"สนธิญาณ" ยัน! คำพูด 2 พระครูผิดข้อเท็จจริงเรื่องพระรับเงินทำบุญแล้วมีสิทธิผิด กม.และไม่ใช่ปกป้องพุทธศาสนาแต่ทว่า ปกป้องพระธัมมชโย

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tnews.co.th

รายการ "สถาพรถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 8 มิถุนายน 2559  ออกอากาศทางช่อง ทีนิวส์ ดำเนินรายการโดย คุณสถาพร เกื้อสกุล (ถา) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย)  กรรมการผู้อำนวยการ บริษัททีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

สนธิญาณ : มาช้าไปนิดแต่ทุกอย่างไม่มีอะไร คำว่าช้าเป็นเรื่องกำหนด เพราะอย่างไรก็มา

 

สถาพร : ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจโดยเฉพาะเมื่อวานนี้ ทางคณะลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย คุณองอาจ ธรรมนิทา ได้พูดถึงเรื่องการนำเสนอข่าวของทีนิวส์

 

สนธิญาณ : เมื่อวานวัดพระธรรมกายได้มีการแถลงข่าวถึงสำนักข่าวทีนิวส์ ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติในได้ข่าวสารก็ต้องทำความเข้าใจกันไป ผมก็ต้องขออนุญาตทำความเข้าใจว่าในข่าวที่เสนอไปอยากให้ทางวัดพระธรรมกายได้เข้าใจและยืนยันในหลักการของสำนักข่าวทีนิวส์ว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ การที่พระครูปริยัติกิจจานุกรมและพระครูนิธานสีลวงศ์ ได้ให้สัมภาษณ์ผมคิดว่านั่นคือการปลุกระดมพระและปลุกระดมประชาชนด้วยข้อความอันไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ไม่ได้หมายความว่าเป็นเท็จ เพราะท่านอาจจะไม่เข้าใจในข้อเท็จจริง หรือเข้าใจในข้อเท็จจริงแต่ถ้าพูดออกมาแบบนั้นก็เท่ากับข้อความอันเป็นเท็จ ผมไม่ใช่พระแต่ความหมายของกุศลกรรมบถทั้ง 10 ประการ อกุศลกรรมที่เกี่ยวเนื่องด้วยวาจา 4 อย่าง คือการพูดจาโกหก เหลวไหล เพ้อเจ้อ นั่นเป็นเรื่องที่ชาวพุทธทั้งหลายไม่ควรทำ โดยเฉพาะพระไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ท่านพูดจริง ๆ ว่าต่อไปพระจะทำบุญคงต้องถามชาวบ้านแล้วว่าจะเป็นอย่างไร พระจะรู้ไหมครับว่าชาวบ้านเอาเงินมาจากไหนจะเป็นโจรหรือไม่เป็นโจร นี่ข้อที่หนึ่งนะครับ ถ้าบอกว่าพระไม่รู้ ถ้าพระไม่รู้กฎหมายแบบนี้ใช้ไม่ได้ ท่านขยายความแบบนี้ ฉะนั้นขอให้พระลุกกันขึ้นมา ท่านปลุกระดมไหมครับถา

 

สถาพร : บอกให้พระลุกขึ้นมาก็คือการปลุกระดมครับ

 

