์เข้าไปยุงกับการเมือง การเมืองเข้าไปยุงกับคณะสงฆ์ ซึ่งเป็นสาเหตุสับสนอลวนวุ่นวายปั่นป่วน จนมาถึงปัจจุบันนี้ ย้ำว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี2541 เป็นต้นมา และเกี่ยวพันกับการมาต้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือพศ. โดยพศ.ตั้งครั้งแรก ปี45 เหตุผลในการตั้งตอนนั้น ก็เพราะเห็นว่ากรมศาสนาทำหน้าที่ต้องดูแลหลายศาสนา ซึ่งพระพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ จึงต้องจัดตั้งขึ้น ไม่ต้องลำดับความกันนะว่า ณ วันนั้น มีคนในธรรมกายอยู่ในพรรคไทยรักไทย และมีบทบาทสำคัญ

 

วัดพระธรรมกายมาเกี่ยวข้องอย่างไร??

ก็เพราะวัดพระธรรมกาย มีเข้าอาวาส ชื่อ “ธัมมชโย” ซึ่งปี41 ถูกพระอดิศักดิ์ วิริสโก อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย  กล่าวโทษพระธัมมชโย ว่ายักยอกทรัพย์และที่ดินที่ญาติโยมบริจาคให้กับวัดไปเป็นของตัวเองจากนั้นก็ปรากฏว่าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้มีพระลิขิต 5 ฉบับด้วยกัน  เริ่มตั้งแต่ 5 เมษายน พ.ศ.2542 โดยพระลิขิตฉบับแรกก็ไม่ได้เน้นถึงเรื่องของเงินวัด ที่ดินวัด ที่เป็นประเด็นทางกฏหมาย เพราะท่านสถานะสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้กล่าวในเนื้อหาพระลิขิตในฉบับที่1  สาระสำคัญว่า “อย่าไปบิดเบือนคำสอน” ไปบอกว่านิพานเป็นอัตรา ซึ่งไม่ตรงในพระไตรปิฎก สาระสำคัญคือเรา เป็นพุทธในเถรวาส ยึดมั่นเดินตามพระไตรปิฎก ปรากฏว่า พระธัมมชโย ไม่ได้สนใจอะไร เนื่องจากว่าในวงการสงฆ์ ศาสนาพุทธของไทย แบ่งเป็น2นิกายใหญ่ๆ คือ ธรรมยุติกนิกายและมหานิกาย ซึ่งมหานิกายจะรู้สึกตัวเองตลอดมาว่า เรามันชอกช้ำระกำใจ  เป็นพระชั้นสอง ต้องธรรมยุตเท่านั้น เพราะพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ ทรงตั้งธรรมยุติกนิกาย แลดูเป็นสายเจ้า เผยแพร่ในเอกสารธรรมกาย จนพระธัมมชโยกลายเป็นดาวดวงเด่นของมหานิกายขึ้น ซึ่งพระในมหานิกายก็ได้เทไปให้ความสำคัญกับพระธัมมชโย โดยมาจากความเป็นดาวเด่น จึงทำให้ผู้คนที่มาทำบุญมหาศาล จนวัดพระธรรมกายร่ำรวย จนเกิดคดีนี้ขึ้น ต่อมาปี2542 เดือนตุลาคม อัยยการก็สั่งฟ้อง พระธัมมชโย ในระหว่างนั้นก็มีการผลักดันให้ตั้งสำนักพุทธฯขึ้นมา 

 

สำนักพุทธฯที่ตั้งขึ้นมา ถ้าไม่อยู่ในสาย”มหานิกาย” อยู่ยาก อยู่ลำบาก ยกตัวอย่าง นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ มาดำรงตำแหน่งเป็นผอ.พศ. ซึ่งได้เข้าสักการะ กราบเรียนหลวงตามหาบัวอยู่เป็นประจำ จึงทำให้ถูกปลดออกจากตำแหน่งซึ่งคนปลดก็คือ นายวิษณุ เครืองาม  เป็นผู้ดำเนินการ แล้วทำไมถึงมีอำนาจปลด??  ก็ต้องย้อนหลังไปอีก เมื่อตั้งสำนักพุทธฯขึ้นมา ยกตัวอย่าง ใครได้มีโอกาสไปทำบุญที่พุทธมณฑล จะเห็นเลยว่า มีคนใส่ชุดขาวแบบฟอร์มเดียวกับวัดพระธรรมกาย บริหารอยู่เต็มพุทธมณฑล กิจกรรมต่างๆเครือข่ายวัดทั้งหลายก็เดินในรูปแบบนี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งไปสัมพันธ์ กับคดีของพระธัมมชโย ตอนที่ดำเนินการอยู่ในทางโลก (แต่ทางสงฆ์ก็ทำเดินการไปด้วย) ปรากฏว่าในปี 2547 ต้นปี นายวิษณุก็ได้มีการดำเนินประชุมมหาเถรสมาคม แล้วได้ตั้งผู้ปฏิบัตหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชขึ้น แต่งตั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เป็นเรื่อง!! สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ยังมีสุขภาพที่แข็งแรงดีอยู่ แต่หลังจากมีพระลิขิต ในปี2542แล้ว ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เข้าประชุมมหเถรสมาคม เพราะพระองค์ท่านได้บอกว่า ท่านได้ทำหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชแล้ว ในการที่จะชี้ความถูกผิด ที่เหลือเป็นเรื่องที่มหาเเถรสมาคมดำเนินการ แต่คณะสงฆ์ก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร

