คนไทยใจบุญ!! สถิติ "สวดมนต์ข้ามปี59" พุ่ง 18.2 ล้านคน จาก 22,967 สถานที่จัดงานทั่วประเทศ !!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง www.tnews.co.th

เข้าสู่ศักราชใหม่2559 นอกจากความสนุกสนานในการเคาว์ดาวน์แล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมของพุทธศาสนิกชน คือการสวดมนต์ข้ามปี และปีนี้จากการดูสถติ ถือว่าคึกคักกว่าทุกปี

 

พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม(วธ.) ได้รายงานผลการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ2559 ที่กรมการศาสนา(ศน.) และหน่วยงานต่าง ๆ รวม 23 หน่วยงานร่วมกันจัดอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกันทั่วประเทศในคืนวันที่ 31 ธ.ค.2558ที่ผ่านมา โดยปีนี้มีวัดและสถานที่จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีรายงานมายังศูนย์ประสานงานกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี 2559 ว่า มีทั้งสิ้น 22,967 แห่ง มีพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 18,277,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1.2 ล้านคน คือ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2557 มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีประมาณ 17 ล้านคน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีชาวพุทธสนใจและเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเพิ่มมากขึ้น

พลเอก ธนะศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า และที่น่ายินดีอีกอย่าง คือ การจัดกิจกรรมปีนี้ได้รับการตอบรับจากหน่วยงานต่าง ๆ มากขึ้น เห็นได้จากสถานที่จัดสวดมนต์ข้ามปี ไม่ได้มีเฉพาะที่วัด สถานปฏิบัติธรรม สำนักสงฆ์ และสถานที่อันเป็นมงคลเท่านั้น ยังมีอุทยานแห่งชาติหลายแห่งที่มีนักท่องเที่ยวสนใจร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีด้วย เช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.เพชรบูรณ์ และอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี เป็นต้น

ที่สำคัญมีกิจกรรม “สวดมนต์อาเซียน”ใน 14 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่แม่ฮ่องสอน เชียงราย ตาก เลย หนองคาย บึงกาฬ มุกดาหาร นครพนม อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สระแก้ว สุรินทร์ ระนอง และสงขลา นอกจากนี้

ยังพี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาคริสต์และซิกซ์ ก็ได้จัดกิจกรรมอธิษฐานขอพรและสวดมนต์ตามศาสนาของตนเองด้วย”รองนายกรัฐมนตรีกล่าวและว่า อย่างไรก็ตามต้องขอชื่นชมหลายหน่วยงานที่ได้จัดสวดมนต์ข้ามปีให้แก่ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม อาทิ กลุ่มเด็กพิเศษและผู้ด้อยโอกาส เยาวชนจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน รวมถึงผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ด้วย

สำหรับการเดินทางกลับต่างจังหวัดของประชาชน ในวันนี้เป็นไปอย่างคึกคักและในวันพรุ่งนี้ผู้โดยสารจะเริ่มมีพี่น้องประชาชนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก เนื่องจากหลายหน่วยงาน เริ่มทำงานวันแรกในวันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2559

บรรยากาศที่ สถานีรถไฟหัวลำโพง วันนี้ยังคงมีประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา ช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นจำนวนมากทำให้บรรยากาศโดยรอบพื้นที่เป็นไปอย่างคึกคัก ในส่วนของการจัดจำหน่ายตั๋วโดยสารรถไฟนั้น ยังคงมีจำหน่ายให้กับประชาชนที่ต้องการเดินทางกลับต่างจังหวัดอย่างเพียงพอกับความต้องการ พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ ได้ร่วมกับกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ตั้งจุดตรวจ เพื่ออำนวยความสะดวก และความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ด้วยส่วนการจราจรโดยรอบพื้นที่นั้น ยังสามารถใช้การได้อย่างคล่องตัว

ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต ล่าสุดยังคงมีประชาชนทยอยเดินทางมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะเพื่อเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยทางเจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติทั้งการตรวจรักษาความปลอดภัย แม้จะมีผู้โดยสารเดินทางไม่มากนัก

ด้าน นายนพรัตน์ การุณยะวนิชรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ผู้โดยสารเดินทางค่อนข้างน้อย เนื่องจากส่วนใหญ่ได้เดินทางออกต่างจังหวัด และกลับบ้านตั้งแต่วันที่ 25 - 29 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยในวันนี้จะมีผู้โดยสารเดินทางไปท่องเที่ยวมากกว่า อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ผู้โดยสาร
         
จะเริ่มเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก เนื่องจากหลายหน่วยงาน เริ่มทำงานวันแรกในวันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2559 ดังนั้นบขส. จึงสั่งการให้เพิ่มเที่ยววิ่งรถโดยสารทุกเส้นทางให้เพียงพอรองรับประชาชนที่จะเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ

ขณะที่ทางด้านของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ได้สรุป 7 วันอันตราย ซึ่งผ่านมาแล้ว 3 วัน เกิดเหตุ 1,691 ครั้ง ตาย 178 ราย บาดเจ็บ 1,755 คน อุบัติเหตุสูงสุด เชียงใหม่ และเสียชีวิตสะสมมากสุด ชลบุรี โดยสาเหตุหลักเมาแล้วขับ

พล.ต.ต.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวผลการดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ว่า ช่วงควบคุมเข้มข้นระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2558 – 4 มกราคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการรณรงค์ ภายใต้แนวคิด “สุขกาย สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย รับปีใหม่ 2559”

มีการเกิดอุบัติเหตุ 662 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 74 ราย ผู้บาดเจ็บ 675 คน ซึ่งเมื่อรวม 3 วัน มีการเกิดอุบัติเหตุรวม 1,691 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 178 ราย ผู้บาดเจ็บ 1,755 คน

ส่วนจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 62 ครั้ง

จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด คือ จังหวัดชลบุรี จำนวน 8 ราย

และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 63 คน

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่
เมาสุรา ร้อยละ 26.49
ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 19.47

ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่
รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.85
ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 64.35
บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 37.76
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 27.04 ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 53.61