สนธิญาณ : บอก "อยู่กันไม่ได้แล้วเราจะตายเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่วันนี้ศาสนาจะล่มจมในยุคสมัยเรา เราต้องลุกขึ้นมาปกป้องศาสนาพุทธ" ผมอยากจะบอกว่าที่ทำอยู่ไม่ใช่การปกป้องศาสนาพุทธหรอกครับ เพราะผิดหลักการของพระพุทธศาสนา แต่ท่านจะปกป้องพระธัมมชโยเพราะท่านมีความเคารพศรัทธานั่นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ต้องว่าให้ชัดว่าท่านจะปกป้องพระธัมมชโย ก็เพราะว่าถ้าท่านปกป้องศาสนาพุทธ 1.ท่านต้องเข้าใจข้อเท็จจริงในทางกฎหมายก่อนว่า กระบวนการขั้นตอนทางกฎหมายที่รัฐเขาดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงที่บอกว่า นายศุภชัยเอาเงินจำนวนตั้งเกือบ 1,000 ล้านบาท มาบริจาคให้วัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย พระธัมมชโยรู้จักกับนายศุภชัยเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นพระธัมมชโยมีสิทธิ์ที่จะรู้ได้ว่านายศุภชัยมีเงินที่ขนาดที่ว่าพอที่จะมาบริจาคได้หรือไม่ สิ่งที่ท่านต้องรู้ก็คือท่านจะต้องรู้ต่อไปว่าในระหว่างที่นายศุภชัยเอาเงินมาบริจาคให้วัดและพระธัมมชโย นายศุภชัยได้โกงเงินของสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่นและทิศทางอื่น ๆ ด้วย เพราะฉะนั้นพฤติกรรมทั้งหมดก็เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมที่จะต้องตั้งประเด็นขึ้นมาก่อนว่าพระธัมมชโยมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายศุภชัยตามหลักฐานที่ปรากฏ เมื่อปรากฏแบบนี้ในขั้นตอนกฎหมาย พยานหลักฐานพอที่จะฟ้องได้ พนักงานสอบสวนก็ทำ และคำสั่งการออกหมายจับเป็นอำนาจศาลนั่นก็คือความยุติธรรมแล้วเป็นสิ่งที่ศาลสั่งได้ผ่านการกลั่นกรองแล้ว นี่คือสิ่งที่พระควรจะรู้ ถ้าท่านไม่รู้ไม่เข้าใจทางโลกท่านก็อย่ามาออกความเห็นทางโลก ผมไม่ได้ออกมาโต้ตอบพระ แต่ผมแจงให้ฟังว่านี่คือเรื่องทางโลกจะต้องเข้าใจ การที่ท่านมาพูดและทำให้ชาวพุทธเข้าใจว่าการทำบุญทำให้พระติดคุกได้ ทำให้รู้ว่าเอาเงินมาจากไหนซึ่งไม่เหมือนกับกรณีนี้เงินเป็นจำนวนเกือบ 1,000 ล้านบาทไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ในขณะที่นายศุภชัยซึ่งเอาเงินมาบริจาคโกงไปทางอื่นเป็นหมื่นล้านด้วย 2.ในเรื่องของพระพุทธศาสนาท่านจะต้องเข้าใจในฐานะเป็นพระว่าคนที่มาทำบุญ บุญในพระพุทธศาสนาไม่ใช่มีเฉพาะเรื่องของการที่เอาเงินมาถวาย ซึ่งเป็นเรื่องของทานได้อย่างหนึ่งเท่านั้น บุญเป็นกริยาวัตถุ10 ศาสนาพุทธจะดำรงคงอยู่ได้หรือไม่ ชาวพุทธจะต้องเข้าใจและดำเนินไปตามบุญกริยาวัตถุ10 คือ ทาน 3 ประการ ทานได้แก่การให้ การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล การอนุโมทนาสาธุ ศีลอีก 3 ประการ นั่นก็หมายความว่าจะต้องไม่เบียดเบียนผู้ใด จะต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ต้องมีจิตใจที่อ่อนน้อม ภาวนาทั้ง 3 ประการก็คือ การภาวนา การกรรมฐาน การฟังเทศน์ การเผยแพร่ธรรมะ และข้อสุดท้ายสำคัญที่สุดคือการเชื่อในพระพุทธเจ้า การเชื่อในกฎแห่งกรรม ท่านมาพูดแบบนี้แสดงว่าท่านไม่เชื่อในกฎแห่งกรรมว่าสิ่งที่พระธัมมชโยกำลังโดนอยู่นี้เป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม ท่านอาจจะไม่ได้โกงในชาตินี้แต่ผลที่เกิดขึ้นเป็นผลของกรรมแน่นอน พระที่ไหนก็สอนทั้งนั้นเป็นพระที่ไหนไม่มีปัจจัยแห่งเหตุ อันนี้ผมคิดว่าท่านจะต้องเข้าใจเป็นพระเป็นถึงพระครูแล้ว ผมไม่ได้ก้าวล่วงนะครับ และกลัวที่สุดคือกลัวบาป อันสุดท้ายเป็นพระพูดยิ่งต้องพิจารณาเพราะจะเป็นกุศลหรือเป็นอกุศลได้อย่างง่ายได้ จะเป็นกุศลธรรม10 หรืออกุศลธรรม10 ตามที่ผมได้เรียนไปแล้ว ฉะนั้นการที่จู่ ๆ ท่านมาพูดปลุกระดมโดยผิดข้อเท็จจริงแบบนี้ จะเป็นพระผู้ใหญ่หรือพระผู้เล็กไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะความหมายของความเป็นพระไม่ได้อยู่สมณะศักดิ์ที่ทางโลกมอบให้ ความหมายของการเป็นพระอยู่ที่ท่านรักษาศีลและเข้าใจในความเป็นพุทธะหรือไม่ หลักการของพระพุทธศาสนา 3 หัวใจหัวข้อใหญ่คือ 1.ละเสียทั้งซึ่งทั้งปวง 2.หยั่งกุศลให้ถึงพร้อม 3.ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ก่อนที่ว่าพูดเรื่องบุญเรื่องกุศลสิ่งที่ต้องสอนเรื่องศาสนาพุทธคือการละวางบาปก่อน สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นหรือกำลังทำอยู่นี่ กำลังก่อเวรก่อบาปทั้งสิ้นก็อยากจะกราบเรียนอย่างนี้ ไม่ได้กราบเรียนออกมาเพราะว่ามากระทบกระเทือนสำนักข่าวทีนิวส์ต่อผมก็ต้องเรียนให้ทราบว่าหลักการทำงานเป็นแบบนี้ และผมเองไม่เคยก้าวล่วงในการที่จะไปเรียกขานพระธัมมชโยเป็นอย่างอื่น ไม่เคยมีเลยครับ ยังถือว่าท่านอยู่ในสถานะของความเป็นพระเสมอ สิ่งที่พยายามพูดเพราะยังไม่รู้ปรากฏอย่างไรก็พยายามจะไปที่ลูกศิษย์แต่สำหรับตัวท่านผมก็กราบวิงวอนอยู่เรื่อย ว่าท่านยังยึดมั่นในพระพุทธศาสนาท่านต้องออกมามอบตัว เรื่องราวจะได้จบ ท่านต้องเชื่อมั่นในกฎแห่งกรรมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นกรรมของท่าน ท่านอย่าได้มีส่วนในการก่อกรรมก่อเวรให้กับประเทศอีกเลยครับ