 

การตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชนั้น  มีผู้คัดค้าน แต่อีก6 เดือนต่อมา ในเดือนกรกฏาคม ก็ปรับเปลี่ยนแก้กฏหมาย ตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช โดยตอนนั้นมีเรื่องใหญ่ มีการประชุม ชุมนุมกันที่วัดป่าบ้ายตาด ทั้งพระและฆราวาส เป็นหมื่นและหลวงตามหาบัวได้เขียนฏีกาถวาย พระยาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9  ซึ่งในฏีกาดังกล่าว หลวงตามหาบัวได้แจกแจงเอาไว้ ว่านายวิษณุได้กระทำอะไรบ้างที่เป็นการจาบจ้วง ล่วงละเมิด และไปเกี่ยวพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย  นับเป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากนายวิษณุ ในวันนั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร ทั้งนี้ไม่เคยกล่าวหา นายทักษิณเป็นพวกล้มเจ้า แต่นายทักษิณ เกี่ยวข้องกับพวกล้มเจ้าทั้งนั้น  รองนายกรัฐมนตรี2ยุค อย่างนายวิษณุ คุมสำนักพุทธฯเหมือนเดิม เกี่ยวข้องกับวงการสงฆ์ เหมือนเดิม  ดังนั้นจึงอยากให้หลายคนได้อ่านฏีกาของหลวงตามหาบัว โดยเฉพาะกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

 

ความเชื่อมโยงต่างๆยังไม่จบ สำหรับสำนักพุทธฯ พิจารณาดูหลังจากการที่ได้ไปบุกค้นบ้านอดีต ผอ.พศ.2 คน ทำงานเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เกี่ยวกับบุญกุศล งานในวงการสงฆ์ คณะสงฆ์ ที่มีอำนาจ ในมหาเถรสมาคม ดูแลอยู่ แล้วเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรัปชั่น!! การโกงธรรมดาก็บาปนรก

 หมกไหม้ แต่นี่จะบาปหนักกว่าอีกหลายพบ หลายชาติ ใส่ชุดขาวประกอบพิธีกรรมต่างๆทางพระพุทธศาสนา คณะสงฆ์ พระชั้นผู้ใหญ่ มหาเถรสมาคม  ให้การต้อนรับ ยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วผลเป็นอย่างไร??  ขณะที่ส่วนคนที่จะเข้ามาชำระล้างคราบคาวความชั่ว ถึงเวลากดดัน ปลดออกจากตำแหน่ง .. แล้วใครเป็นคนปลดออก?? ก็รองนายกที่เคยอยู่กับนายทักษิณ ซึ่งในนี้ก็มาเป็นรองนายกฯฝ่ายกฏหมาย เหมือนเดิมอีก คนเดิม ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

ภายหลังจากการสิ้นพระชนของสมเด็จพระญาณสังวร ใน24 ตุลาคม 2556  ขณะนั้น ก็เกิดการชุมนุมประท้วงของกลุ่มกปปส.พอดี จากนั้นพฤษภา 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ กฏหมายพรบ.สงฆ์ มาตรา7  สาระสำคัญระบุว่า การจะเสนอให้มีการโปรดเกล้าฯ พระรูปใดเป็นพระสังฆราช ต้องเป็นพระสมเด็จ ที่มีอาวุโสสูงสุด  และนายกเป็นผู้เสนอให้มหาเถรสมาคมเห็นชอบ  ในเวลาต่อมาสมเด็จเกียวก็ได้สิ้นพระชนม์ จนมาถึงสมเด็จช่วง ถามว่าทำไม พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เสนอสมเด็จช่วง ?? แต่สำนักพุทธอยู่ใต้บังคับบัญชาของนายก ไปร่วมมือกับมหาเถรสมาคมยึดอำนาจนายก  โดยเสนอสมเด็จช่วงเป็นสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งต่อมาก็ได้มีผู้คนออกมาทักท้วง เพราะสมเด็จช่วงยังต้องคดีรถหรู ไม่พ้นข้อครหา

น่าสนใจต่อภายหลังจากที่มีคนออกมาคัดค้านเรื่องนี้ นายวิษณุออกมาอธิบายเอง ทำนองว่า อย่างไรก็ต้องเสนอผู้ที่มีอาวุโสสูงสุด แล้วจะเหมือนกันอย่างไร ซึ่งรายละเอียดตามที่รายงานไปแล้ว ที่น่าแปลกใจก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าไม่รู้เรื่องรายละเอียดพวกนี้ที่เกิดขึ้นกับนายวิษณุ  จนท้ายที่สุดภายหลังจากที่มหาเถรสมาคมได้เสนอชื่สมเด็จช่วงแล้ว เรื่อง ก็ยืดยาว มาจนถึง  เดือนธันว่าคม  59 สนช. 81คนด้เสนอแก้กฏหมายถวายคืนอำนาจแดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงเป็นผู้โปรดเกล้าฯตามที่เห็นสมควร ว่าจะโปรดเกล้า พระราชาคณะรูปไหน จึงเป็นสมเด็จพระสังฆราออกปัจจุบัน ผู้คนแซ่ซ้องกันทั้งประเทศ

 ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งเหตุความวุ่นที่เกี่ยวข้องล้วนเกี่ยวพันกับพระธัมมชโย. ธรรมกายทั้งสิ้น

 วันนี้หากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ล้างบางการที่เรา ถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด